วันนี้เราจะพาทุกคนไปโรยตัวที่น้ำตกผาโสก อุบลราชธานี จุดชมวิวแห่งใหม่ของนักผจญภัยสายลุย

วันที่เขียน 24/08/2020
ยอดเข้าชม

74

วันนี้เราจะพาทุกคนไปโรยตัวที่น้ำตกผาโสก อุบลราชธานี จุดชมวิวแห่งใหม่ของนักผจญภัยสายลุย

วันที่เขียน

24/08/2020

ยอดเข้าชม

74

เขียนโดย เที่ยวให้คนอิจฉา

มนุษย์เงินเดือน ที่มีความฝันอยากไปถ่ายรูปรอบโลก ผจญภัย ดำน้ำ โรยตัว ล่องแก่ง เดินป่า คาเฟ่

วันนี้เราจะพาทุกคนไปโรยตัวที่น้ำตกผาโสก อุบลราชธานี จุดชมวิวแห่งใหม่ของนักผจญภัยสายลุย     

พวกเราออกเดินทางกันในคืนวันศุกร์แล้วไปเช้าที่ จ.อุบล กินก๋วยจั๊บญวนเป็นอาหารเช้า เที่ยวน้ำตกสร้อยสวรรค์ แวะร้านกาแฟ “ความทรงจำ คาเฟ่”   

ถึงแม้เราจะเจออากาศที่ร้อนอบอ้าวสุด และน้ำในอ่างจากุ๊ดชี่น้อยมาก ๆ  แต่ธรรมชาติก็ตอบแทนเราให้เห็นทางช้างเผือก และดวงดาวเต็มท้องฟ้าให้แทน  ภารกิจโรยตัวจากหน้าผาสูง บอกเลยว่าเสียวสุดๆ ตอนก้าวขาออกมา แต่พอออกมาได้แล้ว มันดีงามเลยๆ แกรร๊  แอ๊คท่าถ่ายรูป บอกเลยรูปดูเท่ห์มากเลยแหละแกรร๊     

ออกจากป่ามา ไปล่องเรือชมแม่น้ำสองสีที่ริมน้ำโขงส่งท้ายก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ  ดีงามสุดๆ เลย ถ้าพร้อมแล้ว … เก็บกระเป๋าแล้วออกไป ลองทำอะไรที่ท้าทายขีดจำกัดความสามารถของตัวเอง … แบบเรากันเหอะ  

  • เต็นท์ แผ่นรองนอน เปลนอน ถุงนอน
  • ระยะทางจากจุดเริ่มเดินเป็นทางลาดชันในช่วงแรก
  • วิวสวย มีที่ให้แช่น้ำหลายจุด
  • แดดร้อน ควรพก ร่มหมวกติดตัวไปด้วย
  • ไม่มีห้องน้ำ
  • มีสัญญาณโทรศัพท์ ** ยกเว้นค่ายสีฟ้า **

พวกเราออกเดินทางกันในคืนวันศุกร์แล้วไปเช้าที่ จ.อุบล มาถึงก็กินอาหารเช้าที่บ้านพี่ยัก คุณแม่พี่ยักทำก๋วยจั๊บญวนให้พวกเรากินกันอร่อยสุดๆ กินกันเสร็จเรียบร้อย ก็ทยอยจัดของ  

พี่ยัก ก็พาไปเที่ยวน้ำตกสร้อยสวรรค์  

เสียดายช่วงที่เราไปน้ำแห้งมาก อากาศร้อนสุดๆ แล้วก็ไปชมริมน้ำโขงก่อนจะกลับเข้าบ้าน  

เอาสัมภาระขึ้นรถเดินทางจากโขงเจียม ไปอุทยานแห่งชาติผาแต้ม แวะร้านกาแฟ “ความทรงจำ คาเฟ่” ซึ่งเป็นร้านกาแฟริมโขง ทางผ่านก่อนถึงจุดเริ่มเดินขึ้นผาโสก ระยะทางประมาณเกือบ 8 กม  

ร้านกาแฟริมโขง มุมถ่ายรูปเยอะมากๆๆ  

วิวแม่น้ำโขงท่ามกลางอากาศร้อนระอุ 😓

ประมาณเกือบเที่ยงพวกเราก็มาถึงจุดเริ่มเดิน เส้นทางเดินที่นี่ค่อนข้างชัดเจน เพราะเป็นเส้นทางที่ชาวบ้านเดินกัน เดินผ่านกระท่อมของชาวบ้านได้เลย  

ช่วงที่เราไปแดดไม่ร้อน แต่อากาศอบอ้าวสุดๆ  

เดินมาประมาณ สิบนาที ก็มาถึงลำห้วยเล็กๆ เป็นจุดพักทานอาหารกลางวันของพวกเรา ทานกันง่ายๆ ปลาปิง ส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว ปลาส้ม  

แย่งกันกิน อร่อยเลยแหละแกรร๊  

หลังทานอาหารและพักร่างกันเสร็จ ก็ขึ้นเขา ทางเดินก็เป็นก้อนหินทรายขนาดใหญ่ ต้องค่อยๆเดิน  

เดินขึ้นเขามาสักพัก ก็ต้องหยุด ก็ทางมันชันนินา 5555 แวะถ่ายรูปกันเรื่อยๆ  

บางช่วงก็ข้ามลำห้วยเล็กๆ ซึ่งมีน้ำในช่วงหน้าฝนเท่านั้น จนถึงหลังแปร ระยะทางประมาณเกือบ แปดร้อยเมตร  

แล้วก็ยังเดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ใกล้ถึงหลังแปร (ภูกระดึง) แล้ว เอ้ย ไม่ใช่ ผาโสกดิ  

เดินมาไม่ถึง 10 นาทีก็จะมีถึงลานหินกว้าง เห็นเสาเฉลี่ยงคู่อยู่ไม่ไกล  

ปีนขึ้นไปถ่ายกันชิวๆๆ  

มาแล้วต้องถ่ายนะเว้ยยย   

จากลานหินเสาเฉลียงคู่ เดินขึ้นผ่านดงต้นไม้ทางด้านขวามือ เดินตามแนวหน้าผาจนถึงแค้มป์ผาโสก ระยะทางประมาณอีก 1 กม  

เดินเรียบแนวหน้าผาชมวิวแม่น้ำโขงไปเรื่อย  

แอ๊คท่าถ่ายรูป ระวังอันตรายด้วยนาจ้า  

จุดชมวิว หน้าผาโล่งๆ จะเป็นวิวสองฝั่งโขง แนวหน้าผาฝั่งตรงข้ามที่เราเดินมา เป็นผาบ่องและถ่ำผามือแดงอยู่ไกลๆ ด้านล่างก็เป็นหมู่บ้านท่าล้ง  

กลุ่มเราเน้นถ่ายรูป วิถีสโลวไลฟ์

จากจุดชมวิวหน้าผาช่วงสุดท้าย ก็เดินลงสู่ลานหินด้านล่าง เพื่อไปยังแค้มป์ซึ่งอยู่ไม่ไกล  

แล้วก็มาถึงแค้มป์ที่ผา บริเวณผาโสก ประมาณเกือบห้าโมงเย็น เดินชิวถ่ายรูปเยอะไปหน่อย พื้นที่แค้มป์ เป็นลานหินโล่งกว้างเหมาะกางเต็นท์มากๆ แต่ช่วงที่เราไปอากาศร้อน อบอ้าวมาก ๆ มีลมพัดพอให้เย็นๆ หรือจะกางเปลนอนแบบเราก็ได้ แต่ต้องลุยป่าเข้าไปหาต้นไม้ใหญ่หน่อย น้ำบริเวณแค้มป์ใส่ สะอาด ใช้ดื่มกิน ทำอาหารได้  

หลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เดินกลับไปยังที่พัก พระอาทิตย์ก็ค่อยๆ จางหาย ความมืดก็ค่อยๆ เข้ามาแทนที่ ลมเย็นๆ พัดผ่านมาทำให้ไม่ร้อนมาก  

แล้วก็มานั่งล้อมวง รอแม่ครัว (พี่ผึ้ง) ทำอาหาร ประมาณ สองทุ่ม ก็นั่งกินข้าวกัน กินไปคุยไป เฮฮากันไป เสร็จก็แยกย้ายกัน บางคนก็นั่งคุยกันยาวไป  

เพราะมีความร้อนจากหินทรายที่คลายออกมาทำให้นอนในเต็นท์กัน ไม่ได้เลย หอบถุงนอนออกมานอนกันหน้าเต็นท์บ้าง ริมผาบ้าง ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ #ส่วนเราหลับสบายเพราะนอนเปล 5555  

ถึงแม้เราจะเจออากาศที่ร้อนอบอ้าวสุด และน้ำในอ่างจากุ๊ดชี่น้อยมาก ๆ แต่ธรรมชาติก็ตอบแทนเราให้เห็นทางช้างเผือก และดวงดาวเต็มท้องฟ้าให้แทน  

หลังจากนั่งดูดาว และถ่ายรูปคู่ทางช้างเผือกกันจนพอใจ ก็แยกย้ายกันเข้านอน😴

ประมาณตีห้า ก็ได้ยินเสียงเรียกกันโหวกเหวก ชวนกัน ให้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่เราขอบาย นอนต่อดีกว่า ตื่นมาอีกทีเกือบเก้าโมงเช้า ลุกขึ้น ล้างหน้าแปรงฟัน ไปทานข้าวเช้า แล้วก็มาเก็บสัมภาระเตรียมตัวเดินทางกลับ  

แต่ขากลับจะเดินกลับทางเก่า มันก็ไม่ว้าวดิเนอะ เราจะโรยตัวลงจากหน้าผาสูงลงไปยังด่านล่าง พี่อุ๋ยเริ่มสอนการใช้งานอุปกรณ์เซฟตี้ และวิธีการโรยตัว  

พวกเราแต่ละคนก็เตรียมความพร้อมกันสุดๆ ใส่อุปกรณ์กันเรียบร้อย แบกเป้สัมภาระไปวางกองรวมกันไว้ เพราะเวลาเราโรยตัวจะโรยตัวเปล่า สัมภาระจะตามลงไปทีหลัง  

ทีมงานพี่ยัก ก็เตรียมเชือก จัดสถานที่โรยตัวให้พร้อม ** การโรยตัวไม่เกี่ยวข้องกับอุทยานนะครับ **  

พี่วัน (staff) ลงคนแรกเลย เพื่อเคลียทางและไปคอยดีเลย์เชือกให้เราอยู่ด้านล่าง  

บอกเลยว่าเสียวสุดๆ ตอนก้าวขาออกมา แต่พอออกมาได้แล้ว มันดีงามเลยๆ  

ลงมาได้ ก็แอ๊คท่าเท่ๆ ให้ตากล้อง (เพื่อนร่วมทริป) ที่อยู่ด้านบน ถ่ายรูปให้ บอกเลยรูปดูเท่ห์มากเลยแหละแกรร๊  

หลุดจากหน้าผามาได้ก็เจอโอเวอแฮ้งห้อยโตงเตง ต้องค่อยๆ ปล่อยเชือกลงมา  

จะกรี๊ดแรงก็ไม่ได้นาจ้า รังผึ้งอยู่ประกบทั้งสองข้างเลยอ่า  

จะลงมาเป็นเส้นคู่ก็ได้นาจ้า ** เราลงช้าพี่เค้าตามทัน **  

ค่อยๆ ปล่อยเชือก ทิ้งตัวเองลงมาช้า ๆ วิวระหว่างลงมาคือสวยมาก  

มันสูงจริงๆ นะแกรร๊ แต่มันเป็นอะไรที่ดีต่อใจสุดๆๆ  

มันคืออีกสถานที่หนึ่งที่ท้าทายขีดจำกัดความสามารถของเราเอง  

ใช้เวลาโรยตัวลงมาไม่นาน ก็มาถึงพื้นข้างล่าง บอกเลยหัวใจเต้นแรงมาก ตอนมองลงมามองพื้นด้านล่าน 555 แต่มันสนุกสุด ๆ  

พอพวกเราทุกคนลงมากันครบ ก็เริ่มหย่อนกระเป๋าสัมภาระลงมา คว้ากระเป๋าได้เริ่มเดินออกจากป่ากัน ผ่านเถียงนา แล้วก็เดินตามคันนา ขึ้นรถกลับไปอาบน้ำและทานข้าวกันที่บ้านพี่ยักเช่นเคย  

ทริปนี้ดีมากอ่ะแกรร๊ พี่ยักพาไปล่องเรือชมแม่น้ำสองสีที่ริมน้ำโขงส่งท้ายก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ เป็นอันจบทริปนี้   

ทริปนี้เป็นการเที่ยวแบบแอดเวนเจอร์ที่สนุก และครบรสที่สุด ที่สำคัญได้เพื่อนใหม่ที่ชอบเหมือนเราด้วยแหละ แต่ …. อย่าเชื่อจนกว่าจะได้มาลองด้วยตัวคุณเอง เก็บกระเป๋าแล้วออกไปเปิดโลกทัศน์ของคุณให้กว้างขึ้น ลองทำอะไรที่ท้าทายขีดจำกัดความสามารถของตัวเอง … แบบเรา  

สิ่งที่เราอยากแนะนำ