⛅ ห ลี เ ป๊ ะ แ ป๊ ป 🌴
เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล เป็นเกาะหนึ่งในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา อยู่สุดเขตแดนใต้ในแถบหมู่เกาะอาดัง – ราวี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะตะรุเตา ห่างจาก #เกาะตะรุเตา 45 กิโลเมตร ห่างจากฝั่งท่าเรือปากบาราประมาณ 60 กิโลเมตร
เกาะหลีเป๊ะ หมายถึงเกาะที่มีลักษณะราบเรียบคล้ายกระดาษ ซี่งมาจากภาษาท้องถิ่นของ #ชาวเล บนเกาะมีหาดทรายขาวละเอียด โดยชายหาดบนเกาะนั้นจะมีอยู่ด้วยกัน 3 หาดหลัก ได้แก่ #หาดพัทยา หรือ #บันดาหยา, หาดชาวเล หรือ หาดซันไรส์ (#Sunrise #Beach) และ อ่าวประมง หรือ หาดซันเซ็ท (#Sunset Beach) โดยแต่ละหาดสามารถเดินทางเชื่อมต่อกันได้ โดยใช้เวลาเดินประมาณ 15 - 20 นาที นั่นเอง
น า ย บ้ า เ ที่ ย ว ได้มีโอกาสมาเยือนที่ #เกาะหลีเป๊ะ เป็นครั้งที่สองแล้ว โดยทริปนี้เรามาในช่วงปลดล็อคดาวน์โควิทภายในประเทศแล้ว ซึ่งเราสามารถบินภายในประเทศได้แบบ #newnormal พอมาที่เกาะก็พบว่า นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติน้อยมาก แทบจะไม่มีคนเลยด้วยซ้ำ ที่พัก ร้านค้า และร้านอาหารต่างๆ ที่เราเคยเห็นเปิดกันคึกคัก ก็ปิดให้บริการเป็นจำนวนมาก อาจจะเป็นเพราะเรามาในช่วงโลซีซั่นด้วย และบวกกับยังเป็นช่วงนี้มีการปิดประเทศเนื่องจากโควิทอยู่นั่นเอง
จะว่าไปมาทริปนี้ เลยดูเงียบเหงาไร้ผู้คนไปหน่อย แต่ก็ถือซะว่ามาพักผ่อนชิลล์ๆ กับเพื่อนๆ แบบปิดเกาะกันเลยทีเดียว เพราะถ่ายรูปออกมาเหมือนมีแค่กลุ่มเราอยู่บนเกาะนั่นเองแหละ ดีงามสุดๆ เล๊ย
ค่าใช้จ่าย
✈️ ค่าเครื่องบิน AirAsia กรุงเทพฯ – หาดใหญ่ คนละ 2,120 บาท
🛖 ที่พัก Castaway Resort Koh Lipe 2 คืน คนละ 800 บาท (ช่วงนี้ที่พักลดราคาเกือบทุกที่เลย)
🚗 ค่าที่จอดรถท่าเรือปากบารา 2 คืน 300 บาท (พอดีเพื่อนอยู่ที่หาดใหญ่เลยใช้รถส่วนตัวขับมากันเอง สามารถจองรถตู้รับ-ส่งได้ที่เว็บเอเจนซี่ต่างๆ ได้เลย)
🛥️ ค่าเรือไป - กลับ 1,200 บาท (เราจอดที่ท่าเรือ ถ้าจองในเว็บเอเจนซี่น่าจะได้ราคาถูกกว่านะ)
🧳 ค่าธรรมเนียบท่าปากบารา คนละ 20 บาท
การเดินทาง
✈️ นั่งเครื่องบินลงที่หาดใหญ่
🚐 นั่งรถตู้หรือรถส่วนตัว มาท่าเรือปากบารา จ.สตูล ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง
🛥️ นั่งเรือสปีดโบ๊ท มาลงที่เกาะหลีเป๊ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ
โดยทริปนี้เรามาในช่วงปลดล็อคดาวน์โควิทภายในประเทศแล้ว ซึ่งเราสามารถบินภายในประเทศได้แบบ New Normal ซึ่งเราสามารถเซ็คอินตั๋วมาก่อน แล้วนำ QR Code ที่ได้รับมากลับมาสแกนที่ตู้แบบนี้ เพื่อออก Boarding Pass ได้เลยละ
ใช้เวลาเดินทางไปหาดใหญ่ประมาณเกือบ 2 ช.ม. โดยบนเครื่องเราต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดการเดินทางด้วยนะ
🛥️ ค่าเรือไป - กลับ 1,200 บาท (เราจอดที่ท่าเรือ ถ้าจองในเว็บเอเจนซี่น่าจะได้ราคาถูกกว่านะ)
🧳 ค่าธรรมเนียบท่าปากบารา คนละ 20 บาท
🛥️ นั่งเรือสปีดโบ๊ท มาลงที่เกาะหลีเป๊ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ
![]() |
![]() |
![]() |
พวกเราก็ได้เลือกที่พักแบบสไตล์บ้านไม้แบบไร้แอร์ เหมาะกับการมาติดเกาะและใช้ชีวิตแบบ Slow life ดื่มด่ำกับธรรมชาติกันจริงๆ โดยเราเลือกพักกันที่ Castaway Resort Koh Lipe นั่นเอง
📌 ดูรีวิวตัวเต็มของ Castaway Resort Koh Lipe ได้ที่ https://bit.ly/3hX0q73
Castaway Resort Koh Lipe (Sunrise Beach)
🖱️ จองที่พักได้ที่ : https://bit.ly/32ShxAy
🗺️ พิกัด : https://g.page/castawayresortkohlipe?share
📞 โทร: 083-138-7472
![]() |
![]() |
![]() |
Castaway Resort ข้อดีอันดับแรกก็คือ ติดชาดหาด โดยตั้งอยู่ที่หาดซันไรส์ (#Sunrise #Beach) ดังนั้นเราจึงสามารถมานั่งชิลล์ได้ โดยจะมีลานด้านชายหาด ซึ่งจะมีทั้งห้องสมุด กับบริการทานข้าว ซึ่งจะเป็นแบบโต๊ะไม้เตี้ยๆ กับหมอนอิงสามเหลี่ยมเอาไว้ให้เรานั่งเล่น นอนเล่น หรือทานอาหารได้อีกด้วย โดยช่วงนี้ทางที่พักจะไม่มีบริการอาหารให้ แต่เค้าอนุญาตให้เราสามารถซื้ออาหารเครื่องดื่มเข้ามาทานได้
อาหารบนเกาะเราก็เดินหาอะไรทานแบบง่ายๆ เพราะช่วงนี้ร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ ก็เปิดกันน้อย สืบเนื่องมาจากช่วงนี้เป็นช่วงปิดประเทศ เพราะโควิท และก็ยังเป็นช่วงโลซีซั่นอีกด้วยนั่นเอง โดยเราสั่งโรตีพิซซ่า และนูเทลล่า มาราคารวม 125 บาท ส่วนข้าวเราสั่งกระเพราไก่ไข่ดาว ราคา 80 บาท แพงแต่ก็ต้องทำใจ เพราะของบนเกาะจะค่อนข้างแพงกว่านั่นเองนะ
ตกค่ำเราก็ซื้ออาหารและขนมคบเคี้ยวมานั่งทานกันที่ที่พักของเรา นั่งดื่มอะไรเย็นๆ นอนเล่น นั่งเล่น ที่ลานด้านชายหาดของที่พัก ก็ชิลล์ดีไปอีกแบบนะ
![]() |
![]() |
![]() |
โดยเราพักอยู่ที่หาดซันไรส์ ซึ่งเป็นหาดที่สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าได้ และพอดีเพื่อนเปิดร้านกาแฟ CoffeeDept. ที่สงขลา ได้นำเครื่องทำ #กาแฟดริป มาด้วย ซึ่งพวกเราก็ลงทุนตื่นกันมาตั้งแต่เช้าตรู่ เผื่อมานั่งชมพระอาทิตย์ขึ้น พร้อมนั่งจิบกาแฟดริปหอมๆ ที่ดริปกันเอง บอกเลยว่า สุดยอดมากกก...กกก 🤎
📌 ดูรีวิวตัวเต็มของ CoffeeDept. ได้ที่ รีวิว CoffeeDept.
![]() |
![]() |
Walking Street
Walking Street เราจะพบว่านักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติน้อยมาก แทบจะไม่มีคนเลยด้วยซ้ำ ที่พัก ร้านค้า และร้านอาหารต่างๆ ที่เราเคยเห็นเปิดกันคึกคัก ก็ปิดให้บริการเป็นจำนวนมาก อาจจะเป็นเพราะเรามาในช่วงโลซีซั่นด้วย และบวกกับยังเป็นช่วงนี่มีดารปิดประเทศเนื่องจากโควิท-19 อยู่นั่นเอง
ตอนเช้าเราเลือกหาอะไรร้อนๆ ทาน โดยมากันที่ร้าน ครัวตัสนีม ที่อยู่ไม่ไกลจากที่พักของเรา โดยพวกเราสั่งเป็นโจ๊กไก่ใส่ไข่ ราคา 50 บาท และชานมร้อน ราคาประมาณ 30 บาทละมั้ง จำไม่ได้จริงๆ แหะๆ
![]() |
พอช่วง 9 โมง เราก็ได้จองทริปน้ำดำไว้ ซึ่งต้องขอบคุณทางที่พักของเราที่เป็นธุระจัดหาให้ โดยเราจ่ายคนละ 500 บาท ก็จะได้ทริปแบบครึ่งวัน พาไปเกาะอาดัง, เกาะกระ และเกาะอื่นๆ ที่สามารถแล่นออกไปได้ พร้อมด้วยอาหารกลางวันและน้ำดื่ม คนละ 1 ชุด อีกด้วยนะ
![]() |
![]() |
พอกลับมาจากการดำน้ำ เราก็มาอาบน้ำและนอนพักเอาแรงกันสักหน่อย พอบ่ายแก่ๆ พวกเราก็เดินไปขอยืม เรือคายัค กับ บอร์ด กับทางร้าน Sea La Vie Beach Bar ที่อยู่ข้างๆ ที่พักของเรานั่นเอง ซึ่งเจ้าของร้านน่ารักและใจดีมากกก...กกก ให้เรายืมแต่แลกด้วยกับการซื้อคนละหนึ่งดริ๊งก์ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน
โดยเราพายกับมาที่ เกาะกระ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งบอกเลยว่าถ่ายรูปออกมาเหมือนเป็นเกาะส่วนตัว เพราะมีแค่กลุ่มเราอยู่บนเกาะนั่นเองแหละ ดีงามสุดๆ เล๊ย
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
หลังจากกับทุลักทุเลพายเรือคายัคกันมา พออาบน้ำเสร็จก็ปวดเมื่อยกันเป็นธรรมดาของหนุ่มๆ วัยกลางคน 555 ดังนั้นพวกเราก็เลยลองใช้บริการนวดเพื่อสุขภาพของทางที่พักของเรา โดยจะมีทั้งการนวดแบบไทย, การนวดน้ำมัน และ คอ บ่า ไหล่
![]() |
![]() |
ตกดึกก็แวะไปที่ร้าน Sea La Vie Beach Bar ที่อยู่ข้างๆ ที่พัก เผื่อไปอุดหนุนตามสัญญาที่ให้ไว้ อิอิ
![]() |
![]() |
และนี่ก็เป็นวันสุดท้ายใน เกาะหลีเป๊ะ ซึ่งทริปนี้ก็เป็นอีกทริปนึง ที่เราไม่มีแพลนอะไรก่อนมาที่นี่เลย เพราะเราก็ไม่รู้ว่าช่วงนี้เกาะต่างๆ จะเปิดให้บริการอะไรกันบ้าง ก็เป็นการเที่ยวแบบ no time no plan ที่สนุกไปอีกแบบเลยนะ