หลีเป๊ะแป๊ป รีวิวพักร้อนที่เกาะหลีเป๊ะ

วันที่เขียน 26/12/2020
ยอดเข้าชม

140

หลีเป๊ะแป๊ป รีวิวพักร้อนที่เกาะหลีเป๊ะ

วันที่เขียน

26/12/2020

ยอดเข้าชม

140

เขียนโดย น า ย บ้ า เ ที่ ย ว

บล็อกเกอร์สายเที่ยว โดยมีคติการเที่ยวแบบง่ายๆ ว่า “เที่ยวทุกที่...ที่คุณอยากไป”

⛅ ห ลี เ ป๊ ะ แ ป๊ ป 🌴 

เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล เป็นเกาะหนึ่งในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา อยู่สุดเขตแดนใต้ในแถบหมู่เกาะอาดัง – ราวี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะตะรุเตา ห่างจาก #เกาะตะรุเตา 45 กิโลเมตร ห่างจากฝั่งท่าเรือปากบาราประมาณ 60 กิโลเมตร 

เกาะหลีเป๊ะ หมายถึงเกาะที่มีลักษณะราบเรียบคล้ายกระดาษ ซี่งมาจากภาษาท้องถิ่นของ #ชาวเล บนเกาะมีหาดทรายขาวละเอียด โดยชายหาดบนเกาะนั้นจะมีอยู่ด้วยกัน 3 หาดหลัก ได้แก่ #หาดพัทยา หรือ #บันดาหยา, หาดชาวเล หรือ หาดซันไรส์ (#Sunrise #Beach) และ อ่าวประมง หรือ หาดซันเซ็ท (#Sunset Beach) โดยแต่ละหาดสามารถเดินทางเชื่อมต่อกันได้ โดยใช้เวลาเดินประมาณ 15 - 20 นาที นั่นเอง 

น า ย บ้ า เ ที่ ย ว ได้มีโอกาสมาเยือนที่ #เกาะหลีเป๊ะ เป็นครั้งที่สองแล้ว โดยทริปนี้เรามาในช่วงปลดล็อคดาวน์โควิทภายในประเทศแล้ว ซึ่งเราสามารถบินภายในประเทศได้แบบ #newnormal พอมาที่เกาะก็พบว่า นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติน้อยมาก แทบจะไม่มีคนเลยด้วยซ้ำ ที่พัก ร้านค้า และร้านอาหารต่างๆ ที่เราเคยเห็นเปิดกันคึกคัก ก็ปิดให้บริการเป็นจำนวนมาก อาจจะเป็นเพราะเรามาในช่วงโลซีซั่นด้วย และบวกกับยังเป็นช่วงนี้มีการปิดประเทศเนื่องจากโควิทอยู่นั่นเอง 

จะว่าไปมาทริปนี้ เลยดูเงียบเหงาไร้ผู้คนไปหน่อย แต่ก็ถือซะว่ามาพักผ่อนชิลล์ๆ กับเพื่อนๆ แบบปิดเกาะกันเลยทีเดียว เพราะถ่ายรูปออกมาเหมือนมีแค่กลุ่มเราอยู่บนเกาะนั่นเองแหละ ดีงามสุดๆ เล๊ย 


ค่าใช้จ่าย

✈️ ค่าเครื่องบิน AirAsia กรุงเทพฯ – หาดใหญ่ คนละ 2,120 บาท

🛖 ที่พัก Castaway Resort Koh Lipe 2 คืน คนละ 800 บาท (ช่วงนี้ที่พักลดราคาเกือบทุกที่เลย)

🚗 ค่าที่จอดรถท่าเรือปากบารา 2 คืน 300 บาท (พอดีเพื่อนอยู่ที่หาดใหญ่เลยใช้รถส่วนตัวขับมากันเอง สามารถจองรถตู้รับ-ส่งได้ที่เว็บเอเจนซี่ต่างๆ ได้เลย)

🛥️ ค่าเรือไป - กลับ 1,200 บาท (เราจอดที่ท่าเรือ ถ้าจองในเว็บเอเจนซี่น่าจะได้ราคาถูกกว่านะ)

🧳 ค่าธรรมเนียบท่าปากบารา คนละ 20 บาท


การเดินทาง 

✈️ นั่งเครื่องบินลงที่หาดใหญ่

🚐 นั่งรถตู้หรือรถส่วนตัว มาท่าเรือปากบารา จ.สตูล ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง

🛥️ นั่งเรือสปีดโบ๊ท มาลงที่เกาะหลีเป๊ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ

โดยทริปนี้เรามาในช่วงปลดล็อคดาวน์โควิทภายในประเทศแล้ว ซึ่งเราสามารถบินภายในประเทศได้แบบ New Normal ซึ่งเราสามารถเซ็คอินตั๋วมาก่อน แล้วนำ QR Code ที่ได้รับมากลับมาสแกนที่ตู้แบบนี้ เพื่อออก Boarding Pass ได้เลยละ 

ใช้เวลาเดินทางไปหาดใหญ่ประมาณเกือบ 2 ช.ม. โดยบนเครื่องเราต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดการเดินทางด้วยนะ 

🛥️ ค่าเรือไป - กลับ 1,200 บาท (เราจอดที่ท่าเรือ ถ้าจองในเว็บเอเจนซี่น่าจะได้ราคาถูกกว่านะ)

🧳 ค่าธรรมเนียบท่าปากบารา คนละ 20 บาท

🛥️ นั่งเรือสปีดโบ๊ท มาลงที่เกาะหลีเป๊ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ

พวกเราก็ได้เลือกที่พักแบบสไตล์บ้านไม้แบบไร้แอร์ เหมาะกับการมาติดเกาะและใช้ชีวิตแบบ Slow life ดื่มด่ำกับธรรมชาติกันจริงๆ โดยเราเลือกพักกันที่ Castaway Resort Koh Lipe นั่นเอง

📌 ดูรีวิวตัวเต็มของ Castaway Resort Koh Lipe ได้ที่ https://bit.ly/3hX0q73


Castaway Resort Koh Lipe (Sunrise Beach)

🖱️ จองที่พักได้ที่ : https://bit.ly/32ShxAy

🗺️ พิกัด : https://g.page/castawayresortkohlipe?share

📞 โทร: 083-138-7472

Castaway Resort ข้อดีอันดับแรกก็คือ ติดชาดหาด โดยตั้งอยู่ที่หาดซันไรส์ (#Sunrise #Beach) ดังนั้นเราจึงสามารถมานั่งชิลล์ได้ โดยจะมีลานด้านชายหาด ซึ่งจะมีทั้งห้องสมุด กับบริการทานข้าว ซึ่งจะเป็นแบบโต๊ะไม้เตี้ยๆ กับหมอนอิงสามเหลี่ยมเอาไว้ให้เรานั่งเล่น นอนเล่น หรือทานอาหารได้อีกด้วย โดยช่วงนี้ทางที่พักจะไม่มีบริการอาหารให้ แต่เค้าอนุญาตให้เราสามารถซื้ออาหารเครื่องดื่มเข้ามาทานได้ 

อาหารบนเกาะเราก็เดินหาอะไรทานแบบง่ายๆ เพราะช่วงนี้ร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ ก็เปิดกันน้อย สืบเนื่องมาจากช่วงนี้เป็นช่วงปิดประเทศ เพราะโควิท และก็ยังเป็นช่วงโลซีซั่นอีกด้วยนั่นเอง โดยเราสั่งโรตีพิซซ่า และนูเทลล่า มาราคารวม 125 บาท ส่วนข้าวเราสั่งกระเพราไก่ไข่ดาว ราคา 80 บาท แพงแต่ก็ต้องทำใจ เพราะของบนเกาะจะค่อนข้างแพงกว่านั่นเองนะ 

ตกค่ำเราก็ซื้ออาหารและขนมคบเคี้ยวมานั่งทานกันที่ที่พักของเรา นั่งดื่มอะไรเย็นๆ นอนเล่น นั่งเล่น ที่ลานด้านชายหาดของที่พัก ก็ชิลล์ดีไปอีกแบบนะ 

โดยเราพักอยู่ที่หาดซันไรส์ ซึ่งเป็นหาดที่สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าได้ และพอดีเพื่อนเปิดร้านกาแฟ CoffeeDept. ที่สงขลา ได้นำเครื่องทำ #กาแฟดริป มาด้วย ซึ่งพวกเราก็ลงทุนตื่นกันมาตั้งแต่เช้าตรู่ เผื่อมานั่งชมพระอาทิตย์ขึ้น พร้อมนั่งจิบกาแฟดริปหอมๆ ที่ดริปกันเอง บอกเลยว่า สุดยอดมากกก...กกก 🤎

📌 ดูรีวิวตัวเต็มของ CoffeeDept. ได้ที่ รีวิว CoffeeDept.


Walking Street

Walking Street เราจะพบว่านักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติน้อยมาก แทบจะไม่มีคนเลยด้วยซ้ำ ที่พัก ร้านค้า และร้านอาหารต่างๆ ที่เราเคยเห็นเปิดกันคึกคัก ก็ปิดให้บริการเป็นจำนวนมาก อาจจะเป็นเพราะเรามาในช่วงโลซีซั่นด้วย และบวกกับยังเป็นช่วงนี่มีดารปิดประเทศเนื่องจากโควิท-19 อยู่นั่นเอง 

ตอนเช้าเราเลือกหาอะไรร้อนๆ ทาน โดยมากันที่ร้าน ครัวตัสนีม ที่อยู่ไม่ไกลจากที่พักของเรา โดยพวกเราสั่งเป็นโจ๊กไก่ใส่ไข่ ราคา 50 บาท และชานมร้อน ราคาประมาณ 30 บาทละมั้ง จำไม่ได้จริงๆ แหะๆ 

พอช่วง 9 โมง เราก็ได้จองทริปน้ำดำไว้ ซึ่งต้องขอบคุณทางที่พักของเราที่เป็นธุระจัดหาให้ โดยเราจ่ายคนละ 500 บาท ก็จะได้ทริปแบบครึ่งวัน พาไปเกาะอาดัง, เกาะกระ และเกาะอื่นๆ ที่สามารถแล่นออกไปได้ พร้อมด้วยอาหารกลางวันและน้ำดื่ม คนละ 1 ชุด อีกด้วยนะ 

พอกลับมาจากการดำน้ำ เราก็มาอาบน้ำและนอนพักเอาแรงกันสักหน่อย พอบ่ายแก่ๆ พวกเราก็เดินไปขอยืม เรือคายัค กับ บอร์ด กับทางร้าน Sea La Vie Beach Bar ที่อยู่ข้างๆ ที่พักของเรานั่นเอง ซึ่งเจ้าของร้านน่ารักและใจดีมากกก...กกก ให้เรายืมแต่แลกด้วยกับการซื้อคนละหนึ่งดริ๊งก์ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน 

โดยเราพายกับมาที่ เกาะกระ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งบอกเลยว่าถ่ายรูปออกมาเหมือนเป็นเกาะส่วนตัว เพราะมีแค่กลุ่มเราอยู่บนเกาะนั่นเองแหละ ดีงามสุดๆ เล๊ย 

หลังจากกับทุลักทุเลพายเรือคายัคกันมา พออาบน้ำเสร็จก็ปวดเมื่อยกันเป็นธรรมดาของหนุ่มๆ วัยกลางคน 555 ดังนั้นพวกเราก็เลยลองใช้บริการนวดเพื่อสุขภาพของทางที่พักของเรา โดยจะมีทั้งการนวดแบบไทย, การนวดน้ำมัน และ คอ บ่า ไหล่ 

ตกดึกก็แวะไปที่ร้าน Sea La Vie Beach Bar ที่อยู่ข้างๆ ที่พัก เผื่อไปอุดหนุนตามสัญญาที่ให้ไว้ อิอิ 

และนี่ก็เป็นวันสุดท้ายใน เกาะหลีเป๊ะ ซึ่งทริปนี้ก็เป็นอีกทริปนึง ที่เราไม่มีแพลนอะไรก่อนมาที่นี่เลย เพราะเราก็ไม่รู้ว่าช่วงนี้เกาะต่างๆ จะเปิดให้บริการอะไรกันบ้าง ก็เป็นการเที่ยวแบบ no time no plan ที่สนุกไปอีกแบบเลยนะ 


สิ่งที่เราอยากแนะนำ