• สายการบิน
  • ประสบการณ์ที่คุณจะได้รับ
  • เตรียมตัวก่อนเดินทาง
  • รีวิวท่องเที่ยว
4 วัน 3 คืน

รีวิว Okinawa 4 วัน 3 คืน กินลม ชมปลาวาฬ ฉบับชิวๆ

วันที่เขียน 22/10/2020
ยอดเข้าชม

268

รีวิว Okinawa 4 วัน 3 คืน กินลม ชมปลาวาฬ ฉบับชิวๆ

วันที่เขียน

22/10/2020

ยอดเข้าชม

268

#Okinawa

เรียบเรียงโดย PinTrip

ไลฟ์สไตล์ท่องเที่ยว.. ของคนรุ่นใหม่

สายการบิน

Airlines

  • Peach Aviation
    Peach Aviation
    BKK
    OKA
  • Peach Aviation
    Peach Aviation
    OKA
    BKK

เตรียมตัวก่อนเดินทาง

  • ตั๋วเครื่องบิน
  • บัตรขับขี่สากล 
  • การจองเช่ารถ 
  • จองตั๋วดูปลาวาฬ

สภาพอากาศ

เราไปวันที่ 1-4 มีนาคมที่ผ่านมานี้ค่ะ อากาศช่วงนี้อยู่ที่ประมาณ 17-22 องศา กำลังเย็นสบาย แต่จริงๆแล้วยังอยู่ในช่วงหน้าหนาวของโอกินาวาค่ะ

รีวิวท่องเที่ยว

วันที่ 1 | สนามบิน สุวรรณภูมิ -  สนามบิน Naha  - Tomeri fishmarket - Katsuren Castle - Cape Hedo 

เราขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิ เดินทางสู่สนามบิน Naha ที่โอกินาวา ซึ่งเรามาถึงตอนเช้าประมาณ 8.30 ของวันที่ 1 มีนาคม เป็นสนามบินเล็กๆโดย Terminal ที่เราลงจะเป็นลักษณะเหมือน Cargo เล็กๆ อารมณ์แบบท่าเรือที่มีตู้คอนเทนเนอร์เยอะๆ พอผ่าน ตม. เราก็จะเจอกับเคาร์เตอร์รถเช่าค่ะ ซึ่งครั้งนี้เราเช่าของ OTS หน้าตาเคาร์เตอร์แบบนี้ค่ะ 

เราได้เข้าเวปไซต์ของ OTS จองล่วงหน้าก่อนประมาณ 2 เดือน ซึ่งการที่เราจองก่อนล่วงหน้าแบบนี้จะได้ราคาถูกกว่าจองกระชั้นชิดนะคะ 

ทริปนี้เราไป 2 คนก็เช่ารถคันเล็กสุดค่ะ รู้สึกจะเป็น Swife ประหยัดน้ำมันด้วย เราเช่ารถ 2 วัน ราคาอยู่ที่ 6,480 เยน จากนั้นกดยืนยันและปริ้นแบบฟอร์ม โดยการจองผ่านเวปไซต์นี้เรายังไม่ต้องจ่ายเงินนะคะ ให้เรามาจ่ายเงินสดที่นี่เลยค่ะ

พอเจอเคาร์เตอร์ก็ให้เราเดินเข้าไปติดต่อเลยค่ะ เค้าจะถามชื่อเราและให้คิวเพื่อรอเรียกขึ้น Shuttle bus ไปส่งที่บริษัทเพื่อรับรถอีกที ซึ่งรถรับส่งนี้บริการฟรีค่ะ นั่งไปประมาณ 10 นาทีก็ถึงบริษัทค่ะ 

พอมาถึงบริษัทแล้ว เข้าไปจะมีพนักงานคนไทยอธิบายรายละเอียดต่างๆในการเช่าและรับรถค่ะ (คนไทยน่าจะมาใช้บริการเจ้านี้เยอะเลยมีพนักงานไทย)

เราซื้อประกันรถเพิ่มค่ะ เพราะราคาที่เรากดมาตอนแรกเป็นราคารวมประกันชั้น 3 ซึ่งไม่คุ้มครองรถเราในกรณีไปชนคันอื่น เราเลยซื้อเพิ่มอีกประมาณ 2,000 เยน เพื่อความสบายใจเนอะ

ระหว่างรอรับรถ เราก็ไปซื้อตั๋วอควาเรียมที่เราจะไปกันพรุ่งนี้ค่ะ 

แนะนำให้ซื้อที่นี่เลยเพราะราคาถูกกว่าซื้อที่อควาเรียมค่ะ ที่นี่มีตั๋วเกือบครบทุกสถานที่นะคะ ราคาถูกกว่าหมดค่ะ 

พอเค้าเรียกคิวก็ไปรับรถกันค่ะ OTS upgrade รถให้เราฟรีค่ะเป็น Hybrid รุ่นนี้ค่ะ

ก่อนไปก็เช็คสภาพรถรอบคันว่ามีรอยตรงไหนก็ให้พนักงานติ๊กไปค่ะ เสร็จแล้วไปกันเล้ย


Tomari fish market

ทริปนี้เราไม่ได้ทำรายละเอียดย่อยไว้มากนะคะ เพราะเราเดินทางโดยใช้ gps บนรถค่ะ ง่ายมั๊กมาก ที่แรกที่เราไป กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เริ่มต้นที่ Tomari fish market กันก่อนเลย เริ่มจากใส่ชื่อสถานที่หรือพิกัด gps ก็ได้ค่ะ search หาจาก google เลย ขับจากจุดรับรถไปประมาณ 15 นาทีก็ถึงค่ะ 

เติมพลังปลาดิบ!! คืออร่อยทุกอย่าง ราคาไม่แพง มันช่างถูกใจเราซะจริงๆ555 โดนเฉพาะหอย!! ปกติเราไม่ค่อยกิน แต่ครั้งก่อนไปลองกินสดๆแบบนี้ที่ฮอกไกโด มันคือดีย์ มันไม่เหมือนหอยนางรมที่ไทย โอ้ย ซัดไปหลายฝา 

อิ่มหนำสำราญใจแล้วก็เดินทางต่อค่ะ


Katsuren Castle

สถานที่ต่อไปคือ Katsuren Castle เหมือนเดิมค่ะ กด gps นำทางไปเลย เราสังเกตว่าบางที gps มันก็พาเราอ้อมแบบแปลกๆ บางทีอาจต้องเปิด google map ในมือถือเช็คเส้นทางไปด้วยนะคะ ไม่งั้นอ้อมกันนานเลย ถึงแล้ว !! Katsuren Castle ให้เราจอดรถที่ฝั่งตรงข้ามแล้วเดินขึ้นไปเลยค่ะ เข้าชมฟรี 

ตัวปราสาทตั้งอยู่บนเนินเขาใกล้กับชายฝั่งทะเล เราสามารถมองเห็นวิวที่สวยงามได้จากตรงนี้ค่ะ ปัจจุบันซากปราสาทนี้ถูกขึ้นบัญชีให้เป็นมรดกโลก UNESCO World Herritage site ด้วยค่ะ 

มองเห็นวิวทะเล 


Cape Hedo

เดินทางต่อค่ะ จุดหมายต่อไป เราขับขึ้นไปเหนือสุดของเกาะเลยค่ะ นั่นคือ Cape Hedo ตาม gps ไปเล้ย !!
ในการไปครั้งนี้จะต้องขึ้น Okinawa Expressway นะคะ ให้เรารับบัตรที่ตู้ทางเข้าก่อน แล้วค่อยไปจ่ายเงินตอนทางออกค่ะ 

การขับรถที่ญี่ปุ่น เค้าจะกำหนดความเร็วห้ามขับเกิน 80 กม./ชม. นะคะ ถ้าเราขับเกินปุ๊ป gps ที่รถจะเตือนทันทีว่าขับเร็วเกินไป ให้ลดความเร็ว นั่นจึงเป็นสาเหตุที่กว่าจะถึงจุดหมายก็ปาไปหลายชม.  แต่ๆๆ เราก็เห็นรถคันอื่นก็ขับเกินนะ 555 บ้าสิ ขับ 80 เมื่อไหร่จะถึง รถเราก็ขับเกินบ้างเป็นระยะๆ ไป 

เรามาถึง Cape Hedo ประมาณ 5 โมงเย็น  พระอาทิตย์เกือบตก 555+

Cape hedo ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของปลายเกาะโอกินาว่า ปกคลุมด้วยป่าไม้และภูเขา สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามจากหน้าผาชายฝั่งทะเลได้ ไม่เสียค่าเข้าชมค่ะ 

ออกจาก Cape Hedo ฟ้าก็เริ่มมืดละ เรามุ่งหน้าย้อนหลับลงมาไปที่พักกันค่ะ 


seagull village guesthouse

คืนนี้เราพักที่ Seagull village guesthouse ราคาไม่แพงค่ะ ที่พักสะอาดมาก ให้ 5 ดาวเลยค่ะ 

ที่พักจะเป็นลักษณะเหมือนบ้านหลังนึง ข้างในจะแบ่งเป็นห้องพักประมาณ 5-6 ห้อง แล้วมีพื้นที่ส่วนกลาง ห้องครัว ซึ่งเราสามารถซื้ออาหารมาทำกินเองได้ ห้องน้ำเป็นห้องอาบน้ำ แยกกับห้องส้วม เป็นห้องน้ำรวมนะคะ ภายในห้องนอนคือกว้างค่ะ สะอาดทุกส่วน แนะนำมากค่ะ (ขออนุญาตยืมรูปจากเวปค่ะ)


วันที่ 2 | Okinawa Churaumi aquarium - Okichan therter - Cape Manzamo - Cape Zanpa

ตื่นเช้ามาเรา check out จากที่พักประมาณ 8.30 เพื่อไป Okinawa Churaumi aquarium กันค่ะ ซึ่งห่างจากที่พักเรา ขับรถไปประมาณ 5 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ ใกล้มากๆ

โซนแรกเข้าไปจะเจอบ่อปลาดาวค่ะ ซึ่งโซนนี้เค้าอนุญาตให้เราเอามือลงน้ำไปสัมผัสปลาดาวได้ค่ะ แต่ห้ามเอาน้องขึ้นมาพ้นน้ำนะคะ ให้จับได้ในน้ำเท่านั้น 





เราชอบเจ้านี่จังเลย หน้าตามันน่ารักดีนะ

พี่หลาม หน้าดุจัง 

แล้วก็มาถึงพระเอกของที่นี่ พี่หลามวาฬ ตัวใหญ่มว๊ากกก จะมีอยู่ 2 ตัวนะคะ 

ปลากระเบน เหมือนยานอวกาศเลย

มีอุโมงค์ให้เราเดินด้วยดูปลาด้วย เหมือนอยู่ข้างในด้วยกันเลย 

มีจุดให้ความรู้เกี่ยวกับปลาฉลามด้วยค่ะ นี่คือสมองของฉลามกับปลาโลมา ดูเองใครฉลาดกว่า 

พอใกล้ๆเวลา 11 โมง เราก็ออกจากตัวอควาเรียมเพื่อไป ดูโชว์ปลาโลมาที่ Okichan therter จุดนี้ไม่ต้องซื้อตั๋วเพิ่มนะคะ เค้าเปิดให้ชมฟรีเป็นรอบๆ การบรรยายจะเป็นภาษาญี่ปุ่นหมดนะคะ

ตรงใกล้ๆ กันจะมีบ่อเต่าและพยูน 


Cape Manzamo

พอเที่ยงเราออกเดินทางต่อค่ะ ไป Cape Manzamo ตาม gps ไปเช่นเดิม ไม่เสียค่าเข้าชมเช่นเคย 

เป็นผาหินที่มีรูปร่างเหมือนงวงช้าง มีทุ่งหญ้ากว้างให้เดินเล่น แต่แดดแรงมากกกก เดินมิไหว 555 

จากนั้นไปต่อที่ Cape Zanpa ค่ะ ที่นี่จะมีประภาคารสีขาวเป็นสัญลักษณ์ ซึ่งสามารถขึ้นไปชมด้านบนได้ 


Roco Inn Matsuyama

เราเดินทางกลับมาที่ Naha เพื่อ check in โรงแรมค่ะ มาถึง Naha ประมาณ 4 โมงเย็น คืนนี้เรามาพักที่ Roco Inn Matsuyama ค่ะ เราขับรถเอากระเป๋าไปลงและ check in ก่อน จากนั้นก็ขับรถไปคืนที่จุดคืนรถค่ะ 

ก่อนคืนรถเราต้องเติมน้ำมันเต็มถังคืนเค้านะคะ แล้วเราดันไปเข้าปั๊มที่ต้องเติมเอง งานเข้าค่ะ 555+ ก็มั่วไปตามเค้าเลยค่ะ ถ้าเป็นคนญี่ปุ่นส่วนมากเค้าจะมีการ์ด น่าจะเป็นการ์ดเติมเงินอยู่แล้ว ส่วนเราไม่มี !! 

สำหรับคนที่ไม่มีการ์ดอย่างเรา การเติมน้ำมันรถที่ญี่ปุ่น เราต้องใส่เงินเข้าไปในเครื่องก่อนค่ะ แล้วเลือกชนิดน้ำมัน และกดเติม ถ้าเติมไม่ถึงจำนวนเงินที่เราใส่เข้าไปเครื่องจะไม่ทอนค่ะ ให้เอาใบเสร็จที่เครื่องปริ้นออกมาไปที่เครื่องทอนเงินซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆตู้เติม เอาใบเสร็จไปสแกนบาร์โค้ด เครื่องจะทอนเงินออกมาให้เราค่ะ

อันที่จริงไม่ได้รู้หรอกค่ะ เราวิ่งเอาใบเสร็จไปหาพนักงาน เค้าเลยมาสอนว่าต้องทำแบบนี้ 555+ มั่วสุดๆ
วันที่ 3 | Whale watching  - Kokusai dori 


ตื่นเช้ามาดูปลาวาฬ

วันนี้เราตื่นแต่เช้า เราจะไปดูปลาวาฬกันค่ะ !!

เราจองออนไลน์กับบริษัท SEASIR ราคา 4,500 เยนต่อคน เป็นโปรแกรม Whale watching ทางบริษัทเค้าเคลมว่าถ้าเราไม่เห็นจะคืนเงินเต็มจำนวนค่ะ เราเลยตัดสินใจที่จะจองกับบริษัทนี้ อิอิ

เราทำการนัดหมายให้บริษัทมารับเราที่โรงแรม เป็นบริการฟรีของเค้าค่ะ บริษัทจะส่งเมล์มาคอนเฟิร์มก่อน 1 วันนะคะ ว่าจะมารับกี่โมง ให้เราเช็คอีเมล์ก่อนนะคะ

รถตู้มารับเราเวลา 7.20 ที่หน้าโรงแรม และขับพาเราไปที่ทำการบริษัทเพื่อรอลูกค้าคนอื่นๆ ที่จะไปดูปลาวาฬกับเราค่ะ จากนั้นก็ขึ้นรถพาไปท่าเรือ ไปกันเล้ย!! 

เรือเรามีแต่คนจีนหมดเลยค่ะ มีเรา 2 คนเท่านั้นที่เป็นคนไทย เรือเราแล่นไปได้ประมาณชั่วโมงนึง ฝนก็เริ่มตก เรือโคลงมากทำเอาเราเมาเรือขั้นรุนแรงมาก คนจีนที่ไปด้วยกันคือยกถุงกันหมดแล้วค่ะ แต่เราก็พยายามมองไกลๆจะได้ไม่เมา และแล้วสิ่งที่เรามองหาก็มาค่ะ 

ปลาวาฬมาแว้ววว เราจะได้ยินเสียงของมาก่อนค่ะ พอหันไปตามเสียงก็จะเห็นเลยค่ะ มันยิ่งใหญ่มากจริงๆ ต้องไปดูด้วยตาตัวเองเนอะ 

พอเค้าหันเรือกลับเข้าฝั่ง เราก็หลับทันทีเลยค่ะ เพราะเมาเรือหนักมาก 555+ จากนั้นบริษัทก็ขับรถตู้มาส่งเราที่โรงแรม ก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว เรียบร้อยก็ออกมาลุยกันต่อค่ะ


ถนนช้อปปิ้ง Kokusai dori

เราไปต่อที่ถนน Kokusai dori ถนนช้อปปิ้งของเกาะโอกินาว่า โดยจากโรงแรมเราเปิด google map เดินไปค่ะ ประมาณ 10 นาทีก็ถึง ประหยัดค่ารถไปอี๊ก 


ร้านไอติม Blue seal

ร้านแรกที่แวะคือ ร้านไอติม Blue seal ค่ะ หรือโฟร์โมสบ้านเรานั่นเอง 

รสมันม่วงของขึ้นชื่อของที่นี่ค่ะ 

จากนั้นก็เดินเล่นดูของ ที่นี่มีดองกี้และร้านขายมากมายให้เลือกช้อปตามอัธยาศัย เราเดินไปในซอยเจอตลาดสดขายพวกอาหารทะเลสดๆเลยค่ะ ที่ชั้น 2 ของตลาดจะมีร้านอาหาร

เราจะซื้อจากข้างล่างขึ้นไปให้ร้านข้างบนทำให้ก็ได้ค่ะ แต่ถ้าจะกินเป็นซาชิมิจะมีมุมให้กินที่ชั้นล่าง ทางร้านเค้าก็จะทำให้เลยค่ะ 

ปลาสดมากจริงๆ ตาใสปิ๊งมาก 

เราก็จัดการสัตว์ทะเลที่นี่ต่อเลย 


Shio ramen with corn

หลังจากนั้นก็เดินเล่นเรื่อยๆจนมืด ก็จัดราเมงซักชามก่อนนอน Shio ramen with corn 

Tonkatsu ramen 

ร้านราเมงที่นี่เป็นแบบหยอดตู้เหมือนทั่วๆไปนะคะ คือเราต้องกดเลือกเมนูที่เราจะกินที่ตู้หน้าร้าน แล้วเอาตั๋วมาให้พนักงานในร้าน เค้าก็จะเอามาเสิร์ฟตามที่เรากดไปค่ะ อิ่มท้องเรียบร้อยก็ได้เวลากลับห้องนอน พรุ่งนี้ลุยกันต่อ 


วันที่ 4 | Tomeri fishmarket - American village - Kokusai dori -  สนามบิน Naha

วันนี้เราตื่นสายนิดหน่อย Check out โรงแรมแล้วฝากกระเป๋าไว้ก่อน จากนั้นก็มุ่งตรงไปตลาดปลาที่เดิม 555+ เราเป็นตัวกินของดิบ จะกลับแล้วก็ต้องจัดให้หนัก เริ่มมื้อเช้าเลย ลุย!!

เลือกเล้ย!! 

แปรงร่าง!! 

สดมากจริง เพราะขากุ้งยังกระดิกเป็นระยะๆ เรานี่กินไปน้ำตาไหลไป ไม่ใช่เพราะอร่อยหรอกนะ เพราะเราสงสารมันแต่ถามว่า กินมั้ย กินค่ะ !! อร่อยมั้ย อร่อยมากกกกค่ะ !! หมดมั้ย หมดค่า !! กินไปพร้อมน้ำตาทั้งอร่อยทั้งสงสาร  

หลังจากอิ่มน้ำตา เอ้ยของดิบแล้วก็ช้อปปิ้งเล็กน้อยเก็บตกตาม drug store เจอน้ำมะระ น้ำดื่มพื้นเมืองของที่นี่ ก็ลองชิมซะหน่อย 

ว่าไม่โอสำหรับเราเลย 555 ขมจริงจัง แต่ป้าคนขายบอกเก้งกิๆ (กินแล้วสุขภาพดี)


American village

เครื่องเราออกตอนเย็น ไม่รู้จะไปไหนดี เราเลยไป American village เราไปโดยรถบัสนะคะ เปิด google map เลย สามารถบอกได้ทุกอย่างว่าป้ายรถบัสอยู่ไหน สายอะไรมากี่โมง เราขึ้นจาก Kokusai dori ตรงสุดถนนค่ะ เป็นต้นสาย นั่งยาวๆไป แต่จำสายรถไม่ได้นะคะ อ้างอิงตามแอปไปโลด

วิธีขึ้นรถบัส จะมีแต่ประตูหน้า ตรงคนขับค่ะ รอให้คนบนรถลงเสร็จก่อนแล้วค่อยขึ้นนะคะ ขึ้นก็รับตั๋วที่เครื่องก่อนแล้วไปหาที่นั่งค่ะ จากนั้นก็ดู google map ไปเลยค่ะ ดูจุดที่ป้ายรสบัสอยู่ใกล้ American Village พอใกล้ถึงก็กดกริ่ง แล้วเดินไปจ่ายเงินตามตัวเลขที่โชว์ที่จอแต่เครื่องจะไม่ทอนเงินนะคะ เราต้องหยอดให้พอดี ถ้าเรามีไม่พอดี ให้เอาแบงค์ใส่ไปในเครื่องแลกเงินก่อนค่ะ เครื่องจะทอนเป็นเหรียญออกมาให้เรา จากนั้นก็หยอดเงินตามจำนวนพร้อมกับตั๋วที่รับตอนขึ้นรถลงช่องจ่ายเงิน ค่ารถประมาณ 740 เยน

สัญลักษณ์ของที่นี่คือชิงช้าสวรรค์ค่ะ 

เอาจริง เราว่าไม่ค่อยมีอะไรนะที่นี่ แวะหามื้อเที่ยงก่อน

ที่นี่มีร้านอาหารไทยด้วยนะคะ เราเจอ 2 ร้าน ไปเดินเล่นริมหาดหน่อย ลมแรงมาก 

ซักพักเราก็นั่งบัสกลับค่ะ มาลงที่ Kokusai dori ที่เดิม หาของหวานกินซะหน่อย 


Ichiran ramen

จบท้ายด้วยของคาวซักนิดก่อนกลับ ไปลงเอยที่ Ichiran ramen ค่ะ ทำข้อสอบกันก่อน ใครจะลอกเราก็ได้นะคะ เราตอบกลางๆ ต้องมีถูกมั่งล่ะ (แล้วก็ลืมถ่ายผลสอบ 555+)

เสร็จแล้วเราเดินกลับโรงแรมไปเอากระเป๋า และเดินไปขึ้น monorail เข้าสนามบิน สายการบิน peach airline จะอยู่ที่ LCC Terminal ที่เดียวกับตอนขามานะคะ ต้องนั่ง shuttle bus ออกไปอีก แต่เราได้ข่าวว่าเค้าย้ายให้มา international terminal แล้วหลังจากที่เรากลับมาแล้วค่ะ 

ขอจบบันทึกการเดินทางไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อน คนเราควรออกเดินทางไปในนี้ที่ๆเราไม่เคยไปเพื่อเพิ่มประสบการณ์ชีวิต หาแรงบันดาลใจในการทำงานต่อไป (ทำงานหาเงินมาเที่ยว55) หวังว่าอาจจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยกับคนที่กำลังหาข้อมูลเที่ยวนะคะ ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้า อิอิ

Credit: https://pantip.com/topic/38786050