เขาสันหนอกวัว (Khao San Nok Wua) อุทยานแห่งชาติเขาแหลม

วันที่เขียน 09/10/2019
ยอดเข้าชม

378

เขาสันหนอกวัว (Khao San Nok Wua) อุทยานแห่งชาติเขาแหลม

วันที่เขียน

09/10/2019

ยอดเข้าชม

378

เขาสันหนอกวัว (Khao San Nok Wua) อุทยานแห่งชาติเขาแหลม     

“สันหนอกวัว” ชายขอบป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี อยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,767 เมตร หากใครกำลังมองหาเส้นทางเดินป่าเพื่อชื่นชมธรรมชาติอันสวยงาม เขาลูกนี้คงเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นสันเขาที่สูงใหญ่เด่นเป็นตระหง่านคล้ายโหนกวัว ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ  มีแสงพระอาทิตย์ลอดเขาผ่านทั้งยามเช้าและยามเย็น ทะเลหมอกสุดอลังการ มีจุด

ชมวิวหลักๆ 2 จุดนั่นก็คือ สันหนอกเล็กและสันหนอกใหญ่ ซึ่งอยู่ห่างกันพอสมควรต้องใช้เวลาในการเดินทางนิดหนึ่ง แต่สำหรับรีวิวนี้เราจะมาแนะนำเส้นทางที่ไกลออกไปจากจุดชมวิวอีกสัก 1 2 3 4 5 6 7 เหลี่ยมเขา 555 มันไม่ไกลหรอก (เหรอ?) เอาเป็นว่ามาชมภาพกัน จะได้รู้ว่าเส้นทางที่ว่านั้นมันเป็นยังไง ยินดีต้อนรับสู่ดอยตลาดกับมุมไม่มหาชน  

เริ่มต้นการเดินทางการที่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม ป้อมปี่ จุดเช็กอินแรกที่เราต้องลงทะเบียนเช็ครายชื่อเตรียมความพร้อมต่างๆกันที่จะเริ่มต้นเดินป่ากัน ที่นี่เป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่ใหญ่มาก มีบ้านพักรับรอง มีจุดกางเต็นท์ ร้านค้าสวัสดิการ รวมไปจึงจุดชมวิวแสนสวยที่ติดกับอ่างเก็บน้ำ  

จากป้อมปี่เราต้องนั่งรถของทางอุทยานออกจากป้อมปี่เพื่อไปยังจุดเริ่มเดินใช้เวลาเพียง 15 นาทีก็ถึง ถนนลาดยางหมด ไม่มีทางลูกรังให้หวั่นไหว อิอิ  

ตรงทางเข้าป่าก็จะมีป้ายสถานที่ยินดีต้อนรับเราเข้าสู่เส้นทางเดินป่าไปกลับ 18 กิโลเมตร ตาแทบเหลือก แต่ก็เดินไปกันเถอะ!!! 55

ระหว่างทางก็จะมีจุดพักเหนื่อยเรื่อยๆ มีป้ายบอกทางและขอนไม้ให้นั่งเป็นระยะ  

เราเริ่มเดินกันตั้งแต่ 10 โมงเช้า แวะกินข้าวเที่ยงตามทาง บ่าย 2 เราก็เดินทางมาถึงจุดกางเต็นท์กัน ใช้เวลาทั้ง 4 ชั่วโมง ซึ่งกว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ก็ต้องลิ้นห้อยกันบ้าง เพราะต้องเดินผ่านเส้นทางหมาหอบปอบลงกับทางชันเป็นระยะๆ บางจุดต้องใช้เชือกช่วย บางแห่งก็ต้องเดินริมไหล่ทาง ต้องใช้ความระมัดระวังบางจุดที่เป็นหญ้าลวงตา 

สำหรับจุดกางเต็นท์นั้นมีให้กางได้เยอะมากกกกกกกกกก สามารถเลือกได้ตามพละกำลังและความสะดวกได้เลย ที่นี่สะดวกสบายอย่างหนึ่งคือมีแหล่งน้ำใช้ ซึ่งถ้าใครจ้างลูกหาบเขาก็จะไปบริการตักน้ำมาให้เรา แต่ถ้าเราเดินไปกันเองมันก็จะเปลี่ยวๆหน่อย (ลองเดินไปแล้ว ไม่หน่อยอะ 555)  

หลังจากที่กางเต็นท์ เคลียร์พื้นที่กองกลางสำหรับการดำรงชีวิตเพื่อวันพรุ่งนี้ (เว่อร์อีกละ 55) เราก็ปลดสัมภาระกันเพื่อโดนตัวเกือบเปล่า (มีกล้องและเป้เล็กนิดหน่อย) เดินขึ้นสันหนอกใหญ่เพื่อไปต่อในเส้นทางที่ไกลออกไปใช้เวลา 2 ชั่วโมงไปกลับ (แบบรีบๆ) ต้องทำเวลาหน่อยเพื่อให้กลับมาทันพระอาทิตย์ตกดิน เพราะถ้ามืดแล้วจะลำบากมากทีเดียว เนื่องจากทางค่อนข้างยาก  

ระหว่างทางขึ้นสันหนอกใหญ่  ก็จะเห็นเขาเรดาห์อยู่ไกลๆ เส้นทางที่ไม่อาจเอื้อม (ทำไมเหรอ?) เขาไม่อนุญาติให้ขึ้นจ้า 555

เราแวะถ่ายรูปที่จุดชมวิวบนสันหนอกใหญ่กันแปบนึงก่อนจะไปต่อ วิวตรงนี้จะสามารถมองเห็นสันหนอกเล็ก และอ่างเก็บน้ำเป็นมุมกว้าง 180 องศา รวมทั้งภูเขาน้อยใหญ่ที่อยู่รายล้อม ทางลงไปตรงนี้ค่อนข้างชัน จะเห็นได้ว่ามีเชือกกั้นอยู่ ซึ่งถ้าใครจะตกลงไปก็ควรสะดุดเชือกก่อน 555 ไม่ใช่น้อออ ก็มันเหมือนเป็นการเตือนกลายๆว่าอันตรายนะอย่าเข้าใกล้หรือไปเกินรัศมีเชือก ไม่เช่นนั้นคนจะได้รู้ว่าวิวข้างล่างเป็นเช่นไร หุหุ  

นี่แคมป์ของพวกเราตั้งกันอยู่ที่ทางระหว่างสันหนอกเล็กและสันหนอกใหญ่ เนื่องจากว่าตอนเช้าขี้เกียจเดินไกล 555 ที่นี่ลมแรงมากกกกกกกก ไม่ว่าคุณจะกางเต็นท์ที่ไหน ก็ไม่อาจรอดสายลมแห่งนี้ได้  

หลังจากถ่ายรูปที่จุดชมวิวสันหนอกใหญ่พอสมควรแล้วเราก็ออกเดินทางต่อไปยังทางด้านซ้ายที่จะเห็นแผงเขางึกๆงักๆ บะลึกกึ้กกั๊ก หยักๆ แบบนี้ ต้องเดินไต่ริมผาไหล่ทางเขาไปเรื่อยๆ ทางค่อนข้างรก แหวกๆไป 

เดินเหนื่อยมาเรื่อยๆเราก็จะเจอลานกว้างที่มีหญ้าเกรียนขึ้นเต็มไปหมดเลยไม่ค่อยมีหนามละ ยืนอยู่ตรงนี้ก็จะเห็นทั้งสันหนอกใหญ่และสันหนอกเล็กอยู่ด้านหลัง เป็นไงไกลไหมล่ะ!!! 55 ถ้าใครที่เคยมาสันหนอกวัวแล้วจะรู้ว่าสันหนอกเล็กนี่ลานมันกว้างแค่ไหนแล้วกว่าจะหอบสังขารขึ้นสันหนอกใหญ่มันก็จะเหนื่อยนิดนึง แล้วคิดดูว่าจากตรงนี้มองไปตรงนุ้นจุดชมวิวที่เราเพิ่งผ่านมากันนั้นเล็กนิดเดียว  

เราเดินกันมาได้ครึ่งทางละ ยังคงเหลืองึกๆงักๆของสันเขาอีกนิดหน่อย 1 2 3 ยึก ก็จะถึงจุดหมายของเรา วิวระหว่างที่ผ่านมาก็สวยดีนะ แปลกตาดี ไปกันต่อ เพราะเราต้องไปตรงนุ้นนนนนนน!!  

ระหว่างทางมันก็เป็นทางชันขึ้นๆลงๆเรื่อยๆตามหยักสันเขา ซึ่งเราพบจุดชมวิวเป็นแง่งผายื่นออกไป มองเห็นวิวอีกมุมหนึ่งที่ไม่มหาชนแต่สวยไม่แพ้กัน ซึ่งขามันก็จะสั่นๆหน่อยเพราะว่ายิ่งสูงยิ่งเสียว สวยอาบยาพิษจริงๆ  

อีกอึดใจเดียวเราก็จะไปถึงงึกสุดท้ายปลายทาง (ขออภัยในสรรพนามที่เรียก 55) แต่ก่อนจะถึงตรงนั้นเราต้องผ่านด่านหินนั่นก็คือต้องเดินเลาะหน้าผาที่ทำได้แค่เดินสลับขาไปมา ต้องเกาะหญ้าหน่อยๆ ต้องทรงตัวให้ดี ไม่เหมาะสำหรับคนที่ชอบเดินสะดุดบ่อยๆ เนื่องจากเป็นเส้นทางอันตรายต้องใช้ความระมัดระวังพอสมควร เพราะเบื้องล่างนี่สูงและเสียวมาก แต่สวยอะ เต็มไปด้วยหญ้าสีทอง กุหลาบพันปี(มั้ง) แดงๆอะ หวังว่าคงใช่ หรือถ้าไม่ใช่ก็คงเป็นพรรณไม้อะไรสักอย่าง 55 (เราไม่มีความรู้เรื่องพฤกษาศาสตร์) เอาเป็นว่ามองด้วยตาแล้วคือสวย แต่ก็มองนานๆไม่ค่อยได้หรอก ตัวมันจะเอนๆหน่อย เลยต้องรีบๆเดิน  

ใกล้ถึงแล้ว มันก็จะมีหญ้าขึ้นปุกปุยแบบนี้ และมีคนที่ถึงก่อนเราแล้วอยู่ตรงนุ้นนนนนนนนน!! (มัวถ่ายรูปเล่น 55) มาๆ เราจะพาไปชมวิวอีกด้านของสันเขากัน  

นี่คือภาพวิวที่ปรากฏเบื้องหน้าสู่สายตา มันเป็นอะไรที่แบบว่าสวยและคุ้มค่าแก่การมาจริงๆ ทรงสันเขาเหลี่ยมแปลกตาสลับซับซ้อนกันไป เรียงยาวเป็นแนวสามเหลี่ยม  

แด่ความ Rock นี้ให้กับทางที่เดินมาและวิวนี้สะกดสายตาอยู่ตรงนุ้นนนนนนนนน ของจริงสวยกว่านี้นะ แต่ทำไมถ่ายแล้วมันเหลือแค่นี้อะ 5555  

มองย้อนกลับไปอีกด้าน จะเห็นสันหนอกเล็กอยู่ไกลๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นุ้นนนนนนนนนนนนนนนน เล็กนิดเดียวสมชื่อหรือยังล่ะ ผาที่เดินผ่านมาก็มีลวดลายสวยงามใช่เล่นนะ ยามที่แสงอาทิตย์ทอส่อง  

ก่อนพระอาทิตย์จะลาลับไปหลังจากที่ชมวิวกันสักพัก ก็เดินทางกลับกันปรากฏว่ามีหมอกตอนเย็นลอยมาปิดท้ายอะ ดีเว่อร์!! วิวกลับไปถ่ายวิวสันสามเหลี่ยมเมื่อกี้ทันไหมเนี่ย อยากได้แบบหมอกฟุ้งๆๆ แต่ก็พอเห้อะ ไกล ขอขอบคุณเจ้เช ที่ทำให้ได้รู้จักมุมนี้ และเจ้าหน้าที่นำทางที่นำพวกเราไปยังจุดหมายและกลับได้อย่างปลอดภัย ให้ใจไปเลยยยยยยย <3

เราเดินเร็วๆกันกลับมาทันแสงเย็นที่จุดชมวิวของสันหนอกใหญ่พอดี แสงอาทิตย์กำลังสาดส่องสันหนอกเล็กอย่างสวยอะ จะทองๆเหลืองๆเขียวๆ  

แสงเย็นสีส้มทองอร่ามสาดซัดพวกเราหนักมาก เหลืองไปทั้งแผ่นดิน 5555 พระอาทิตย์ตกตรงเขาเรดาห์พอดี ริมไลท์ตกลงอ่างเก็บน้ำด้วยแหนะ สวยไปอีก  

แด่แสงสุดท้ายของวันแรก ก่อนพระอาทิตย์จะตกดินไปเราก็วางกล้องไว้ข้างกาย ไม่ถ่งไม่ถ่ายมันละ อินดี้ ขอนอนทำท่าดีๆ นอนบนพื้นหญ้า แล้วดื่มด่ำเสพธรรมชาติด้วยตาเปล่าไม่ผ่านเลนส์ มันเป็นอะไรที่ฟินสุดแล้ว  

สำหรับคนที่หายไปก็จะเป็นแบบนี้… (ยิ้มอ่อน) ทอนไม้กับทิชชู่ของเธอ 55  

ราตรีนี้อิ่มอีกยาวไกล Zzzzz

เช้าวันใหม่กับแสงอาทิตย์รำไรกับหมอกปุกปุย เราก็ตื่นกันมารับพลังธรรมชาติกัน (อย่างสะลืมสะลือ) ดือ ดื่อ ดือ ดือออออ  

แต่พอเจอหมอกที่กำลังไหลเข้ามา และลมหนาวที่เย็นยะเยือก ตาก็สว่างทันใด มาแล้วเว้ยยยยยยยยย มาแล้วๆๆๆ สิ่งที่รอคอย  

This is หมอก ที่ไหลแทรกแซงระหว่างสันเขา นุ่มมุมสวย เราชอบนะหมอกที่ไม่เยอะเกินไป พอให้มันเห็นลวดลายของสันเขามันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง ถ้าหมอกมาอลังการเต็มบู้มมมมม ไม่เห็นสันเขาเลยอะมันก็จะให้อีกความรู้สึกหนึ่ง สำหรับสภาพอากาศที่สันหนอกวัวนั้นลมแรงตลอด ฟ้าปิด ฟ้าเปิด แสงลง แสงหาย ทุกๆนาที ต้องปรับอารมณ์ตามให้ทันกับพี่เขา 555 เอาแต่ใจเป็นที่สุดอะ  

เริ่มสายแล้วแสงก็เข้ามาไล่หมอกให้ไหลไปไกล ช้านมาแล้ววววว หมดเวลาโชว์พาวของเจ้าแล้ว เจ้าหมอกหยอย 

แต่ว่าแม้ว่าด้านหนึ่งแสงจะลง วิวอีกด้านแสงกับหาย ยังคงมีหมอกปกคลุมเป็นระยะ ผลัดเปลี่ยนกันไป  

ด้านบนจุดชมวิวก็จะมีเจ้าที่คอยระวังความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวอยู่เป็นเนืองๆ เวลามีอะไรจะได้ช่วยเหลือทัน เช่น ต้องการนายแบบ เช่นนี้แล แฮ่!! พี่เขาเท่ห์จริงๆ  

เหลียวไปด้านข้างก็จะเป็นเห็นเขาเรดาห์ที่พยายามเรียกร้องความสนใจด้วยการล่อให้เมฆมาลอยปุ๋งๆ เปรียบเสมือนตัวเองเป็นภูเขาไฟกำลังพ่นควันยังไงยังงั้น  

หลังจากที่ชมวิวตอนเช้ากันเสร็จแล้วเราก็เดินไปหาข้าวกินดีกว่า หิววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว!!  

กับข้าวก็ยังคงอลังการเช่นเคย กินดียิ่งกว่าอยู่บ้านอีก มีไก่ตุ๋นมะนาวดองด้วยนะ ในหม้อนั้นน่ะ แต่ผักชีโรยหน้าเยอะไปหน่อย 555  

ขอบคุณพี่เจ้าหน้าที่และพี่ลูกหาบที่ช่วยดูแลทั้งยามหลับและยามตื่น คอยช่วยแบกของ ช่วยหาน้ำ ช่วยก่อฟืนก่อไฟ เฝ้ายาม  

หลังจากอิ่มแล้วเราก็เดินมาชมวิวที่สันหนอกเล็กกันบ้าง มองย้อนกลับไปก็จะเห็นแคมป์ของเราใกล้ทางขึ้นสันหนอกใหญ่ประมาณนี้ เรียกได้ว่าถ้าใครผ่านมาต้องจ่ายค่าผ่านทางก่อน (ได้เหรอ? 55)

ทางขึ้นสันหนอกเล็กมันก็จะชันๆหน่อย แต่หญ้าก็สั้นเกรียน ไม่มีขวากหนามให้กวนใจ เดินง่ายแต่เหนื่อยเท่านั้นเอง วิวตรงนี้จะสามารถชมทะเลหมอกได้อย่างใกล้ชิดมากกว่าสันหนอกใหญ่  

ด้านบนมีป้ายพิชิตยอดเขาด้วยนะ อย่าลืมมาถ่ายรูปเช็คอินกันด้วยล่ะ แชะ!!  

ภาพหมู่เราก็จะดูวุ่นวายหน่อยๆ ไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจเก๊กดีๆ เอาเป็นชอบภาพธรรมชาติแบบนี้ในตอนที่เรารู้สึกแฮปปี้และสนุกไปด้วยกัน  

เสร็จสิ้นภารกิจทุกอย่างแล้วเราก็เดินทางกลับกันจะเห็นได้ว่ายังมีจุดกางเต็นท์ไกลๆอยู่นุ้นนนนนอีก ก็คิดดูนะว่าจิตใจพวกเขาทำด้วยอะไรต้องตื่นแต่เช้าเดินมาไกลๆเพื่อชมวิว แค่คิดก็ขอนอนต่อแล้ว 555  

กลับแล้วนะ ยินดีที่ได้รู้สึก.. สันหนอกวัว แล้วพบกันใหม่ ในวันที่คิดถึงอีกครั้ง  

คำเตือน… ระหว่างโจรป่าดักปล้นใจข้างทาง  


ค่าใช้จ่ายสำหรับอุทยาน

สำหรับท่านใดที่สนใจขึ้นเขาสันหนอกวัว ติดต่อป้อมปี่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม โทร 034-510-431 หรือ 089-228-7612 โดยการจองนั้นจะเปิดให้จองเดือนต่อเดือน ในเดือนหนึ่งจะเปิดให้ขึ้นอาทิตย์ละ 4 วัน

  • ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 1 คน ต่อ 1 กลุ่ม(7คน) 1000 บาท
  • ค่ารถ 4wd 1000 บาท
  • ค่าลูกหาบวันละ 1400 บาท
  • ค่าเข้าอุทยานราคาตามสากล
  • ค่าใช้จ่ายอื่นๆแล้วแต่กิเลศจะนำพา 555


การเดินทาง

  • รถส่วนตัว: ขับมาที่ป้อมปี่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม
  • รถประจำทาง: (กรณีเดินทางจากกรุงเทพ) นั่งรถตู้ที่หมอชิต (ราคาขึ้นอยู่กับบริษัท ไม่เกิน 200 บาท) มาลงที่ บขส. กาญจนบุรี เสร็จแล้วก็นั่งรถเส้นสายสังขละบุรีต่อ แล้วบอกเขาว่าลงที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม ค่ารถตู้ 175 บาท
  • อื่นๆ: แล้วแต่การเดินทางจะนำพา 55 ใครสะดวกโบกรถก็ได้


เพิ่มเติม

ทริปเดินป่ายอดเขาที่สูงที่สุดในกาญจนบุรี อากาศดี ลมแรงมาก เดินประมาณ 4-5 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว จองขึ้นได้วันละ 70 คน 1 กลุ่มละไม่เกิน 7 คนนะ

  ปล.1 ก่อไฟได้

  ปล.2 ไม่มีร้านค้า ให้นำเครื่องสาธารนูปโภคขึ้นไปเอง

  ปล.3 มีต้นน้ำข้างบน ไม่ต้องแบกน้ำไปเยอะก็ได้


สุดท้ายขอบคุณผู้ร่วมทางทุกท่านที่ไปด้วยกันและพบปะข้างทางที่ทำให้ทริปนี้สนุกสุดขอบชายป่า รวมทั้งขอบคุณภาพสวยๆจาก Micky momo ที่เอื้อเฟื้ออุทิศตนถ่ายคนให้เป็นคนได้ฉะนี้แล กราบเบญจคประดิษฐ์  

เรียบเรียงโดย PinTrip

09/10/2019

ไลฟ์สไตล์ท่องเที่ยว.. ของคนรุ่นใหม่

สิ่งที่เราอยากแนะนำ