รีวิว เขาค้อ ภูทับเบิก เพชรบูรณ์

วันที่เขียน 19/12/2019
ยอดเข้าชม

120

รีวิว เขาค้อ ภูทับเบิก เพชรบูรณ์

วันที่เขียน

19/12/2019

ยอดเข้าชม

120

เขียนโดย กานต์•เดิน•ทาง

ชอบเที่ยว รักการเดินทาง เพราะทุกการเดินทาง ทำให้กานต์ได้เปิดโลกอีกใบหนึ่ง

หน้าหนาวมาแล้ว หน้าหนาวมาแล้ว !!!
ขอลาพักร้อน ไปหาความหนาวแบบ Slow life ช่วง 5-10 ธันวาคมที่เขาค้อภูทับเบิกละกัน

ทริปนี้เราลางานวันที่ 5 กับ 9 ธันวาคม ทำให้ได้วันหยุดมา 6 วัน จึงเกิดทริปล่าหมอก ชมดอกไม้ โดยการขับรถชิลๆ ไปเรื่อยๆ กัน 2 คน 

จุดหมายคือไปสัมผัสอากาศหนาวบนเขาค้อ และภูทับเบิก แต่ว่า....เราไปเจอที่พักชื่อ เรือนคุณแม่ โฮมสเตย์ที่อุทัยธานี จึงสนใจเพราะไม่เคยเที่ยวจังหวัดนี้มาก่อน เป้าหมายแรกจึงเป็นที่อุทัย อยากรู้ว่าเมืองนี้มีอะไร แล้วเราไปเที่ยวไหนบ้างตามมาได้เลย


วันแรก : 5 ธันวาคม 62  กรุงเทพฯ-อุทัยธานี

เราเริ่มออกจากกรุงเทพฯ ช่วง 7.30 น. จุดหมายแรกของทริปคือวัดถ้ำเขาวง วัดไม้เก่าแก่ท่ามกลางภูเขาหินปูน ใช้เวลาประมาณ 3.30 ชม.แต่เราเรื่อยๆมาเรียงๆ แวะเติมน้ำมันที่ปั้ม ปตท.แถวสุพรรณ กินข้าวเช้าที่ศูนย์อาหารคนละจาน เลยใช้เวลา 4 ชม.ได้


วัดถ้ำเขาวง

เราไม่ได้เข้าไปชมความงามของตัววัดแต่เลือกเดินไปข้างหลัง เพื่อชมกับความ Unseen นั่นก็คือถ้ำต่างๆ ที่มีพุทธศาสนิกชนหลายคนมาปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ 

ทางขึ้นค่อนข้างชัน ใส่ผ้าใบและเสื้อผ้าให้เหมาะสมนะคะ อย่าใส่แตะ แต่งชุดแบบเรา 555

เดินไปจนสุดทางจะเจอถ้ำ มีแม่ชีปฏิบัติธรรมและมอบสมุนไพรล้างสารพิษให้ เราเดินไปจนสุดทางด้วยความอยากรู้ สรุปมันคือรางจืด รางแดง ที่หลายคนน่าจะรู้จัก 

ส่วนตัวคือเดินเหนื่อยพอสมควร ใครไม่แข็งแรงไม่แนะนำ เพราะไม่ได้มีอะไรมาก เราเหมือนเดินไปถ่ายรูปเฉยๆ แล้วกลับ


ฝายกั้นน้ำปางสวรรค์

ไปกันต่อที่ฝายกั้นน้ำปางสวรรค์นะคะ จากวัดถ้ำเขาวงใช้เวลาประมาณ 50 นาที ดูจากหลายๆรีวิวแล้วถ่ายรูปออกมาสวยมาก เราก็อยากได้ภาพสวยๆ บ้าง

ใครจะไปเชื่อว่าที่นี่ถ่ายรูปได้ เพราะความจริงเบื้องหลังความสวย มันเป็นแค่ช่อง 2 ช่องแบบนี้...

ด้านหลังที่เห็นคือ ถนนรถวิ่ง ตรงกลาง คือสะพานนั่นเอง ชื่นชมคนที่มาหามุมถ่ายรูปนี้ได้ เพราะจริงๆ มันไม่มีอะไรเลย นี่คือมุมจากบนสะพาน

ถ้าใครมีเวลาจะมาถ่ายรูปก็สวยดีนะคะ แต่ถ้าใครไม่มีเวลาจะตัดที่นี่ออกไปก็ได้ จากฝายกั้นน้ำใช้เวลาอีกประมาณ 1.30 น.กว่าจะไปถึงที่พัก เราเลยเลือกไปเรือนคุณแม่โฮมสเตย์ เพื่อเก็บบรรยากาศที่พักก่อน แล้วค่อยเที่ยวใหม่พรุ่งนี้ เพราะตั้งใจจะเที่ยวอุทัย 2 วัน


ที่พักเรือนคุณแม่โฮมสเตย์

แท้น~ เราเลือกมาพักที่นี่ ก็เพราะมุมนี้เลย มุมที่นั่งห้อยขาลงมาจากระเบียงได้ ชิลสุดๆ มีบ้านห้อยขาแค่ 4 หลังนะคะ คืนละ 2,000/ห้อง/คืน

Welcome drink น้ำอัญชัน เย็นๆ ชื่นใจ กับแก้วเรือนคุณแม่โฮมสเตย์ น่าร๊ากก

ทางเดินไม้ ท่ามกลางพุ่มไม้ภายในโฮมสเตย์


ภายในห้องพัก

บรรยากาศภายในห้องพัก ให้ฟิลเหมือนนอนเรียวกังที่ญี่ปุ่น   

ได้รูปจากห้องพักเยอะมาก how to ถ่ายยังไงให้เพื่อนที่นั่งทำงานอิจฉาา 555

ขอ แถมมุมของห้องน้ำ และห้องอาบน้ำ

ข้อมูลที่พักเพิ่มเติม https://www.facebook.com/2077478755896630/posts/2395410970770072


มื้อเที่ยง + เย็น

ถ่ายรูปจนเย็น เราเลยเดินไปกินข้าวเที่ยง+เย็น ที่ร้านป้าสำราญข้างๆ ที่พัก แค่ห้าโมงครึ่งก็สัมผัสได้แล้วว่าอุทัยเป็นเมืองที่เงียบมาก 

ทีแรกตั้งใจจะไปตรอกโรงยา แต่ปรากฎว่าเรามาวันพฤหัส ถนนคนเดินมีแต่วันเสาร์เลยอด แต่เราไม่ละความพยายามที่จะเที่ยวเลยขับรถไปในเมืองแถวๆ หอนาฬิกา บริเวณ 5 แยก ตรงนี้ถือว่าครึกครื้นสุดแล้ว

สรุปได้กินน้ำเต้าหู้ไซ้ กินไปมองร้านฝั่งตรงข้ามไปสองทุ่มกว่าแต่คนต่อคิวรอกินข้าวยาวมาก เราเลยได้ข้อสรุปว่า พรุ่งนี้ตอนเย็นจะต้องลองมาชิม เจ้ดาปลาลวกบ้าง ส่วนวันนี้ขอตัวไปนอนก่อนน้าา


วันที่สอง : 6 ธันวาคม 62 เที่ยวในอุทัยธานี

อรุณสวัสดิ์ค่ะ เช้านี้เราตื่นตั้งแต่หกโมง เพื่อไปเที่ยวตลาดชาวบ้านและใส่บาตรกัน อากาศเช้านี้ประมาณ 16 องศา กำลังเย็นสบาย เห็นพระอาทิตย์เริ่มขึ้นจากหน้าโฮมสเตย์ด้วย

มาทันพระบิณฑบาตร ยามเช้าพอดีเลย เงียบ สงบดีจริงๆ ใครมาเที่ยวอย่าลืมหาเวลามาใส่บาตรนะคะ

ใส่บาตรแล้ว เดินไปหาซื้อปลามาปล่อยด้วยเลย ได้ปลาดุกมา 6 ตัว ราคา 60 บาท โถววชีวิตนึงมีค่า 10 บาทเองเหรอ อย่าเป็นอาหารปลาใหญ่อีกนะ เจ้าดุกน้อย

ของขายในตลาดเยอะมาก ส่วนใหญ่จะเป็นผักและของสดเพื่อเอาไปทำกับข้าว แต่เดี๋ยวเราไปกินข้าวเช้าที่โฮมสเตย์ ก่อนกลับเลยแวะกินกาแฟที่ร้านมุมสะแก

มาช่วงเช้าก็ดีนะคะ คนไม่เยอะ แถมแดดไม่ร้อนด้วย เปิดตั้งแต่ 7.00-18.00 น.ค่ะ

กลับไปกินอาหารเช้า อาบน้ำ แต่งตัวเตรียมเที่ยวกันเถอะ ที่พักจะให้เราเลือกว่าจะทานโจ๊ก ข้าวต้ม หรือ ก๋วยจั๊บ ซึ่งก็ซื้อจากตลาดเช้ามานั่นเอง

กินข้าวเสร็จก็ได้เวลาออกเที่ยว ที่แรกคือวัดท่าซุง เพื่อไปชมวิหารแก้ว ซึ่งจะเปิดรอบเช้าช่วง 9.00-11.45 น. ก่อนถึงวิหารก็แวะถ่ายกับปราสาททองก่อน


ปราสาททอง

วิหารแก้ว ของจริงสวยมากค่ะ แต่ไม่ได้ใหญ่แบบที่คิดไว้ อาจด้วยกระจกตามผนังที่สะท้อนเลยทำให้ในวิหารดูกว้างมาก


หุบป่าตาด

ไหว้พระเสร็จ เราออกนอกเมืองไปที่หุบป่าตาด อีกหนึ่ง Unseen ของอุทัยที่ควรมาช่วง 11.00-13.00 น. เพราะแสงแดดจะตกลงมาพอดี เสียค่าเข้าคนละ 20 บาท เปิดถึงสี่โมงเย็น

ที่นี่ถือว่าชอบที่สุดในทริปอุทัย แนะนำให้มาค่ะ


บ้านชายเขา สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย

บ่ายโมงกว่าเราออกจากหุบป่าตาด ไปกันต่อที่บ้านชายเขา สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็ถึง มีร้านอาหารขายพวกส้มตำอยู่ 1 ร้าน ด้านหน้าเป็นจุดชมวิวขึ้นไปถ่ายรูปมุมสูงเห็นฉากหลังเป็นท้องฟ้าตัดกับภูเขา

ยังคงรู้สึกว่าไม่มีอะไรเลย 555 แวะถ่ายรูปเฉยๆ 


คาเฟ่บ้านไร่ปลายนา

ไปต่อกันที่ร้านคาเฟ่บ้านไร่ปลายนากันค่ะ ใช้เวลา 50 นาทีจากบ้านชายเขา ที่นี่จะมีข้าว ก๋วยเตี๋ยว แล้วก็น้ำ ครบจบที่เดียว ตอนไปไม่มีลูกค้าเลย อาจเพราะบ่ายแล้ว เราสั่งก๋วยเตี๋ยวมาคนละชาม 20.- เล็กๆ น่ารัก

กระท่อมด้านหน้า ท่ามกลางทุ่งนา ถ้ามาเช้าๆ แดดไม่ร้อนน่าจะดีกว่า นี่คือภาพสดงดแต่ง

ข้าวกำลังตั้งท้องสีเลยออกเหลืองๆแทนเขียว ดูแล้วยิ่งร้อนจ้าจนไม่อยากเดินไปถ่ายรูปเลย 55

ใครอยากมาเที่ยวที่นี่แนะนำมาเช้าๆ จะได้ไม่ร้อน เลือกช่วงเวลาดีๆตอนนาเขียวๆ ส่วนอาหารมีตัวเลือกไม่มากทานรองท้องได้ อะแต่งสัก 1 ภาพ

หลังชิลๆเสร็จ เราตั้งใจไปกินก๋วยเตี๋ยวไก่ เจ้โหนก ตรอกโรงยา เพราะหาข้อมูลว่าปิดสี่โมงเย็น แต่ไปถึงช่วงบ่ายสามปรากฎว่าร้านเก็บหมดแล้ว เสียดายมาก 


วัดสังกัสรัตนคีรี

เราเลยเลือกไปที่วัดสังกัสรัตนคีรีต่อเพื่อชมวิวเมืองอุทัยในมุมสูงพร้อมได้ไหว้พระด้วย

เมืองอุทัยธานีจากมุมสูงสวยดีนะคะ แต่แนะนำให้มาตอนเย็นน่าจะสถานที่ดูพระอาทิตย์ตกที่สวยอีกที่นึง แต่เรามาช่วงบ่ายสามโมงครึ่งเลยรู้สึกไม่มีอะไร (อีกแล้ว) 555 จริงๆ ใกล้ๆ มีหมุดโลกนะคะ เป็น 1 ใน 3 ของเอเชียแต่เราไม่ได้เดินเข้าไปเพราะจะไปหาร้านกาแฟนั่งชิลรอร้านเจ้ดาปลาลวกเปิดตอนสี่โมงครึ่ง


คาเฟ่ CUP AND HANDLE

สรุปมาเจอร้านกาแฟแถว 5 แยกไม่ไกลจากร้านเจ้ดาปลาลวก เป็นคาเฟ่เล็กๆชื่อว่า CUP AND HANDLE แก้วนี้คือ คัทช์ โกโก้ร้อน

อีกแก้วกับเมนูแนะนำประจำร้าน "Traffic Light Granita" อารมณ์น้ำแข็งใส 3 ชั้น กีวี สับปะรด สตอเบอร์รี่ สดชื่นดีค่ะ


มื้อเย็นร้านเจ้ดา

ดูเวลาสี่โมงกว่าแล้ว เราเลยไปกินข้าวต่อที่ร้านเจ้ดา คิดว่ามาไวแต่ไปถึงก็มีคนมานั่งแล้ว 2-3 โต๊ะ

รีวิวจากวงในบอกว่าห้ามพลาดปลาแรดลวกจิ้ม 80.- งานนี้เราเลยไม่พลาด

บอกได้คำเดียว อร่อยสมคำร่ำลืม ไม่คาว จิ้มกับซอสเต้าเจี้ยวอร่อยจานต่อไปปลาดแรดผัดฉ่า อร่อยถึงเครื่อง

ปลาแรดทอดกระเทียมอีกสักจาน

ต้มยำหัวปลาหม้อใหญ่

หอยแครงสดมาก

กุ้ยฉ่ายขาวหมูกรอบอีกสักจาน

สรุปว่าอร่อยทุกจานค่ะ แต่ชอบสุดน่าจะปลาแรดลวกจิ้ม มีสั่งหมูกรอบทอดน้ำปลากลับบ้านด้วยก็อร่อยมาก

คืนนี้ก่อนกลับที่พัก เราแวะไปถ่ายรูป วัดอุโปสถาราม ยามค่ำ


วันที่สาม : 7 ธันวาคม 62 อุทัยธานี-เพชรบูรณ์

เช้านี้เรารีบเช็คเอ้าท์ 7 โมงเช้าเลยไปกินข้าวเช้าที่ตลาดแทน เพราะตั้งใจจะไปเที่ยวเขาค้อก่อนเข้าที่พัก และเผื่อเวลารถติดเพราะมีคอนเสิร์ต overcoat และอาหารเช้าของเราก็คือขนมจีนเจ้าดั้งเดิม ที่คุณยายขายมาตั้งแต่สมัยสาวๆ นั่นเอง

ด้วยอากาศเย็นทำให้น้ำยาไม่ร้อนแล้ว แต่รสชาติและความเข้มข้นยังอร่อยมากๆ จานละ 20 เอง ใครมาเที่ยวไม่ควรพลาด


เตี๋ยวตั้งโต๊ะ ร้านก๋วยเตี๋ยว สไตล์คาเฟ่

เราเดินเล่นในตลาดสักพัก ก็ออกเดินทางต่อไปยังเพชรบูรณ์ แต่ระหว่างขึ้นเขาค้อ ภูทับเบิกจะมีร้านก๋วยเตี๋ยว สไตล์คาเฟ่ชื่อร้าน "เตี๋ยวตั้งโต๊ะ" ร้านน่ารัก สไตล์มินิมอล

เมนูหลักๆ จะเป็นก๋วยเตี๋ยว แต่ก็มีข้าว และเครืองดื่มจบในร้านเดียว

มาดูกันนะคะ ว่าเราสั่งอะไรมาบ้าง

เฉาก๊วยนมเย็น คือไม่หวานกลมกล่อมมาก

ของทานเล่นจานแรกเกี๊ยวทอดไส้หมู 30.-

จานนี้เป็นขนมจีบสูตรแต้จิ๋ว 40.- แป้งบางเนื้อแน่นดีค่ะ

ส่วนจานนี้ชอบจนต้องสั่งเพิ่มกลับบ้าน เพราะตัดเลี่ยนได้ดี ตัวน้ำจิ้มเป็นแบบผสมซีฟู้ด 55.-

มาที่ก๋วยเตี๋ยวบ้าง ชามนี้คือบะหมี่เกี๊ยวต้มยำหมู เส้นลวกมากำลังดี 40.-

ส่วนนี่คือ ต้มยำหม้อไฟ เราเลือกเส้นมาม่าเค้าจะใส่มา 2 ห่อ มีไข่ตอกมาให้อีก 2 ฟอง สำหรับ 2 คนทานราคา 140.- เครื่องเน้นๆ จ้า

กินคาวไม่กินหวาน คงจะไม่ได้ เราสั่งวาฟเฟิลสตอเบอรรี่ ราคาแค่ 99.-

ใครจะไปเขาค้อ ภูทับเบิกแนะนำร้านนี้เลยอร่อยจริง ราคาไม่แพงด้วย แต่เรากินกันเยอะมากจนจะบ่ายโมงแล้ว ไปต่อกันที่ทุ่งกังหันลมไร่ GB เขาค้อกันค่ะ   


ไร่ GB ทุ่งกังหันลม เขาค้อ

เสียค่าเข้าไปถ่ายรูปคนละ 10 บาท แต่มีมุมสวยๆ เยอะมากค่ะ

ถ่ายรูปจนหนำใจเราจึงไปไปที่พัก กันต่อค่ะ

ระหว่างทางไปที่พัก เราเจอตลาดชาวบ้านเลยได้แวะซื้อเสบียงอาหารเย็นทำสดๆ ใหม่ๆ ราคาถูกๆ ไปเพียบ และที่พักเราวันนี้คือ บ้านสุขอรุณราคาพันต้นๆ เอง


บ้านสุขอรุณ

มีที่พักทั้งแบบเป็นบ้านและกระโจม ได้บรรยากาศคนฟิล

แน่นอนว่าเรากลัวหนาวขอพักแบบบ้านดีกว่า

ตอนเช้าดูพระอาทิตย์ขึ้นได้จากระเบียงเลย

ยิ่งมืดยิ่งหนาว เราเลยกินข้าวอาบน้ำแล้วนอนดีกว่าา


วันที่สี่ : 8 ธันวาคม 62 เขาค้อ-ภูทับเบิก

สวัสดียามเช้าจากระเบียงห้องค่ะ

เช้านี้มีข้าวต้มหมูนะคะ ยกมาให้เป็นหม้อเลย

วันนี้เรายังหนาวไม่พอ เราเลยจะไปต่อกันที่ภูทับเบิกนั่นเอง แต่ก่อนเข้าที่พักเราตั้งใจเลยไปเที่ยวภูหินร่องกล้าก่อน แต่ดันปัก GPS ผิดไปโผล่ตลาดนัดเด็กดอย 555

ความบังเอิญหรือพรหมลิขิตตต   


ลานหินปุ่ม ภูหินร่องกล้า

หลังจากกรี๊ดเสร็จเราก็ปักหมุดใหม่เป็นลานหินปุ่ม ภูหินร่องกล้า เดินเหนื่อยพอสมควรนะคะ ไป-กลับ รอบใหญ่ประมาณ 3 กิโล

บรรยากาศดีมาก เป็นความงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้นเอง อีกจุดที่คนชอบมาคือผาชูธง


บ้านไร่ริมผา

จากภูหินร่องกล้าเราก็ขับย้อนลงมาเพื่อไปยังภูทับเบิกกัน โดยเราเลือกพักกันที่บ้านไร่ริมผา ทีแรกตั้งใจจองห้อง A1 ในตำนาน แต่เพราะจองช้าเลยได้ A11 มาแทนแต่วิวสวยเลยล่ะค่ะ

วิวจากระเบียง มองเห็นถนนเลขสามที่ใครก็พูดถึง

ภายในห้องค่อนข้างเล็กเข้าไปก็เจอเตียงเลย

มีพัดลมให้ กาต้มน้ำร้อน ปลั๊กสามตา ทีวี ไม่อนุญาตให้กินอาหารในห้องนะคะ ส่วนห้องน้ำมีน้ำอุ่นแบบใช้แก๊ส

เก็บของเสร็จเราก็ไปเดินถ่ายรูปเล่นกันค่ะ บนหอนาฬิกา จุดชมวิวยอดฮิต


จุดชมวิวบนหอนาฬิกา

จุดนี้เป็นลานกางเต็นท์ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ด้านหน้าไร่ริมผาเลยค่ะ เพิ่งสี่โมงเย็นแต่ 12 องศาแล้ว

กับไร่กะหล่ำปลี สุดลูกหูลูกตา

เราสั่งหมูกระทะกับที่พักไว้ให้มาส่งตอนหกโมง มี 2 แบบนะคะ ชุดเล็ก 400 ชุดใหญ่ 500 เราสั่งชุดใหญ่มา คือเยอะมากๆๆ

กินไปสักพัก ลองเช็คอากาศเหลือ 8 องศาา ไม่ไหวค่ะ เก็บหมูกับผักที่เหลือใส่ลังโฟม อาบน้ำนอนดีกว่าา


วันที่ห้า : 9 ธันวาคม 62 ภูทับเบิก-เขาค้อ

อรุณสวัสดิ์ยามเช้ากับ 5 องศาค่ะ เช้านี้ขอซักแห้งจริงๆ เพราะหนาวมาก 555

เก็บของขึ้นรถเสร็จเราก็เดินไปกินข้าวเช้า และเช็คเอ้าท์มีข้าวต้มกับไข่กระทะให้เลือก กินไปมองวิวภูทับเบิกจากลานจอดรถไป

วันนี้เราจะกลับลงไปนอนเขาค้ออีกคืน ก่อนกลับกรุงเทพฯ แต่ก่อนเข้าที่พักเราจะแวะไปเที่ยวที่ภูแก้วพีคก่อน


ภูแก้วพีค

มีค่าเข้าคนละ 20 บาท แต่จะได้บัตรส่วนลดเครื่องดื่มราคา 30 บาท/คน ไฮไลท์คงเป็นตรงสะพานมืออันนี้

มีหลายมุมมากให้ได้เลือกถ่ายรูป มองเห็นวิวแบบพาโนรามา

แนะนำมาช่วงเช้านะคะ เพราะยังไม่ร้อน ไม่จำกัดเวลา


เดอะบลูสกาย รีสอร์ท เขาค้อ

จากภูแก้วพีค ไม่ไกลกันคือ The blue sky เขาค้อ เสียค่าเข้าคนละ 100 ด้านในมีมุมที่ส้รางขึ้นมาให้ได้ถ่ายรูปเยอะมาก โดยจะมีโบว์ชัวร์แนะนำมุมสวยๆ เป็นตัวอย่างกว่า 30 จุด

แนะนำมาช่วงเช้านะคะ เรามาบ่ายบางจุดเริ่มย้อนแสง และร้อนมาก

แนะนำใส่ชุดสีพื้นๆ ไม่มีลาย สีขาวก็ได้ เพราะทุ่งดอกไม้มีหลากสี จัดเป็นสไตล์ผู้ดีอังกฤษ

ได้รูปหนำใจ บวกกับบ่ายโมงกว่าแล้วเราเลยไปกินข้าวต่อกันที่ร้านโรงเตี๊ยมสุดขอบฟ้า


ข้าวเที่ยงที่ โรงเตี๊ยมสุดขอบฟ้า

บรรยากาศดีมาก มิน่าคนรอคิวยาวเลย

ภายในร้านจพตกแต่งแนวจีน แบบโรงเตี๊ยมสมชื่อ

เมนูที่ห้ามพลาดคือขาหมูหมั่นโถว ราคาค่อนข้างสูงแต่ก็ได้เยอะมากค่ะ

พอข้าวเสร็จ เราก็ลงมาหากาแฟกินที่ร้าน Pino Latte ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับร้านโรงเตี๊ยมเลย


ร้านกาแฟ Pino Latte

เป็นร้านวิวดี ที่ได้รับความนิยมมากอีกร้านนึง กาแฟโอเคเลยค่ะ

จากร้านมองลงไปเห็นวัดผาซ่อนแก้วด้วย วัดที่เรากำลังจะไปกันต่อ


วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว

มาต่อกันที่สถานที่สุดท้ายก่อนเข้าที่พักนะคะ วัดที่ใครมาเขาค้อก็ต้องหาโอกาสแวะมากราบไหว้นั่นก็คือ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วนั่นเอง

ไปไหว้พระพุทธเจ้า 5 พระองค์กันเถอะค่ะ

ของจริงสวยงามมาก ตัววัดตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาสูงใหญ่ซ้อนทับบรรยากาศดี เงียบสงบมากๆ นอกจากนี้ตัววัดเองยังใช้กระจกหลากหลายสีทำให้ดูสะดุดตามากๆ


เดอะ เทอเรสวิว เขาค้อ

หันมองนาฬิกา จะสี่โมงเย็นแล้วค่ะ เราเลยมุ่งหน้าสู่ที่พักของเราเย็นนี้นั่นก็คือ เดอะ เทอเรสวิว เขาค้อ

ห้องพักเป็นเหมือนบ้านเป็นหลังๆ ส่วนตัวดี วิวสวยเลยค่ะ

ภายในรีสอร์ทมีมุมให้ได้ถ่ายรูปหลากหลายมาก บางมุมคล้ายๆภูแก้วพีคเลย

เดินเล่นถ่ายรูปได้สักพักพระอาทิตย์เริ่มตกดิน เราเลยไปหามุมสวยๆ ดูพระอาทิตย์ตกดินกันค่ะ

จริงๆ บนชั้น 2 ของ Lobby ตรงที่ให้เรากินอาหารเช้าขึ้นไปถ่ายรูปได้ และเป็นที่ดูพระอาทิตย์ตกที่สวยอีกที่หนึ่งแต่เสียดายเรามาเห็นดึกแล้วเลยขึ้นไปตอนเช้าแทน

ค่ำนี้เราเปลี่ยนมาสั่งชุดหม้อไฟบ้าง เพราะเมื่อวานกินหมูกระทะแล้ว ราคาชุดละ 499.- สรุปว่าราคาต่างกับบนภูทับเบิกบาทเดียว แต่ปริมาณค่อนข้างแตกต่าง โชคดีที่เรามีหมูและผักเหลือจากเมื่อวาน ไม่งั้นคงได้สั่งข้าวเพิ่ม แต่บรรยากาศดีเราให้อภัยกับปริมาณอาหารค่ะ 555


วันที่หก : 10 ธันวาคม 62 เขาค้อ-กรุงเทพฯ

อรุณสวัสดิ์เช้าวันสุดท้ายของการหยุดยาวค่ะ เราตื่นมาดูพระอาทิตย์ โดยเดินไปลานโล่งๆ ข้างๆ ที่พัก วันนี้มีทะเลหมอกให้ได้เห็นไกลๆ ด้วย

อาหารเช้าที่ เดอะเทอเรสมีให้เลือกค่อนข้างหลากหลายเลยทีเดียว รสชาติอร่อยยย

กินข้าวเสร็จเราก็ไปเก็บของเตรียมเช็คเอ้าท์  เดินถ่ายรูปรอบๆอีกนิดหน่อยเพื่อบันทึกความทรงจำ

ขากลับเราแวะกินข้าวกลางวันที่ร้าน นิวไก่ย่างบัวตองสาขา2 ไม่น่าเชื่อบ่ายโมงกว่าแล้วแต่คิวยังแน่นอยู่เลย แต่ไก่ย่างคืออร่อยจริงๆ เรากินจนลืมถ่ายรูปมาเลย 5555

จบแล้วนะคะสำหรับทริปเที่ยวเหนือของเราในครั้งนี้ หวังว่าจะพอเป็นไกด์ให้เพื่อนๆที่อยากไปเที่ยวเพชรบูรณ์ได้ไม่มากก็น้อยนะคะ ^^

สิ่งที่เราอยากแนะนำ