ไทยเที่ยวไทย เที่ยววิถีชุมชน 2 วัน 1 คืน 2 จังหวัด สมุทรสาคร-ราชบุรี

วันที่เขียน 17/03/2020
ยอดเข้าชม

61

ไทยเที่ยวไทย เที่ยววิถีชุมชน 2 วัน 1 คืน 2 จังหวัด สมุทรสาคร-ราชบุรี

วันที่เขียน

17/03/2020

ยอดเข้าชม

61

เขียนโดย PuiFaiKamon

แค่ถือกล้องออกไปถ่ายรูป แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว : ) บอกเล่าความรู้สึกผ่านตัวอักษร

ไทยเที่ยวไทย เที่ยววิถีชุมชน 🌴ช่วงนี้ทั้งโควิค ทั้งฝุ่นน่ากลัวเหลือเกิน ทั้งน่ากลัวในเชิงสุขภาพแถมเศรษฐกิจก็ยํ่าแย่ไปหมด ทางเราเลยขอหนีมาหาธรรมชาติหน่อยเน้นการเที่ยวไทย เที่ยวชุมชน ช่วยเศรษฐกิจแทน รีวิวครั้งนี้มาด้วยกันทั้งหมด 2 วัน 1 คืน ค่ะ เที่ยว 2 จังหวัดเลย สมุทรสาครและราชบุรี  


บ้านสวนพาฝัน (The story of coconut at baan phaeo)

จากกรุงเทพ ขับมาไม่นานเราแวะมาที่ บ้านสวนพาฝัน (The story of coconut at baan phaeo)  ก่อนหน้านี้ฝ้ายเคยมากับแก๊งค์เพื่อนแล้ว มาตอนเย็น สั่งแต่นํ้าและขนมเค้ก รอบนั้นไม่ได้กินข้าว ครั้งนี้เลยถือโอกาสพาครอบครัวมากินข้าวที่นี่   

โทรจอง 091-142-6551 ร้านเปิด 10.30-20.00 ปิดทุกวันจันทร์

พิกัด : https://g.page/pafunbanphaeo?share

FB : https://www.facebook.com/pafunbanphaeo/

ฝ้ายสั่งอาหารมา 3 อย่าง มีชุดข้าวห่อใบตองห่อหมกมะพร้าวอ่อนพาฝัน ไก่ทอดเฉพาะกิจ ชุดนํ้าพริกปลาทูหมูแดดเผา ข้าวเปล่าเพิ่ม 2 จาน นํ้า 1 ขวดและก็ชาปริศนา รวมเป็นเงิน 871฿ ส่วนตัวราคาอาหารแพงไปหน่อย แต่ว่ารสชาติอาหารคือถูกปากครอบครัวเรามาก อร่อยมาก หมดเกลี้ยงทุกอย่าง แพงหน่อยแต่รสชาติอร่อยสมราคา  

อันนี้คือขนมเค้ก ที่บ้านสวนพาฝันจะมีขนมเค้กเยอะมาก และแต่ละอย่างคือน่ากิน รสชาติก็อร่อยไม่หวานเกิน อันนี้เป็นภาพที่เคยมารอบแรก เพราะมารอบหลังกินข้าวก็อิ่มแล้ว ร้านนี้ทั้งข้าวทั้งขนมถือว่าผ่าน เป็นร้านที่ถ้ามาแถวนี้อีกก็คงจะแวะอีก  ที่สำคัญพนักงานที่นี่น่ารักทุกคน ดูแลเอาใจใส่ดีมาก  

แต่ข้อเสียมาที่ร้านถ้าไม่ได้จองมีโอกาสที่จะไม่มีที่นั่ง คนเยอะประมาณนึง และร้านอาจจะหายากหน่อย ทางเข้าลึกนิดนึง   

 

บ้านสวนหลักห้า

หลังจากกินข้าวที่บ้านสวนพาฝัน ก็เข้าที่พัก ที่พักของฝ้ายรอบนี้ ฝ้ายไปเจอด้วยความบังเอิญ ได้รู้จักกับพี่เจ้าของ ก็เห็นว่าน่าสนใจ เป็นที่พักพร้อมแพคเกจ เที่ยวแบบชุมชนในราคาแค่ 1300฿ / คน (ราคากรุ๊ป 4 คน) ซึ่งถูกมาก ๆ ที่พักมีชื่อว่า บ้านสวนหลักห้า อยู่อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี ค่ะ  

ที่พัก + อาหาร 3 มื้อ + นั่งเรือเที่ยวทำกิจกรรมราคา 1,300฿ / คน สำหรับกลุ่ม 4 คน

พิกัด : https://goo.gl/maps/sEdJzmad9Hp4W96s8 (ทางเข้ายังไม่มีป้าย เมื่อ map บอกว่าถึงแล้วให้สังเกตุโคมเขียวใหญ่ ๆ คือถึงแล้ว)

FB : https://www.facebook.com/bansuanlakha/

บ้านสวนหลักห้า จะอยู่คนละจังหวัดกับร้านบ้านสวนพาฝัน แต่จริง ๆ แล้วไม่ไกลกันเลยกับอำเภอบ้านแพ้ว ที่นี่เป็นบ้านสวนติดริมคลอง มีความเป็นธรรมชาติ ความสงบที่ไม่ไกลจากกรุงเทพ  

วิวหน้าที่พักก็จะเป็นบ้านของพี่เจ้าของ ตัดกับคลองมีเรือผ่านไปมาของชาวบ้าน แม้ปัจจุบันมีถนนแล้วแต่ชาวบ้านก็ใช้เรืออยู่ ซึ่งในแพคเกจที่พักมีพาไปนั่งเรือเที่ยวในชุมชนแถวนี้ด้วย นํ้าในคลองถึงจะไม่ใสแต่นํ้าไม่เสียนะคะ นํ้าดีไม่มีกลิ่นเลย มาถึงก็ยังไม่ได้ทำอะไรเอาของไปเก็บในห้องพักกันก่อน  

ที่นี่ก็จะมีห้องให้เลือก ฝ้ายเลือกเป็นบ้านที่เปิดใหม่ มี 2 ห้องนอน ติดกัน เพราะมาเป็นครอบครัว ห้องพักก็ตามสไตส์บ้านสวน ธรรมดา ไม่มีอะไร แต่ในความธรรมดาก็ถือว่าที่นี่ทำได้ดีเลย เพราะมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้ ทั้งตู้เย็น ทีวี เครื่องทำนํ้าอุ่น wifi  

ส่วนตัวที่ติหน่อยก็จะเป็นที่นอนแข็งไปหน่อย กับหมอนสูงไปนิดนึง นอกนั้นก็โอเค ความสะอาดดีมาก แถมห้องมีกลิ่นหอมด้วย อันนี้ให้คะแนนเลยเรื่องความสะอาด และกลิ่น   

ข้าง ๆ บ้านพักจะมีมุมส่วนกลางเล็ก ๆ ไว้ให้นั่งด้วย สามารถมานั่งพักผ่อนหรือนั่งดูวิวสวนด้านล่างก็ได้หมดเลย เป็นมุมที่น่ารักมาก ๆ   

มุมนี้เป็นมุมขึ้นไปนั่งดูวิวพระอาทิตย์ตกดิน แต่ยังไม่ขึ้นไปตอนนี้เพราะแดดยังเปรี้ยงอยู่ 5555

สำรวจห้องพักไปแล้ว กิจกรรมแรกเป็นกิจกรรมเบา ๆ นั่งถ่ายรูปชิว ๆ ไปก่อน ที่นี่ก็จะมุมน่ารัก ๆ ไว้ให้ถ่ายรูปด้วย อันนี้เป็นโซนรังนก ถ่ายรูปออกมาสวยมาก พี่เจ้าของบอกว่าอนาคตจะมีชิงช้า มีเพิ่มมุมไปเรื่อย ๆ ให้คนมาพักได้มีมุมถ่ายรูป   

ต้นไม้ที่บ้านสวนเยอะมาก เลยบรรเทาความร้อนได้เยอะ มีลมมาเป็นระยะ  ชอบความเป็นธรรมชาติก็ตรงนี้แหละ มีลมเย็น ๆ สิ่งที่สัมผัสไม่ได้จากในเมือง  

นั่งถ่ายรูปไปสักพัก พี่เจ้าของก็เอามะม่วงมาให้กิน อร่อยเลย เปรี้ยว ๆ พอดี  กินฟรีรวมอยู่ในแพคเกจเลยจ้า พิมพ์ไปก็นํ้าลายสอไป กินมะม่วงเสร็จก็แอบไปนอนคนละมุม พอแดดหมดก็ไปนั่งเรือเล็กชมวิวสวนหลังบ้าน บอกเลยว่าบรรยากาศดีมาก    

เรือก็ลัดเลาะไปตามคลอง กิจกรรมดูเหมือนจะน่าเบื่อนะ แต่พอไปจริง ๆ ไม่น่าเบื่อเลย การได้หลุดจากหน้าจอคอมไปเห็นสวนพักเห็นธรรมชาติ อยู่กับลมเย็น ๆ นี้คือดีมาก   

ไฮไลท์ของที่นี่คือซุ้มน้ำเต้า ลูกใหญ่มาก มีหลายลูกด้วย ตอนนั่งเรือเข้าไปคือตื่นเต้นเลย หลังจากนั่งเรือชมสวนแล้ว เราก็ไปนั่งเล่นบนดาดฟ้าดูพระอาทิตย์ตกดินต่อ วิวคือสวยมาก ลมเย็นมาก อากาศดีสุด   

ช่วงที่เรากินลมชมวิวอยู่ ทางที่พักก็จะไปเตรียมอาหารเย็นมาให้ค่ะ ซึ่งราคาก็รวมที่จ่ายเลย เลือกได้คุยกันได้ว่าจะกินอะไร ถ้ากินเป็นพวกกับข้าวที่ไม่ต้องจุดไฟก็สามารถมานั่งกินบนดาดฟ้าได้ แต่ถ้าจะกินพวกหมูจุ่มก็ต้องกินข้างล่าง 

ฝ้ายเลือกกินหมูจุ่มค่ะ อร่อยมากหมูนุ่มมาก นํ้าจิ้มคือเริส แซ่บมากพวกหมูจุ่มก็เป็นร้านที่ขายในชุมชนนี้แหละ เหมือนกระจายรายได้ช่วยชาวบ้าน หมดนี้กินทั้งครอบครัวอิ่มพอดีฟินมาก   

ปิดท้ายวันแรกด้วยหมูจุ่มชุดนี้ อร่อยแซ่บ พร้อมอาบนํ้านอน จะได้มีแรงสำหรับวันพรุ่งนี้

 

เช้าวันที่ 2 

ตื่นเช้ามาก แม่ปลุกมาตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพราะว่าจะมาตักบาตรตอน 7 โมงเช้า พระท่านจะพายเรือมาทางคลอง เราจะได้ตักบาตรทางเรือครั้งแรกเลย พ่อกับแม่นี้ดูจะตื่นเต้นสุด   

ของที่จะตักบาตรทางที่พักเตรียมไว้ให้ค่ะ ราคารวมอยู่ที่เราจ่ายเหมือนกัน เพราะท่านจะมีบาตรก็เอาข้าวใส่บาตร ส่วนแกง ท่านจะมีปิ่นโตมาค่ะ ให้เอาแกงใส่ปิ่นโต ก็ถือว่ากิจกรรมดี ๆ ที่เราไม่เคยทำเลยตักบาตรทางนํ้า แต่มาที่นี่ได้ทำ อิ่มบุญมาก ๆ 

อิ่มบุญแล้วก็อิ่มท้องต่อ พี่เจ้าของเอาอาหารเช้ามาให้ค่ะ เยอะมาก เยอะจนตกใจ เยอะจนคิดว่านี้คือราคาทั้งหมดที่จ่ายจริง ๆ หรอ   

กล้วยนี้ยังไม่สุกนะคะ พี่เค้าให้เอากลับบ้านได้ แม่ยิ้มเลย ส่วนขนมกับปาท่องโก๋ กาแฟ อันนี้เป็นออเดิร์ฟ  

อันนี้คืออาหารเช้าทั้งหมดเลย เยอะมาก และก็น่ากินมาก ๆ ที่เยอะแบบนี้เพราะทางพี่เจ้าของแยกมาให้กินคนละปิ่นโตเลย เพราะกลัวเรื่องไวรัสโควิค เลยให้กินของใครของมันเลย จะบอกว่ากินเยอะมากเพราะอร่อย 

และที่ต้องตกใจคือราคาปิ่นโตละ 20 เท่านั้น ชาวบ้านทำเอง ขายเองราคานี้ คือถูกและอร่อยมาก ขนมหวานก็กล่องละ 10 บาทเอง ปลื้มมาก   

ยํ้าว่าอร่อยทุกอย่างจริง ๆ คอนเฟิร์มเลย แต่อาหารเช้าพี่เจ้าของบอกว่าก็จะมีการปรับเปลี่ยนไปนะคะ บางครั้งอาจจะเป็นข้าวต้ม กินข้าวเสร็จก็ยังมีกิจกรรมก่อนกลับนะคะ กิจกรรมแรกของวันที่สอง ที่แรกไปบ้านสวนนายตั้ม วันนี้ท้องฟ้าไม่ค่อยเป็นใจมืดครึมแต่เช้า แต่ยังพอเที่ยวได้   

บ้านสวนนายตั้ม เป็นสวนผลไม้ ปลูกผลไม้หลายอย่าง แต่ช่วงนี้ที่ไปเป็นช่วงมัลเบอร์รี่ หรือลูกหม่อนนั้นเอง สามารถที่จะกินหม่อนสด ๆ ได้เลย กินเท่าไหร่ก็ได้ เพราะสวนไม่ได้ฉีดยา   

ระหว่างกินก็เก็บใส่กล่องเอากลับบ้านได้ด้วย ทางสวนจะเตรียมกล่องไว้ให้  รสชาติของลูกหม่อนถ้าเป็นผลสีดำจะหวาน ถ้าเป็นสีแดงจะเปรี้ยวก็แล้วแต่คนชอบ อร่อยมากแถมมีประโยชน์มาก  

นอกจากลูกหม่อนสดแล้ว ก็ยังมีที่แปรรูปอีกด้วย มีแยม มีไวน์ ไอติม   

ทั้งหมดที่ได้กิน ได้ชิม บอกเลยว่าคุ้มมากกับแพคเกจ คุณลุงก็น่ารักมาก ๆ แทคแคร์ดี เอานู้นนี้มาให้กิน จบจากสวนผลไม้ก็ไปทำกิจกรรมต่อ ระหว่างทางก็จะได้เห็นวิวริมคลอง  

ระหว่างทาง ถือว่าเงียบเหงาเหมือนกันนะ พี่เจ้าของก็เล่าว่าแต่ก่อนครึกครื้น ภาพที่คลองมีแม่ค้ามาขายของเต็มคลอง มีนักท่องเที่ยว ปัจจุบันที่ตรงนี้เงียบเหงาแล้ว ชาวบ้านก็ขาดรายได้ไปเยอะ นักท่องเที่ยวน้อยลงมาก ๆ คนรุ่นใหม่ก็ไม่ค่อยมาเที่ยวแบบนี้แล้ว  

จากสวนผลไม้ เราก็มาทำสบู่ เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่รวมในแพคเกจเหมือนกัน ตอนแรกก็รู้สึกว่าน่าเบื่อรึเปล่า แต่ปรากฏว่าชอบมาก  

พอมาถึงก็มีขนมไทยกับนํ้าอัญชัญมาตอนรับ โอ้โห้ดูดีมาก และอย่าลืมว่านี้คือราคาแค่พันสาม ตั้งแต่มาจนตอนนี้ดีงามไปหมดทุกอย่าง  

การทำสบู่ขนมไทย ถือเป็นของ OTOP ของตลาดนํ้าหลักห้าเลยก็ว่าได้ พี่ที่สอนก็จะเล่าความเป็นมา สอนวิธีการทำ ซึ่งไม่ยากเลย ไม่น่าเบื่อ แถมสนุกมาก น่าตาสวยงาม น่ากินเกินกว่าจะเป็นสบูด้วย แถมทำเสร็จเอากลับบ้านได้เลย  

ทุลักทุเลนิดหน่อยแต่ว่าสนุก พี่ที่สอนบอกว่าให้จินตนาการเป็นขนมไทย อันนี้ก็เป็นบัวลอย  

ถ้าทำเสร็จก็น่าตาจะประมาณนี้ เวลาพี่เค้าเอาไปขายพี่เค้าบอกว่าจะให้ลูกค้าตักแบบนี้ เป็นกิมมิคคล้าย ๆ ขนมไทย ชาวต่างชาติก็จะชอบ  

ส่วนอันนี้คือฝ้ายทำเอง น่ารักมากกกกกก 55 ทำเองชมเอง ภูมิใจมาก แถมหอมสุด ๆ ไม่กล้าเอาไปใช้เลย การทำสบู่ในครั้งนี้ค่อนข้างเปลี่ยนความคิดฝ้ายเหมือนกันนะ จากที่มองแพคเกจตอนแรกว่าอาจจะน่าเบื่อรึเปล่ากิจกรรมนี้ แต่กลับเป็นกิจกรรมที่ฝ้ายชอบมาก   

ได้เรียนรู้วิธีทำ ได้ทำสบู่ที่ไม่เหมือนใคร มันเป็นการเที่ยวมุมมองใหม่จริง ๆ และก็นับถือพี่เค้าเลย เพราะตอนที่เค้าเล่าประวัติ เล่าวิถีชุมชนของที่นี่ วัฒนธรรมของที่นี่พี่เค้าดูภูมิใจมาก  

หลังจากทำสบู่เสร็จ ก็นั่งเรือไปกินกาแฟ ไปกินก๋วยเตี๋ยว ซึ่งอร่อยมากกก ที่สำคัญถูกมาก ๆ ปัจจุบันก็ยังมีคุณป้าคุณลุงพายเรือมาขายของอยุ่ค่ะ แต่ก็น้อยมากแทบไม่มีเลย อาจจะด้วยเศรษฐกิจและก็ความนิยมที่คนไม่มาเที่ยวแล้ว แต่ความน่ารักของคนที่นี่คือก็ยังทักทายยิ้มแย้มให้นักท่องเที่ยวแบบเราตลอดทาง  

ก๋วยเตี๋ยวแม่ระเบียบ เจ้าดังย่านนี้ อร่อยมาก ดีมากกินจนหมดเลย บะหมี่ต้มยำคือยืนหนึ่ง อันนี้เก๋ตรงนั่งเรือมาจอดเทียบท่าละกินบนเรือได้เลย  

ทั้งหมดนี้ก็เป็นที่พักพร้อมแพคเกจเที่ยวในราคาแค่ 1300฿ เท่านั้นเอง สำหรับกลุ่ม 4 คน จริง ๆ พี่เค้าจะพาขึ้นไปไหว้พระกับไปดูโบสถ์ แต่ท้องฟ้ามืดครึมแบบตกแน่ และก็ตกจริง ๆ เรากลัวกลับไม่ทัน เลยไม่ได้แวะ ซึ่งก็แล้วแต่ เราสามารถคุยกับพี่เค้าได้เลยว่าอยากได้ประมาณไหน ไม่จำเป็นต้องเป๊ะ ๆ ก็ได้   

ทุกอย่างคุยได้หมดเลย ประทับใจมากทุกอย่างเลย พี่เจ้าของก็น่ารัก ชาวบ้านแถวนั้นก็น่ารักแทคแคร์ดูแลดีมาก ๆ ที่สำคัญราคาถูกมาก ไม่รู้เค้าเอากำไรจากตรงไหน คุ้มค่ามากที่สุดทริปนี้ ใช้เงินไม่เยอะแต่อื่มสุขมากอ่ะบอกเลย

สำหรับการเที่ยวครั้งนี้ฝ้ายได้เห็นมุมมองใหม่ ได้อะไรเยอะมาก ปกติเป็นแค่วัยรุ่นที่เที่ยวตามคาเฟ่ ตามที่เที่ยวฮิต ๆ ทั่วไป ไม่ค่อยได้สัมผัสธรรมชาติ หรือวิถีชุมชนจริง ๆ สักที ครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ และที่ดีไปกว่านั้น พ่อกับแม่มีความสุขมากที่เราพามาเที่ยวแบบนี้ ทั้งคู่ชอบมาก   

ยังไงฝ้ายก็อยากให้ทุกคนได้ลองเปิดใจมาเที่ยว มาทำกิจกรรมแบบนี้ดู อยากให้ชุมชนที่น่ารักแห่งนี้ยังอยู่ได้ ชาวบ้านมีรายได้จากนักท่องเที่ยว ยังไงนักท่องเที่ยวแบบเราก็ช่วย ๆ กันนะคะ ไปอุดหนุนคุณลุงคุณป้าที่น่ารักกัน : )

ติดตามรีวิวอื่น ๆ ที่เพจเล็ก ๆ ของฝ้ายได้ที่ : https://www.facebook.com/puifaikamonblog/

สิ่งที่เราอยากแนะนำ