เ ที่ ย ว ต รั ง . . . ค รั้ ง ห นึ่ ง
นี่คือการมาเที่ยวตรังครั้งแรกแบบจริงจัง หลังจากที่เคยขับรถผ่านๆ แวะกินหมูย่างเท่านั้น จากคำชักชวนของพี่ที่ทำงาน ที่เคยใช้บริการของมดตะนอยรีสอร์ท และเอารูปมาโชว์ที่ทำงาน ตอนแรกๆบอกเลยว่าเฉยๆ เพราะตั้งใจอยากไปแถบกระบี่ ภูเก็ตมากกว่า
กระทั่งได้ไปเดินงาน ไทยเที่ยวไทย ที่ศูนย์สิริกิต แล้วพบกับบูธ มดตะนอยรีสอร์ท บอกเลยว่า ป้ามด ขายของเก่งมากกก (ใครเคยหลงเข้าไปคุยกับป้ามดแบบเราบ้างคะ? ) 555 สุดท้าย ได้จ่ายมัดจำคนละ 500 ไว้ก่อน แล้วอยากเดินทางเมื่อไหร่ ค่อยบอกแก ซึ่งหลังจากวันนั้นป้ามดจะอัพเดทข่าวสาร ราคาตั๋ว ผ่านทางไลน์มาให้ตลอด จนเราเห็นทริปเกาะรอก คือสวยมาก
เปลี่ยนจาก 3 วัน 2 คืน มาเป็น 4 วัน 3 คืน จากราคา 5,000 บาท เป็น 8,500 บาทแทน ซึ่งราคานี้ รวมรถตู้ รับ-ส่งสนามบิน (พาเที่ยวในเมือง) รวมอาหาร 8 มื้อ (มื้อเย็นเป็นซีฟู้ด) และที่พัก รวมเรือ สปี๊ดโบ๊ทไปเกาะรอก
ภาพส่วนหนึ่งจากทริปนี้ ก่อนที่เราจะขออธิบายแบบละเอียด ตามสไตล์ของเรานะคะ
สำหรับทริปนี้ เราจองไว้ช่วงสิงหา 61 แต่เดินทางจริงๆ 7 - 10 มีนาคม 62 เราจองตั๋วช่วงเดือนธันวาคม ได้ตั๋วไป - กลับ คนละ 2,300 บาท ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย
ตรงนี้ป้ามดน่ารักมาก คือ เราอยู่ญี่ปุ่นและตัดผ่านบัตรไม่ได้ ป้ามดออกเงินให้ก่อนเลยจ้า 4,600 บาท กลับถึงไทยค่อยจ่ายคืนแก ซึ่งก่อนเดินทางจริง เราได้ทำการเข้าไปส่อง เฟสบุ๊ค คุณ พฤกษ์ ลูกชายป้ามด ผู้ซึ่งคอยดูแลพวกเราเมื่อถึงรีสอร์ทจนสนิทระดับหนึ่ง
สรุปว่าทั้งทริป 4 วัน คุณพฤกษ์ ลงมาดูแลพวกเรา คอยถ่ายรูปใต้น้ำ กระโดดโลดเต้น และโชว์ความกวน ตลอดทั้งทริปจ้าาาา
โปรแกรมเที่ยวของเรา
ไฟล์ทเราไปถึงสนามบินตรัง ประมาณ 9.30 น. จะมีรถตู้มารับ ทริปนี้มีประมาณ 15 คน ใช้รถตู้ 2 คัน คนขับก็นิสัยดี อยากแวะไหนแค่บอกเค้าพาไปหมดเลยค่ะ รับคนจนครบ
ร้านหมูย่างเมืองตรัง
พี่เค้าก็พาเรามากินข้าวเช้าที่ร้านหมูย่างเมืองตรัง สำหรับเราหมูย่างอร่อยค่ะ หนังกรอบอร่อย ไม่อมน้ำมัน แต่ชุดติ่มซำค่อนข้างเย็นเราเลยทานไม่หมด แต่ได้กินแค่หมูย่างก็เหมือนมาถึงเมืองตรังแล้วค่ะ
ร้านขนมเปี๊ยะ ซอย 9
หลังจากกินข้าวเสร็จ คนขับก็พาเราไปยังร้านขนมเปี๊ยะ ซอย 9 ที่ถือได้ว่าเป็นไฮไลท์ของฝากที่ใครมาก็ต้องซื้อ และติดใจ โดยต้องสั่งจองล่วงหน้า
เราจองไว้ตั้งแต่วันมาพอวันกลับก็มารับ เค้าจะทำสดๆ ใหม่ๆ จากเตาทุกวัน โดยส่วนตัวชอบไส้เผือกไข่เค็มสุดค่ะ เพราะเนื้อเผือกละมุนลิ้นมากก
ระหว่างทางพี่คนขับก็มีพาไปไหว้พระที่ศาลเจ้ากับไปแช่เท้าที่บ่อน้ำพุร้อน ดูเพื่อนร่วมทริปคนอื่นๆจะชอบกันนะคะ แต่เราขี้ร้อน เลยไม่ได้ลองเอาเท้าลงไปแช่
ก่อนจะไปขึ้นเรือเพื่อเข้าที่พักช่วงห้าโมงเย็น พี่คนขับได้พาเราไป ถ้ำเลเขากรอบ เพื่อลอดท้องมังกร ขอบอกว่า เสียวมากกกก ถือเป็น Unseen อีกจุดหนึ่งของตรัง ที่ใครมาแล้วต้องลองไปลอดในถ้ำสักครั้ง ราคาต่อคนไม่แน่ใจนะคะ แต่รวมในแพคเกจแล้ว พี่คนขับบอกว่า ไม่เคยไม่ใครติด คนคุมเรือเก่ง แต่สำหรับเราแล้ว ลุ้นมากกกก
ร้านล่อคุ้ง
เราถามพี่คนขับว่า ถ้ามาตรังต้องห้ามพลาดทานอะไร นอกเหนือจากหมูย่างเมืองตรัง พี่เค้าบอกว่าต้องมาราดหน้าเจ้านี้ ขึ้นชื่อมาก แต่ส่วนตัวสั่งเส้นหมี่เหลืองไป รู้สึกไม่ค่อยเข้มข้น ไม่รู้ว่าเพราะติดกินราดหน้าเส้นใหญ่จากกรุงเทพฯ ไปรึป่าว ถ้าใครมีโอกาส ลองไปชิมแล้วมาบอกทีนะคะ ว่าชอบมั้ย
มดตะนอยรีสอร์ท
เมื่อเราเที่ยวทั่วตัวเมืองมาทั้งวัน ก็ถึงเวลามาขึ้นเรือ ตอน 5 โมงเย็น ซึ่งใช้เวลาแค่ 5 นาทีก็ถึงที่พัก จริงๆ สามารถขับรถมาถึงที่รีสอร์ทได้เลย แต่ทางรีสอร์ทต้องการให้เราได้เห็นบรรยากาศทั้งทางบก และทางน้ำนั่นเองค่ะ
มาถึง เราก็พบกับเจ้าของรีสอร์ทสุดกวน คุณ พฤกษ์ ที่รอต้อนรับ จัดแจงห้องพักให้
สำหรับห้องพัก ต้องบอกก่อนว่า อาจไม่ได้หรูหรา เหมือน รีสอร์ทที่เคยไปพัก ทุกที่ เพราะที่นี่ยังใช้น้ำบาดาล แถมเครื่องทำน้ำอุ่นไม่มี ไม่มี wifi เวลาอาบน้ำอาจต้องใจเย็นนิดนึง เพราะถ้าหลายห้องอาบพร้อมๆ กัน น้ำจากฝักบัวอาจไหลช้า แต่มีแอร์ กับทีวี สัญญาณไม่ชัดมากให้ ไดร์เป่าผมไม่มี แต่สามารถยืมได้
สำหรับเราโอเคมากแล้วค่ะกับที่พัก เพราะชีวิตส่วนใหญ่เราจะใช้ไปกับการเที่ยวในทะเลและใต้น้ำมากกว่า สำหรับหลังที่เราอยู่ นอนกัน 2 ครอบครัว ครอบครัวละ 2-3 คนค่ะ บ้านหลังนี้มี 2 ห้องนอน ส่วนอีกโซนเราไม่ได้เดินไปดูข้างใน
มื้อเย็น
เก็บสัมภาระ นั่งพักเสร็จก็ออกมากินข้าว หกโมงครึ่ง ฟังตารางเที่ยววันพรุ่งนี้ อาหารเย็นเหมือนในรูปที่โฆษณาไว้เดะ ไม่อิ่มเติมปูได้ค่ะ
ชอบแกงส้มอร่อยมากกก วันนี้เรารีบกิน รีบไปนอนชาร์จพลัง เพราะวันรุ่งขึ้นเรามีนัดกินข้าวเช้าแปดโมง เรือออกไปดำน้ำเก้าโมงค่ะ
# วันที่ 2 : เกาะกระดาน - ถ้ำมรกต - เกาะแหวน
เนื่องจากจำนวน สมาชิกทั้งหมดมี 15 คน เป็นแบบ 3 วัน 2 คืน 8 คน (ไม่รวมเกาะรอก) และอีก 7 คนเป็นแบบ 4 วัน 3 คืน ดังนั้นทางรีสอร์ท เลยให้เราไปเกาะรอกวันที่ 3 แทน แล้วไปดำน้ำที่เกาะกระดานกันก่อน
อาหารเช้าจะเสริ์ฟเป็นข้าวต้ม ขนมจีบ มีให้ทานหลายอย่างอยู่ค่ะ เรือที่พาเราไปดำน้ำวันแรกเป็นเรือลำใหญ่ แบบที่มีดาดฟ้าให้ขึ้นไปถ่ายรูปได้
เกาะกระดาน
วันที่เราไปถือว่าน้ำแรง ข้างใต้ค่อนข้างขุ่น มองไม่ค่อยเห็นอะไรมาก สุดท้ายก็ปล่อยไหลตามน้ำไปขึ้นฝั่ง ซึ่งบนฝั่งถือว่า สวย ทรายสีขาวตัดกับน้ำทะเลสีฟ้า จุดนี้ได้หลายรูปอยู่เหมือนกัน
เราใช้เวลาอยู่ที่เกาะกระดาน นาพอสมควรเหมือนกันจนถึงเวลาทานข้าวเที่ยง ทางรีสอร์ท จัดเป็นบุพเฟ่ต์ ไว้ให้เราทานบนเรือ มีแกงส้ม ผัดวุ้นเส้น ยำมะม่วงปลากรอบ และน้ำพริกกะปิ ผักสด เพิ่งดำน้ำไปเกาะแรก แต่หิวไวมากก กินไปเยอะพอสมควร ก่อนจะออกเดินทางไปยังถ้ำมรกตต่อค่ะ
ถ้ำมรกต
ที่ถ้ำมรกต จริงๆ แล้วชาวต่างชาติใส่แค่ชูชีพแล้วค่อยๆ ลอยเข้าไปในถ้ำ แต่ด้วยความที่กรุ๊ปเรา มีทั้งคนที่ว่ายน้ำเป็น/ไม่เป็น คนแก่ และวัยรุ่น ทางรีสอร์ทเลยใช้วิธีให้จับชูชีพคนข้างหน้าแล้วต่อเป็นรถไฟเข้าไปในถ้ำเพื่อง่ายต่อการดูแล เพราะด้านในมืดมาก
เราว่าเป็นภาพที่น่ารักดีนะคะ จนฝรั่งถาม แวร์ ยู ฟอร์ม 55555 ถ้าไปเที่ยวแล้วเห็นใครเกาะเป็นแถวๆ เข้าถ้ำ คิดไว้ก่อนเลยค่ะ ว่าคนไทย
ตอนเข้าไปในถ้ำคือ ดี๊ย์ งามมากก เพราะไม่มีคนเลย ไพรเวทมากกก เราถ่ายรูปกันสักพักถึงได้มี ฝรั่งตามเข้ามา
ภายในถ้ำมรกต ถ้าเราเงยหน้ามองขึ้นไปจะมีมุมถ่ายรูป ที่มองเห็นเป็นรูปหัวใจพอดี มองออกมั้ยคะ
หลังจากที่คนอื่นออกไปกันหมดเราถึงได้ออกตาม อยากบอกว่าอีก 1 unseen หน้าถ้ำมรกตคือฝูงปลา ที่เยอะ แบบเยอะมาก นอกจากน้ำหน้าถ้ำที่เป็นสีเขียวเหมือนมรกตแล้ว ก็มีฝูงปลานี่ล่ะค่ะ ที่ดูเป็นมิตรและเยอะมาก
เกาะแหวน
จากถ้ำมรกต เราจึงไปกันที่เกาะสุดท้ายของวันนี้เพื่อ ชมความงามของกัลปังหาและปลานีโม่ ที่เกาะแหวนค่ะ
พี่พฤกษ์ เจ้าของ มดตะนอยรีสอร์ท บอกกับเราว่า เค้าคำนวณเวลา เพื่อให้มาถึงเกาะแหวน ช่วงน้ำนิ่งๆ จะได้เห็น กัลปังหา ชัดเจนขึ้น ใต้น้ำเป็นยังไงบ้าง ไปดูด้วยกันนะคะ
วันนี้เราได้มีโอกาสลองหัดใช้ตีนกบดำน้ำ และถอดชูชีพ เพื่อหัดพยุงตัวในน้ำ ต้องบอกก่อนว่าเราว่ายน้ำไม่เป็นเลยย แต่ใจสู้ พี่บังฮีม (เปลี่ยน ฮ.เป็น ห. นะคะ พันทิป ไม่ยอมให้พิม 555) คนดูแลใจเย็นมาก และสอนเราว่ายน้ำ ดูแลใกล้ชิดจนวันแรกผ่านไปเราสามารถตีขา ลอยตัวขนานกับผิวน้ำได้
กลับรีสอร์ท
เรากลับมาถึงรีสอร์ทประมาณ ห้าโมงเย็น มีเวลา อาบน้ำ ไปเดินเล่นดูพระอาทิตย์ตก และวิ่งเล่นกับเจ้าป๊อกกี้ หมาของทางรีสอร์ท ที่ซนสุดๆ
สำหรับมือเย็นของวันที่ สอง ก็อร่อยไม่ต่างจากวันแรกเลยค่ะ ส่วนตัวชอบปูนิ่มมากกกกกกกกกกก วันนี้กินข้าวไป พี่พฤกษ์ ก็เปิดรูปภาพทั้งหมดที่ถ่ายทั้งวันให้ดู ถ้าใครชอบก็สามารถซื้อไฟล์รูปทั้งหมดได้ในราคา 200 บาท แล้วค่อยเอาไปแบ่งกับเพื่อนๆ ในแก้งค์ ไม่ต้องซื้อทุกคนก็ได้ค่ะ
# วันที่ 3 : เกาะรอกนอก - เกาะรอกใน
วันนี้เราทานข้าวต้มเหมือนเดิม เพิ่มเติมซาลาเปาทอดอร่อยมากกกก
วันนี้จำนวนสมาชิกมีทั้งหมด 7 คน เราเดินทางด้วยเรือ สปีทโบ๊ท ขอบอกว่า เป็น ไพรเวททริปมากค่ะ
แถมระหว่างทาง เราเจอชาวประมงหลายสิบลำกำลังจับแมงกระพรุนค่ะ น่าจะเป็นฤดูแมงกระพรุนรึป่าวไม่แน่ใจ พี่พกฤษ์เล่าให้ฟังว่า ได้ตัวละ 5 บาท โดยเรือแต่ละลำ จับได้เป็นพันตัว แมงกระพรุน MK ที่เรากินก็มาจากพวกนี้นี่ละ คือ เยอะมากเต็มทะเลจริงๆๆ
เกาะรอก
เราใช้เวลาเดินทาง 40 นาทีก็มาถึง ซึ่ง นอกจากนักท่องเที่ยวจากตรัง ก็ยังมีนักท่องเที่ยวทั้งจากกระบี่ และภูเก็ตมาเที่ยวเช่นกัน แค่เห็นน้ำจากบนเรือ คือ สวยสมชื่อ ราชินีแห่งอันดามัน จริงๆ ค่ะ
ขึ้นเกาะ ผมยังไม่เปียก หน้าตายังไม่เละแบบนี้ ก็ถ่ายรูปรัวๆ สิค่ะ ก่อนไปดำน้ำกัน
เกาะกระดานว่าน้ำสวยแล้ว เราว่าที่เกาะรอก น้ำใส ทรายขาวกว่านะ
แล้วก็มาถึงช่วงเวลาดำน้ำ เราไปอีกเกาะที่อยู่ติดกันจำไม่ได้อันไหนเกาะรอกนอก เกาะรอกใน แต่พอถึงเกาะก็ทานข้าวกล่องกันก่อน เดินเล่นถ่ายรูปสักพักก็ลงไปดำน้ำ ซึ่งมีพี่บังคนเดิม ช่วยเรา ดำลงไปจนถ่ายรูปสวยๆ ได้ ขอบอกว่า ใน 7 คน มีเราคนเดียวที่ว่ายน้ำไม่เป็นแต่ห้าวเป้งมาก 5555
เป็นทริปที่ประทับใจมาก พี่บังพาเราดำลงไปดูปลานี่โม่ใกล้ๆ แบบแทบจะชิด ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดขนาดนี้ และไม่ใช่แค่เรานะ พี่เค้าพาทุกคนลงไปแบบใกล้ชิด ประทับใจมากก ถ้าไปใช้บริการมดตะนอย รีเควส พี่บังไปดูแลได้เลยค่ะ
เป็นทริปดำน้ำ 2 วันติดที่รู้สึกผ่านไปไวมาก เพราะทางรีสอร์ทดูแลดี ทำให้เรารู้สึกสนุก จนลืมเวลา เผลอแปปๆก็จะได้เวลากลับแล้วค่ะ เรากลับมาช่วงห้าโมงเย็นเหมือนเดิม พอได้มีเวลาอาบน้ำ เดินเล่นหน้าหาด
แนะนำ ลากเก้าอี้ลงไปนั่งในน้ำ ดูพระอาทิตย์ตก ฟินสุดๆ ไปเลย
ส่วนอาหารมื้อค่ำ ก่อนจากลา ก็มีน้องปูมาอีกแล้ว และเรายังได้สั่งปูไข่ดอง ตัวละ 250 บาท อร่อยมากกกกกกกกกกกกค่ะ พูดถึงแล้วน้ำลายสอ เพราะมันสดจริงๆ
# วันที่ 4 : ตัวเมืองตรัง - สนามบินตรัง - ดอนเมือง
วันสุดท้ายของการเที่ยวตรังแล้ว วันนี้เราทานข้าวเวลาเดิม เพิ่มเติมคือเดินเล่น ถ่ายรูปรอบๆที่พัก เพราะรถจะมารับเราตอน 11 โมงเช้า เราเลยมีเวลาได้เห็นหาด เพราะปกติกินข้าวเสร็จก็มุ่งตรงไปดำน้ำ วันนี้เลยได้มาหลายรูปเลยค่ะ
กันตัง
รถตู้ที่มารับคือคันเดียวกับที่มาส่งเราขามา ไฟล์ทเราตอนทุ่มนึงค่ะ ทำให้มีเวลาเหลือเฟือในการเที่ยวตัวเมือง พี่คนขับเลยพาเรามาถ่ายรูปที่สถานที่กันตัง อีกหนึ่งแลนด์มาร์ค สถานีรถไฟสุดท้ายฝั่งอันดามัน
จากนั้นก็ไปรับขนมเปี๊ยะ ที่เราสั่งซื้อไว้ตอนขามา ถือได้ว่า เป็นขนมภาระ ที่อร่อยที่สุด 55555 พอรับขนมเสร็จ พี่คนขับก็พาพวกเราตระเวนถ่ายรูป Street Art ที่ไม่รู้ว่าใครมาวาดไว้บ้าง มีแต่รูปสวยๆ ตามกำแพงหลายจุดเลยค่ะ
แปปๆ ก็ได้เวลากินข้าวเที่ยง เราเน้นกินอะไรกันง่ายๆ เพราะอยากใช้เวลาในการเที่ยวให้คุ้มค่า 5555 ขนมเค้กตรังก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่เพื่อนจากกรุงเทพฯ บอกต้องซื้อไปฝากให้ได้
สรุปว่าเตรียมกระเป๋ามาว่างๆ แล้วรอขนขนมกลับดีที่สุดและเมื่อมาถึงทั้งที บ้านท่านชวน และ ต้นยางพาราต้นแรกของประเทศไทย ก็เป็นอะไรที่คนส่วนใหญ่ต้องไปถ่ายรูป ไม่งั้นเหมือนมาไม่ถึงเมืองตรัง