หน้าหนาวมาแล้ว หน้าหนาวมาแล้ว !!!
ขอลาพักร้อน ไปหาความหนาวแบบ Slow life ช่วง 5-10 ธันวาคมที่เขาค้อภูทับเบิกละกัน

ทริปนี้เราลางานวันที่ 5 กับ 9 ธันวาคม ทำให้ได้วันหยุดมา 6 วัน จึงเกิดทริปล่าหมอก ชมดอกไม้ โดยการขับรถชิลๆ ไปเรื่อยๆ กัน 2 คน
จุดหมายคือไปสัมผัสอากาศหนาวบนเขาค้อ และภูทับเบิก แต่ว่า....เราไปเจอที่พักชื่อ เรือนคุณแม่ โฮมสเตย์ที่อุทัยธานี จึงสนใจเพราะไม่เคยเที่ยวจังหวัดนี้มาก่อน เป้าหมายแรกจึงเป็นที่อุทัย อยากรู้ว่าเมืองนี้มีอะไร แล้วเราไปเที่ยวไหนบ้างตามมาได้เลย

วันแรก : 5 ธันวาคม 62 กรุงเทพฯ-อุทัยธานี
เราเริ่มออกจากกรุงเทพฯ ช่วง 7.30 น. จุดหมายแรกของทริปคือวัดถ้ำเขาวง วัดไม้เก่าแก่ท่ามกลางภูเขาหินปูน ใช้เวลาประมาณ 3.30 ชม.แต่เราเรื่อยๆมาเรียงๆ แวะเติมน้ำมันที่ปั้ม ปตท.แถวสุพรรณ กินข้าวเช้าที่ศูนย์อาหารคนละจาน เลยใช้เวลา 4 ชม.ได้

วัดถ้ำเขาวง
เราไม่ได้เข้าไปชมความงามของตัววัดแต่เลือกเดินไปข้างหลัง เพื่อชมกับความ Unseen นั่นก็คือถ้ำต่างๆ ที่มีพุทธศาสนิกชนหลายคนมาปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ
ทางขึ้นค่อนข้างชัน ใส่ผ้าใบและเสื้อผ้าให้เหมาะสมนะคะ อย่าใส่แตะ แต่งชุดแบบเรา 555

เดินไปจนสุดทางจะเจอถ้ำ มีแม่ชีปฏิบัติธรรมและมอบสมุนไพรล้างสารพิษให้ เราเดินไปจนสุดทางด้วยความอยากรู้ สรุปมันคือรางจืด รางแดง ที่หลายคนน่าจะรู้จัก
ส่วนตัวคือเดินเหนื่อยพอสมควร ใครไม่แข็งแรงไม่แนะนำ เพราะไม่ได้มีอะไรมาก เราเหมือนเดินไปถ่ายรูปเฉยๆ แล้วกลับ

ฝายกั้นน้ำปางสวรรค์
ไปกันต่อที่ฝายกั้นน้ำปางสวรรค์นะคะ จากวัดถ้ำเขาวงใช้เวลาประมาณ 50 นาที ดูจากหลายๆรีวิวแล้วถ่ายรูปออกมาสวยมาก เราก็อยากได้ภาพสวยๆ บ้าง
![]() |
![]() |
ใครจะไปเชื่อว่าที่นี่ถ่ายรูปได้ เพราะความจริงเบื้องหลังความสวย มันเป็นแค่ช่อง 2 ช่องแบบนี้...

ด้านหลังที่เห็นคือ ถนนรถวิ่ง ตรงกลาง คือสะพานนั่นเอง ชื่นชมคนที่มาหามุมถ่ายรูปนี้ได้ เพราะจริงๆ มันไม่มีอะไรเลย นี่คือมุมจากบนสะพาน

ถ้าใครมีเวลาจะมาถ่ายรูปก็สวยดีนะคะ แต่ถ้าใครไม่มีเวลาจะตัดที่นี่ออกไปก็ได้ จากฝายกั้นน้ำใช้เวลาอีกประมาณ 1.30 น.กว่าจะไปถึงที่พัก เราเลยเลือกไปเรือนคุณแม่โฮมสเตย์ เพื่อเก็บบรรยากาศที่พักก่อน แล้วค่อยเที่ยวใหม่พรุ่งนี้ เพราะตั้งใจจะเที่ยวอุทัย 2 วัน
ที่พักเรือนคุณแม่โฮมสเตย์

แท้น~ เราเลือกมาพักที่นี่ ก็เพราะมุมนี้เลย มุมที่นั่งห้อยขาลงมาจากระเบียงได้ ชิลสุดๆ มีบ้านห้อยขาแค่ 4 หลังนะคะ คืนละ 2,000/ห้อง/คืน

Welcome drink น้ำอัญชัน เย็นๆ ชื่นใจ กับแก้วเรือนคุณแม่โฮมสเตย์ น่าร๊ากก

ทางเดินไม้ ท่ามกลางพุ่มไม้ภายในโฮมสเตย์

ภายในห้องพัก
บรรยากาศภายในห้องพัก ให้ฟิลเหมือนนอนเรียวกังที่ญี่ปุ่น

ได้รูปจากห้องพักเยอะมาก how to ถ่ายยังไงให้เพื่อนที่นั่งทำงานอิจฉาา 555

ขอ แถมมุมของห้องน้ำ และห้องอาบน้ำ

ข้อมูลที่พักเพิ่มเติม https://www.facebook.com/2077478755896630/posts/2395410970770072
มื้อเที่ยง + เย็น
ถ่ายรูปจนเย็น เราเลยเดินไปกินข้าวเที่ยง+เย็น ที่ร้านป้าสำราญข้างๆ ที่พัก แค่ห้าโมงครึ่งก็สัมผัสได้แล้วว่าอุทัยเป็นเมืองที่เงียบมาก
ทีแรกตั้งใจจะไปตรอกโรงยา แต่ปรากฎว่าเรามาวันพฤหัส ถนนคนเดินมีแต่วันเสาร์เลยอด แต่เราไม่ละความพยายามที่จะเที่ยวเลยขับรถไปในเมืองแถวๆ หอนาฬิกา บริเวณ 5 แยก ตรงนี้ถือว่าครึกครื้นสุดแล้ว
สรุปได้กินน้ำเต้าหู้ไซ้ กินไปมองร้านฝั่งตรงข้ามไปสองทุ่มกว่าแต่คนต่อคิวรอกินข้าวยาวมาก เราเลยได้ข้อสรุปว่า พรุ่งนี้ตอนเย็นจะต้องลองมาชิม เจ้ดาปลาลวกบ้าง ส่วนวันนี้ขอตัวไปนอนก่อนน้าา
วันที่สอง : 6 ธันวาคม 62 เที่ยวในอุทัยธานี
อรุณสวัสดิ์ค่ะ เช้านี้เราตื่นตั้งแต่หกโมง เพื่อไปเที่ยวตลาดชาวบ้านและใส่บาตรกัน อากาศเช้านี้ประมาณ 16 องศา กำลังเย็นสบาย เห็นพระอาทิตย์เริ่มขึ้นจากหน้าโฮมสเตย์ด้วย

มาทันพระบิณฑบาตร ยามเช้าพอดีเลย เงียบ สงบดีจริงๆ ใครมาเที่ยวอย่าลืมหาเวลามาใส่บาตรนะคะ

ใส่บาตรแล้ว เดินไปหาซื้อปลามาปล่อยด้วยเลย ได้ปลาดุกมา 6 ตัว ราคา 60 บาท โถววชีวิตนึงมีค่า 10 บาทเองเหรอ อย่าเป็นอาหารปลาใหญ่อีกนะ เจ้าดุกน้อย

ของขายในตลาดเยอะมาก ส่วนใหญ่จะเป็นผักและของสดเพื่อเอาไปทำกับข้าว แต่เดี๋ยวเราไปกินข้าวเช้าที่โฮมสเตย์ ก่อนกลับเลยแวะกินกาแฟที่ร้านมุมสะแก

มาช่วงเช้าก็ดีนะคะ คนไม่เยอะ แถมแดดไม่ร้อนด้วย เปิดตั้งแต่ 7.00-18.00 น.ค่ะ

กลับไปกินอาหารเช้า อาบน้ำ แต่งตัวเตรียมเที่ยวกันเถอะ ที่พักจะให้เราเลือกว่าจะทานโจ๊ก ข้าวต้ม หรือ ก๋วยจั๊บ ซึ่งก็ซื้อจากตลาดเช้ามานั่นเอง

กินข้าวเสร็จก็ได้เวลาออกเที่ยว ที่แรกคือวัดท่าซุง เพื่อไปชมวิหารแก้ว ซึ่งจะเปิดรอบเช้าช่วง 9.00-11.45 น. ก่อนถึงวิหารก็แวะถ่ายกับปราสาททองก่อน
ปราสาททอง

วิหารแก้ว ของจริงสวยมากค่ะ แต่ไม่ได้ใหญ่แบบที่คิดไว้ อาจด้วยกระจกตามผนังที่สะท้อนเลยทำให้ในวิหารดูกว้างมาก

หุบป่าตาด
ไหว้พระเสร็จ เราออกนอกเมืองไปที่หุบป่าตาด อีกหนึ่ง Unseen ของอุทัยที่ควรมาช่วง 11.00-13.00 น. เพราะแสงแดดจะตกลงมาพอดี เสียค่าเข้าคนละ 20 บาท เปิดถึงสี่โมงเย็น
ที่นี่ถือว่าชอบที่สุดในทริปอุทัย แนะนำให้มาค่ะ
![]() |
![]() |
บ้านชายเขา สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย
บ่ายโมงกว่าเราออกจากหุบป่าตาด ไปกันต่อที่บ้านชายเขา สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็ถึง มีร้านอาหารขายพวกส้มตำอยู่ 1 ร้าน ด้านหน้าเป็นจุดชมวิวขึ้นไปถ่ายรูปมุมสูงเห็นฉากหลังเป็นท้องฟ้าตัดกับภูเขา

ยังคงรู้สึกว่าไม่มีอะไรเลย 555 แวะถ่ายรูปเฉยๆ
คาเฟ่บ้านไร่ปลายนา
ไปต่อกันที่ร้านคาเฟ่บ้านไร่ปลายนากันค่ะ ใช้เวลา 50 นาทีจากบ้านชายเขา ที่นี่จะมีข้าว ก๋วยเตี๋ยว แล้วก็น้ำ ครบจบที่เดียว ตอนไปไม่มีลูกค้าเลย อาจเพราะบ่ายแล้ว เราสั่งก๋วยเตี๋ยวมาคนละชาม 20.- เล็กๆ น่ารัก

กระท่อมด้านหน้า ท่ามกลางทุ่งนา ถ้ามาเช้าๆ แดดไม่ร้อนน่าจะดีกว่า นี่คือภาพสดงดแต่ง

ข้าวกำลังตั้งท้องสีเลยออกเหลืองๆแทนเขียว ดูแล้วยิ่งร้อนจ้าจนไม่อยากเดินไปถ่ายรูปเลย 55

ใครอยากมาเที่ยวที่นี่แนะนำมาเช้าๆ จะได้ไม่ร้อน เลือกช่วงเวลาดีๆตอนนาเขียวๆ ส่วนอาหารมีตัวเลือกไม่มากทานรองท้องได้ อะแต่งสัก 1 ภาพ

หลังชิลๆเสร็จ เราตั้งใจไปกินก๋วยเตี๋ยวไก่ เจ้โหนก ตรอกโรงยา เพราะหาข้อมูลว่าปิดสี่โมงเย็น แต่ไปถึงช่วงบ่ายสามปรากฎว่าร้านเก็บหมดแล้ว เสียดายมาก
วัดสังกัสรัตนคีรี
เราเลยเลือกไปที่วัดสังกัสรัตนคีรีต่อเพื่อชมวิวเมืองอุทัยในมุมสูงพร้อมได้ไหว้พระด้วย
![]() |
![]() |
เมืองอุทัยธานีจากมุมสูงสวยดีนะคะ แต่แนะนำให้มาตอนเย็นน่าจะสถานที่ดูพระอาทิตย์ตกที่สวยอีกที่นึง แต่เรามาช่วงบ่ายสามโมงครึ่งเลยรู้สึกไม่มีอะไร (อีกแล้ว) 555 จริงๆ ใกล้ๆ มีหมุดโลกนะคะ เป็น 1 ใน 3 ของเอเชียแต่เราไม่ได้เดินเข้าไปเพราะจะไปหาร้านกาแฟนั่งชิลรอร้านเจ้ดาปลาลวกเปิดตอนสี่โมงครึ่ง
คาเฟ่ CUP AND HANDLE

สรุปมาเจอร้านกาแฟแถว 5 แยกไม่ไกลจากร้านเจ้ดาปลาลวก เป็นคาเฟ่เล็กๆชื่อว่า CUP AND HANDLE แก้วนี้คือ คัทช์ โกโก้ร้อน

อีกแก้วกับเมนูแนะนำประจำร้าน "Traffic Light Granita" อารมณ์น้ำแข็งใส 3 ชั้น กีวี สับปะรด สตอเบอร์รี่ สดชื่นดีค่ะ

มื้อเย็นร้านเจ้ดา
ดูเวลาสี่โมงกว่าแล้ว เราเลยไปกินข้าวต่อที่ร้านเจ้ดา คิดว่ามาไวแต่ไปถึงก็มีคนมานั่งแล้ว 2-3 โต๊ะ

รีวิวจากวงในบอกว่าห้ามพลาดปลาแรดลวกจิ้ม 80.- งานนี้เราเลยไม่พลาด

บอกได้คำเดียว อร่อยสมคำร่ำลืม ไม่คาว จิ้มกับซอสเต้าเจี้ยวอร่อยจานต่อไปปลาดแรดผัดฉ่า อร่อยถึงเครื่อง

ปลาแรดทอดกระเทียมอีกสักจาน

ต้มยำหัวปลาหม้อใหญ่

หอยแครงสดมาก

กุ้ยฉ่ายขาวหมูกรอบอีกสักจาน

สรุปว่าอร่อยทุกจานค่ะ แต่ชอบสุดน่าจะปลาแรดลวกจิ้ม มีสั่งหมูกรอบทอดน้ำปลากลับบ้านด้วยก็อร่อยมาก

คืนนี้ก่อนกลับที่พัก เราแวะไปถ่ายรูป วัดอุโปสถาราม ยามค่ำ

วันที่สาม : 7 ธันวาคม 62 อุทัยธานี-เพชรบูรณ์
เช้านี้เรารีบเช็คเอ้าท์ 7 โมงเช้าเลยไปกินข้าวเช้าที่ตลาดแทน เพราะตั้งใจจะไปเที่ยวเขาค้อก่อนเข้าที่พัก และเผื่อเวลารถติดเพราะมีคอนเสิร์ต overcoat และอาหารเช้าของเราก็คือขนมจีนเจ้าดั้งเดิม ที่คุณยายขายมาตั้งแต่สมัยสาวๆ นั่นเอง

ด้วยอากาศเย็นทำให้น้ำยาไม่ร้อนแล้ว แต่รสชาติและความเข้มข้นยังอร่อยมากๆ จานละ 20 เอง ใครมาเที่ยวไม่ควรพลาด

เตี๋ยวตั้งโต๊ะ ร้านก๋วยเตี๋ยว สไตล์คาเฟ่

เราเดินเล่นในตลาดสักพัก ก็ออกเดินทางต่อไปยังเพชรบูรณ์ แต่ระหว่างขึ้นเขาค้อ ภูทับเบิกจะมีร้านก๋วยเตี๋ยว สไตล์คาเฟ่ชื่อร้าน "เตี๋ยวตั้งโต๊ะ" ร้านน่ารัก สไตล์มินิมอล

เมนูหลักๆ จะเป็นก๋วยเตี๋ยว แต่ก็มีข้าว และเครืองดื่มจบในร้านเดียว
![]() |
![]() |
มาดูกันนะคะ ว่าเราสั่งอะไรมาบ้าง
![]() |
![]() |
เฉาก๊วยนมเย็น คือไม่หวานกลมกล่อมมาก

ของทานเล่นจานแรกเกี๊ยวทอดไส้หมู 30.-

จานนี้เป็นขนมจีบสูตรแต้จิ๋ว 40.- แป้งบางเนื้อแน่นดีค่ะ

ส่วนจานนี้ชอบจนต้องสั่งเพิ่มกลับบ้าน เพราะตัดเลี่ยนได้ดี ตัวน้ำจิ้มเป็นแบบผสมซีฟู้ด 55.-

มาที่ก๋วยเตี๋ยวบ้าง ชามนี้คือบะหมี่เกี๊ยวต้มยำหมู เส้นลวกมากำลังดี 40.-

ส่วนนี่คือ ต้มยำหม้อไฟ เราเลือกเส้นมาม่าเค้าจะใส่มา 2 ห่อ มีไข่ตอกมาให้อีก 2 ฟอง สำหรับ 2 คนทานราคา 140.- เครื่องเน้นๆ จ้า
![]() |
![]() |
กินคาวไม่กินหวาน คงจะไม่ได้ เราสั่งวาฟเฟิลสตอเบอรรี่ ราคาแค่ 99.-

ใครจะไปเขาค้อ ภูทับเบิกแนะนำร้านนี้เลยอร่อยจริง ราคาไม่แพงด้วย แต่เรากินกันเยอะมากจนจะบ่ายโมงแล้ว ไปต่อกันที่ทุ่งกังหันลมไร่ GB เขาค้อกันค่ะ
ไร่ GB ทุ่งกังหันลม เขาค้อ

เสียค่าเข้าไปถ่ายรูปคนละ 10 บาท แต่มีมุมสวยๆ เยอะมากค่ะ
![]() |
![]() |
![]() |
ถ่ายรูปจนหนำใจเราจึงไปไปที่พัก กันต่อค่ะ
![]() |
![]() |
ระหว่างทางไปที่พัก เราเจอตลาดชาวบ้านเลยได้แวะซื้อเสบียงอาหารเย็นทำสดๆ ใหม่ๆ ราคาถูกๆ ไปเพียบ และที่พักเราวันนี้คือ บ้านสุขอรุณราคาพันต้นๆ เอง
บ้านสุขอรุณ

มีที่พักทั้งแบบเป็นบ้านและกระโจม ได้บรรยากาศคนฟิล

แน่นอนว่าเรากลัวหนาวขอพักแบบบ้านดีกว่า

ตอนเช้าดูพระอาทิตย์ขึ้นได้จากระเบียงเลย

ยิ่งมืดยิ่งหนาว เราเลยกินข้าวอาบน้ำแล้วนอนดีกว่าา
วันที่สี่ : 8 ธันวาคม 62 เขาค้อ-ภูทับเบิก
สวัสดียามเช้าจากระเบียงห้องค่ะ
![]() |
![]() |
เช้านี้มีข้าวต้มหมูนะคะ ยกมาให้เป็นหม้อเลย

วันนี้เรายังหนาวไม่พอ เราเลยจะไปต่อกันที่ภูทับเบิกนั่นเอง แต่ก่อนเข้าที่พักเราตั้งใจเลยไปเที่ยวภูหินร่องกล้าก่อน แต่ดันปัก GPS ผิดไปโผล่ตลาดนัดเด็กดอย 555

ความบังเอิญหรือพรหมลิขิตตต
![]() |
![]() |
ลานหินปุ่ม ภูหินร่องกล้า
หลังจากกรี๊ดเสร็จเราก็ปักหมุดใหม่เป็นลานหินปุ่ม ภูหินร่องกล้า เดินเหนื่อยพอสมควรนะคะ ไป-กลับ รอบใหญ่ประมาณ 3 กิโล
![]() |
![]() |
บรรยากาศดีมาก เป็นความงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้นเอง อีกจุดที่คนชอบมาคือผาชูธง

บ้านไร่ริมผา
จากภูหินร่องกล้าเราก็ขับย้อนลงมาเพื่อไปยังภูทับเบิกกัน โดยเราเลือกพักกันที่บ้านไร่ริมผา ทีแรกตั้งใจจองห้อง A1 ในตำนาน แต่เพราะจองช้าเลยได้ A11 มาแทนแต่วิวสวยเลยล่ะค่ะ

วิวจากระเบียง มองเห็นถนนเลขสามที่ใครก็พูดถึง
![]() |
![]() |
ภายในห้องค่อนข้างเล็กเข้าไปก็เจอเตียงเลย

มีพัดลมให้ กาต้มน้ำร้อน ปลั๊กสามตา ทีวี ไม่อนุญาตให้กินอาหารในห้องนะคะ ส่วนห้องน้ำมีน้ำอุ่นแบบใช้แก๊ส

เก็บของเสร็จเราก็ไปเดินถ่ายรูปเล่นกันค่ะ บนหอนาฬิกา จุดชมวิวยอดฮิต
จุดชมวิวบนหอนาฬิกา

จุดนี้เป็นลานกางเต็นท์ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ด้านหน้าไร่ริมผาเลยค่ะ เพิ่งสี่โมงเย็นแต่ 12 องศาแล้ว

กับไร่กะหล่ำปลี สุดลูกหูลูกตา

เราสั่งหมูกระทะกับที่พักไว้ให้มาส่งตอนหกโมง มี 2 แบบนะคะ ชุดเล็ก 400 ชุดใหญ่ 500 เราสั่งชุดใหญ่มา คือเยอะมากๆๆ
![]() |
![]() |
กินไปสักพัก ลองเช็คอากาศเหลือ 8 องศาา ไม่ไหวค่ะ เก็บหมูกับผักที่เหลือใส่ลังโฟม อาบน้ำนอนดีกว่าา
วันที่ห้า : 9 ธันวาคม 62 ภูทับเบิก-เขาค้อ
อรุณสวัสดิ์ยามเช้ากับ 5 องศาค่ะ เช้านี้ขอซักแห้งจริงๆ เพราะหนาวมาก 555

เก็บของขึ้นรถเสร็จเราก็เดินไปกินข้าวเช้า และเช็คเอ้าท์มีข้าวต้มกับไข่กระทะให้เลือก กินไปมองวิวภูทับเบิกจากลานจอดรถไป

วันนี้เราจะกลับลงไปนอนเขาค้ออีกคืน ก่อนกลับกรุงเทพฯ แต่ก่อนเข้าที่พักเราจะแวะไปเที่ยวที่ภูแก้วพีคก่อน
ภูแก้วพีค

มีค่าเข้าคนละ 20 บาท แต่จะได้บัตรส่วนลดเครื่องดื่มราคา 30 บาท/คน ไฮไลท์คงเป็นตรงสะพานมืออันนี้
![]() |
![]() |
มีหลายมุมมากให้ได้เลือกถ่ายรูป มองเห็นวิวแบบพาโนรามา
![]() |
![]() |
![]() |
แนะนำมาช่วงเช้านะคะ เพราะยังไม่ร้อน ไม่จำกัดเวลา

เดอะบลูสกาย รีสอร์ท เขาค้อ
จากภูแก้วพีค ไม่ไกลกันคือ The blue sky เขาค้อ เสียค่าเข้าคนละ 100 ด้านในมีมุมที่ส้รางขึ้นมาให้ได้ถ่ายรูปเยอะมาก โดยจะมีโบว์ชัวร์แนะนำมุมสวยๆ เป็นตัวอย่างกว่า 30 จุด
![]() |
![]() |
แนะนำมาช่วงเช้านะคะ เรามาบ่ายบางจุดเริ่มย้อนแสง และร้อนมาก
![]() |
![]() |
แนะนำใส่ชุดสีพื้นๆ ไม่มีลาย สีขาวก็ได้ เพราะทุ่งดอกไม้มีหลากสี จัดเป็นสไตล์ผู้ดีอังกฤษ

ได้รูปหนำใจ บวกกับบ่ายโมงกว่าแล้วเราเลยไปกินข้าวต่อกันที่ร้านโรงเตี๊ยมสุดขอบฟ้า
ข้าวเที่ยงที่ โรงเตี๊ยมสุดขอบฟ้า

บรรยากาศดีมาก มิน่าคนรอคิวยาวเลย

ภายในร้านจพตกแต่งแนวจีน แบบโรงเตี๊ยมสมชื่อ

เมนูที่ห้ามพลาดคือขาหมูหมั่นโถว ราคาค่อนข้างสูงแต่ก็ได้เยอะมากค่ะ
![]() |
![]() |
พอข้าวเสร็จ เราก็ลงมาหากาแฟกินที่ร้าน Pino Latte ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับร้านโรงเตี๊ยมเลย
ร้านกาแฟ Pino Latte

เป็นร้านวิวดี ที่ได้รับความนิยมมากอีกร้านนึง กาแฟโอเคเลยค่ะ

จากร้านมองลงไปเห็นวัดผาซ่อนแก้วด้วย วัดที่เรากำลังจะไปกันต่อ

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว
มาต่อกันที่สถานที่สุดท้ายก่อนเข้าที่พักนะคะ วัดที่ใครมาเขาค้อก็ต้องหาโอกาสแวะมากราบไหว้นั่นก็คือ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วนั่นเอง

ไปไหว้พระพุทธเจ้า 5 พระองค์กันเถอะค่ะ
![]() |
![]() |
ของจริงสวยงามมาก ตัววัดตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาสูงใหญ่ซ้อนทับบรรยากาศดี เงียบสงบมากๆ นอกจากนี้ตัววัดเองยังใช้กระจกหลากหลายสีทำให้ดูสะดุดตามากๆ
![]() |
![]() |
เดอะ เทอเรสวิว เขาค้อ
หันมองนาฬิกา จะสี่โมงเย็นแล้วค่ะ เราเลยมุ่งหน้าสู่ที่พักของเราเย็นนี้นั่นก็คือ เดอะ เทอเรสวิว เขาค้อ

ห้องพักเป็นเหมือนบ้านเป็นหลังๆ ส่วนตัวดี วิวสวยเลยค่ะ
![]() |
![]() |
ภายในรีสอร์ทมีมุมให้ได้ถ่ายรูปหลากหลายมาก บางมุมคล้ายๆภูแก้วพีคเลย
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
เดินเล่นถ่ายรูปได้สักพักพระอาทิตย์เริ่มตกดิน เราเลยไปหามุมสวยๆ ดูพระอาทิตย์ตกดินกันค่ะ

จริงๆ บนชั้น 2 ของ Lobby ตรงที่ให้เรากินอาหารเช้าขึ้นไปถ่ายรูปได้ และเป็นที่ดูพระอาทิตย์ตกที่สวยอีกที่หนึ่งแต่เสียดายเรามาเห็นดึกแล้วเลยขึ้นไปตอนเช้าแทน

ค่ำนี้เราเปลี่ยนมาสั่งชุดหม้อไฟบ้าง เพราะเมื่อวานกินหมูกระทะแล้ว ราคาชุดละ 499.- สรุปว่าราคาต่างกับบนภูทับเบิกบาทเดียว แต่ปริมาณค่อนข้างแตกต่าง โชคดีที่เรามีหมูและผักเหลือจากเมื่อวาน ไม่งั้นคงได้สั่งข้าวเพิ่ม แต่บรรยากาศดีเราให้อภัยกับปริมาณอาหารค่ะ 555

วันที่หก : 10 ธันวาคม 62 เขาค้อ-กรุงเทพฯ
อรุณสวัสดิ์เช้าวันสุดท้ายของการหยุดยาวค่ะ เราตื่นมาดูพระอาทิตย์ โดยเดินไปลานโล่งๆ ข้างๆ ที่พัก วันนี้มีทะเลหมอกให้ได้เห็นไกลๆ ด้วย
![]() |
![]() |
อาหารเช้าที่ เดอะเทอเรสมีให้เลือกค่อนข้างหลากหลายเลยทีเดียว รสชาติอร่อยยย

กินข้าวเสร็จเราก็ไปเก็บของเตรียมเช็คเอ้าท์ เดินถ่ายรูปรอบๆอีกนิดหน่อยเพื่อบันทึกความทรงจำ
![]() |
![]() |
ขากลับเราแวะกินข้าวกลางวันที่ร้าน นิวไก่ย่างบัวตองสาขา2 ไม่น่าเชื่อบ่ายโมงกว่าแล้วแต่คิวยังแน่นอยู่เลย แต่ไก่ย่างคืออร่อยจริงๆ เรากินจนลืมถ่ายรูปมาเลย 5555
จบแล้วนะคะสำหรับทริปเที่ยวเหนือของเราในครั้งนี้ หวังว่าจะพอเป็นไกด์ให้เพื่อนๆที่อยากไปเที่ยวเพชรบูรณ์ได้ไม่มากก็น้อยนะคะ ^^



















































