พาเที่ยวเมือง Hakodate
ฮาโกดาเตะ (Hakodate) เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของภูมิภาคฮอกไกโด ตั้งอยู่ปลายสุดทางตอนใต้ของเกาะ มีความสำคัญทางเศรษฐกิจเนื่องจากเป็นเมืองท่า มีชื่อเสียงด้านทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขาฮาโกดาเตะ และอาหารทะเลสดใหม่
ในอดีตเป็นเมืองหนึ่งที่มีท่าเรือสำหรับเปิดการค้าระหว่างประเทศในช่วงหลังจากยุคแยกประเทศ เมืองฮาโกดาเตะได้รับอิทธิพลจากต่างประเทศเป็นอย่างมาก มีย่านที่อยู่อาศัยของชาวต่างประเทศ และป้อมสไตล์ตะวันตก
📍สามารถจองตั๋ว JR Hokkaido Rail Pass แบบ 3, 5 และ 7 วัน ได้กับทาง Klook
🎟️ JR Hokkaido Rail Pass แบบ 3 วัน
🎟️ JR Hokkaido Rail Pass แบบ 5 วัน
🎟️ JR Hokkaido Rail Pass แบบ 7 วัน
และติดต่อสอบทราบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Klook นะ
ตื่นเช้าเพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองฮาโกดาเตะ (Hakodate) โดยใช้ JR Hokkaido Rail Pass แบบ 3 วัน ในการเดินทางเพราะคำนวนดูแล้วน่าจะคุ้มกว่าซื้อเป็นเที่ยวนั่นเอง
จากซับโปโรไปฮาโกดาเตะใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมงกว่ากันเลย เราเลยต้องมีการซื้ออาหารข้าวกล่องและน้ำกินกันตลอดทาง และยังสามารถซื้อในรถไฟได้อีกด้วย จะมีพนักงานเข็นรถมาขายอยู่เป็นระยะๆ นะ
ถึงแล้วสถานี Hakodate
หน้าสถานี JR Hakodate
ที่พักเราเลือก Smile Hotel เพราะราคาถูกและอยู่ใกล้สถานี JR Hakodate มาก
เก็บข้าวของเสร็จ เราก็เดินไปหาร้านแฮมเบอร์เกอร์ชื่อดังนั่นก็คือร้าน Lucky Pierrot นั่นเอง
Lucky Pierrot ภาษาญี่ปุ่น อ่านว่า “ラッキーピエロ- ลัคกี้พีเอโร่” แปลว่า “เจ้าตัวตลกผู้โชคดี ร้านนี้ตั้งขึ้นเมื่อ เดือน มิ.ย. 1987
เมนูยอดนิยมอันดับ 1 Chinese Chicken Burger ข้าวแกงกะหรี่ไก่ทอด และ น้ำอัดลมหวานๆ ซ่าๆ อร่อยดี
ที่เมืองนี้จะนิยมนั่ง รถแทรม หรือ รถราง ในการไปเที่ยวในตัวเมืองกัน (สามารถซื้อตั๋ว One Day Pass ที่จุดขายตั๋วอยู่ในห้อง Hakodate Tourist Information ภายในสถานีรถไฟ JR Hakodate ราคา 600 เยน)
นั่งมาลงที่สถานี Sueshiro-Cho จากนั้นเริ่มเดินขึ้นตามทางลาดโมโตอิ-ซากะ (Motoi-zaka Slope)
บนยอดสุดเราจะเห็นกระเช้า (Mt. Hakodate Ropeway) ขึ้นไปชมวิวเมือง Hakodate บนภูเขา Hakodateyama ซึ่งเราจะเดินไปเป็นที่สุดท้ายของวันนี้
ทางลาดฮะจิมัน-ซากะ (Hachiman-zaka Slope) เป็นทางลาดที่สามารถมองเห็นอ่าวฮาโกดาเตะข้างหน้าได้นั่นเอง
เดินต่อมายังโบสถ์รัสเซียออโธด็อกซ์ (Rusian Orthodox Church)
เดินมาถึงจุดขึ้นกระเช้าเพื่อที่จะได้ดูวิวบนภูเขาฮาโกดาเตะ (Mt. Hakodate Ropeway) กันแล้ว ค่าขึ้นกระเช้าไป – กลับ ราคา 1,160 เยน (เที่ยวเดียว 640 เยน) ออกทุกๆ 5-10 นาที ตั้งแต่ 10:00-22:00 น.
เมื่อมาถึงข้างบนแล้วให้มองหายอดเสาแล้วไปยังจุดชมวิวที่ดีที่สุดกันเลย แต่คนก็จะเยอะเช่นกันต้องรีบกันหน่อยนะ
ตรายางไว้ประทับว่าเราได้มาถึงที่นี่แล้ว
ค่ำๆ เราได้แวะมาโกดังอิฐแดงริมน้ำ (Red Brick Warehouses) ติดกับอ่าว Hakodate เพื่อมากินข้าวนั่นเอง ซึ่งเรามานั่งที่ Hakodate Beer Restaurant กัน เพราะร้านดูบรรยากาศดี
ไม่รอช้าสั่งกับแกล้ม เอ้ย!! อาหารมากินกันเลย อิอิ
เป็นทริปสุขภาพจริงๆ นะ
เช้าวันที่สองที่เมือง Hakodate เรามาตลาดตอนเช้า (Hakodate – Asaichi Morning Market) โดยตลาดอยู่ไม่ไกลจากที่พักของเรา เราเลยเดินกันมาได้อย่างสบายๆ
แค่นี้ก็ดูอร่อยแล้ว กลิ่นหอมเย้ายวนมากก….กก
จัดเต็มกับอาหารเช้าสดๆ ที่ไม่ต้องดูชื่อร้านเลย เพราะมันน่าจะสดอร่อยเกือบทุกร้าน ดูร้านที่คนน้อยดีกว่านะ เพราะตอนเช้าคนจะเยอะอยู่เหมือนกัน
มากันที่ป้อมปราการรูปดาวห้าแฉก Goryokaku ถือว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองฮาโกะดะเตะ การจะชมป้อมปราการแห่งนี้แบบทั่วถึงนั้น จะต้องขึ้นมาชมจากจุดชมวิวของหอคอยแห่งนี้ โดยสามารถเดินทางจากสถานี JR Hakodate นั่งรถรางสาย 2 หรือ 5 ที่มุ่งหน้าไปทาง Yunokawa ลงที่ป้าย Goryokaku koenmae และเดินต่อราว 15-20 นาที (มีป้ายบอกทาง) ค่าขึ้นชมบนหอคอย ราคา 840 เยน
ป้อมปราการแห่งนี้ เป็นป้อมสไตล์ตะวันตกแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่สร้างมานานกว่า 150 ปีแล้ว พอขึ้นมาบนหอคอยเราก็สามารถเห็นป้อมปราการรูปดาวห้าแฉก Goryokaku ได้อย่างชัดเจน
ที่นี่ก็มีตราสำหรับประทับเหมือนกันนะ
ช่องกระจกที่สามารถมองทะลุลงไปได้ว่าเรานั่นอยู่สูงกันแค่ไหน
จากนั่นเราก็ลงเข้ามาที่ตัวของป้อมปราการรูปดาวห้าแฉก Goryokaku ซึ่งจะถ่ายเห็นหอคอยที่เราได้ขึ้นไปดูนั่นเอง
สำนักงานปกครองฮาโกดาเตะ (Hakodate Magistrate’s Office) สร้างขึ้นหลังจากที่มีการลงนามในสนธิสัญญาเปิดประเทศกับสหรัฐอเมริกา เมืองท่าฮาโกดาเตะจึงได้ถูกเปิดสู่ภายนอก เดิมทีจุดบังคับการศูนย์ปกครองแห่งนี้ ปัจจุบันป้อมปราการแห่งนี้เป็นสวนสาธาณะที่เปิดให้ผู้คนภายนอกเข้ามาชมได้ฟรี
บ่ายๆ ที่กลับมาที่ โกดังอิฐแดงริมน้ำ (Red Brick Warehouses) อีกรอบเผื่อมาเดินเล่นถ่ายรูปเพราะเมื่อวานมาก็ดึกแล้วนั่นเอง
โกดังอิฐแดงริมน้ำ (Red Brick Warehouses) เป็นคลังสินค้าอิฐสีแดงที่เคยใช้ค้าขายในปลายสมัยเอโดะ ซึ่งได้ปรับปรุงเปลี่ยนให้กลายเป็นศูนย์รวมแหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร ร้านขนมหวาน และสถานบันเทิงที่ยังมีความคลาสสิกของโกดังเก่าอยู่ โดยสามารถเดินทางโดยรถรางมาลงสถานี Jujigai และเดินต่อไปทางชายทะเลประมาณ 5 นาที
บรรยายกาศชิลดีเหลือเกิน
มาแวะร้าน Lucky Pierrot สาขา Red Brick Warehouses แนะนำว่าใครอยากมาลองกินให้มากินที่นี่ดีกว่า เพราะร้านค่อนข้างใหญ่และมาที่นั่งติดอ่าวสวยๆ อีกด้วย
มื้อนี้ลอง ข้าวห่อไข่ไก่ทอด กับ Cheese French Fries
เดินเล่นซักพักก็ต้องกลับไปเก็บของเตรียมตัวจากเมืองนี้ไปกันแล้ว บ๊าย บาย ฮาโกดาเตะ