4 วัน 3 คืน ฮอยอัน - ดานัง - บานาฮิลล์ ณ ประเทศเวียดนาม 🇻🇳
เวียดนาม (Vietnam) เป็นอีกหนึ่งในประเทศเพื่อนบ้านของเรา ที่สามารถเก็บกระเป๋าไปได้อย่างง่ายๆ กันเลย เพียงนั่งเครื่องแค่ไม่ถึงสองชั่วโมง แถมยังอากาศดี อาหารถูกปาก สถานที่ถ่ายรูปหลากหลาย เช่น วัด ศาลเจ้าจีน โบสถ์สไตล์ยุโรป โดยทริปนี้เราได้เดินทางไปกันที่ ฮอยอัน และ ดานัง ซึ่งอยู่บริเวณกลางตอนใต้ของเวียดนาม
ฮอยอัน หรือ โห่ยอาน (Hoi An) เป็นเมืองขนาดเล็กริมฝั่งทะเลจีนใต้ทางตอนกลางของประเทศเวียดนาม ในอดีตเคยเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจุดเด่นของเมืองจะอยู่ตรงย่านเมืองเก่าที่ได้รับเป็นมรดกโลก โดยมีอาคารบ้านเรือนสไตล์โบราณที่ผสมผสานศิลปะและสถาปัตยกรรมท้องถิ่น และต่างชาติไว้ได้อย่างมีเอกลักษณ์ และอาคารต่างๆ ภายในนั้น ก็ยังได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี ซึ่งเราสามารถถ่ายรูปเช็คอินกันได้เต็มที่เลยนะ สวยทุกมุมบอกเลย
ดานัง หรือ ด่าหนัง (Da Nang) เป็นเมืองท่าสำคัญของเวียดนามกลางตอนใต้ ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลจีนใต้ จัดเป็น 1 ใน 5 เขตการปกครองส่วนท้องถิ่นในเวียดนาม จุดเด่นของเมืองดานัง คือเป็นเมืองที่ติดทะเลมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเวียดนาม เลยทำให้จุดเช็คอินของเมืองก็หนีไม่พ้นทะเลสวยๆ ชายหาดสีขาวที่ทอดยาว และมีเรือที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งมีที่เวียดนามที่เดียวนั่นก็คือ เรือตะกร้า (Basket Boat)
นอกจากนั้นภายในเมืองก็ยังไม่วุ่นวายเท่าเมืองใหญ่ๆ อย่าง ฮานอย หรือ โฮจิมินห์ อีกด้วย ดังนั้น ถ้าใครที่คิดอยากจะมาเที่ยวพักผ่อน หรือหลีกหนีจากความวุ่นวายแล้วละก็สามารถบินมาเที่ยวที่ ฮอยอัน และ ดานัง กัน ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวนะ
Plan คร่าวๆ 4 วัน 3 คืน 🗺️
Day 1 : สนามบินดอนเมือง (ไทย) > สนามบินดานัง > Hoi An > ย่านเมืองเก่า > แม่น้ำทูโบน (Hoi An Night Market)
Day 2 : Hoi An > Da Nang > Da Nang Cathedral > Linh Ung Temple > My Khy Beach > Dragon Bridge & Lock Love Bridge > ตลาดกลางคืน Son Tra
Day 3 : Ba Na Hills > French Village Ba Na Hills & Golden Hand Bridge
Day 4 : เดินทางกลับไทย
ค่าใช้จ่าย (ทริปนี้ไปกัน 4 คน)
✈️ ค่าเครื่องบิน Air Asia 4,065 บาท (ไม่ได้โหลดน้ำหนักกระเป๋านะ)
🏨 ที่พัก
- Home Stay Trang 1 คืน (Hoi An) 920 บาท ตกคนละ 230 บาท
- Gold Hotel 2 คืน (Danang) 3,450 ตกคนละ 585 บาท
🚡 ค่าตั๋วขึ้นกระเช้า Ba Na Hills ไป - กลับ ประมาณ 850 บาท หรือ 7,000,000 ดอง
(📍สามารถจองบัตรเข้าชมบานาฮิลล์ (Ba Na Hills) ในดานัง ผ่านทาง Klook ได้ที่ ➡️ https://bit.ly/2v613Id
📱 Sim เราใช้ 4G Vinaphone (ซื้อที่สนามบินดานัง) แต่จริงๆ แล้วทุกยี่ห้อราคาเดียวกันหมดคือ 240 บาท หรือ 180,000 ดอง
💰 ค่ากิน + ค่ารถ แลกไป 5,300 บาท หรือ 4,000,000 ดอง
🚖 วิธีเดินทาง
แนะนำให้ใช้ Grab Car โดยสามารถดาวน์โหลด App และลงทะเบียนมาจากไทยได้เลย ถ้ามากันแบบเรา 4 คน หารกันจะคุ้มมากๆ เลย
💰 วิธีคิดเงินสกุล ดอง (Dong)
ตัดศูนย์ออกไป 3 ตัวหลัง แล้วคูณด้วย 1.5 นะ เช่น 700,000 ดอง ก็เอา 700 X 1.5 = 1,050 บาทนั่นเอง (เป็นการคิดคร่าวๆ นะ)
🙏 ขอบคุณข้อมูลจาก
สะพานทอง (Golden Hand Bridge)
เป็นสะพานที่ตั้งอยู่ที่ บานาฮิลล์ (Ba Na Hills) ซึ่งอยู่ที่เมืองดานัง (Danang) โดยจะเป็นสะพานลอยฟ้าสีทอง ทรงครึ่งวงกลมในอุ้งมือหินยักษ์ ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2561 เราสามารถนั่ง Cable Car ขึ้นไปชมความสวยงามของสะพาน และวิวที่สวยงามของเมืองดานังได้อีกด้วย
📍 สามารถจองบัตรเข้าชมบานาฮิลล์ (Ba Na Hills) ในดานัง ผ่านทาง Klook ได้ที่ ➡️ https://bit.ly/2v613Id
จุดเช็คอินถ่ายรูปฮิตอีกจุด ของเมืองฮอยอัน (Hoi An) นั่นคือตรงร้านของโคมไฟ ซึ่งสามารถอุดหนุนเค้าแล้วของเค้าถ่ายรูปได้ หรือจะเสียค่าถ่ายคนละ 20,000 ดอง หรือประมาณ 25 บาท (ให้เค้าไปเถอะ อย่าไปแอบถ่ายกันเลยนะ)
📍 สามารถจองบัตรเข้าชมบานาฮิลล์ (Ba Na Hills) ในดานัง ผ่านทาง Klook ได้ที่ ➡️ https://bit.ly/2v613Id
วิธีการซื้อซิม
พอเราออกมาจาก ตม.ของสนามบิน เราก็จะเจอร้านขาย Sim อยู่หลากหลายร้าน ซึ่งเราเลือกใช้ของ 4G Vinaphone แต่จริงๆ แล้วทุกยี่ห้อราคาเดียวกันหมดคือ 180,000 ดอง หรือประมาณ 240 บาท แค่ยื่นมือถือให้พนักงาน เค้าก็เปลี่ยนซิมให้เราด้วยความเร็วสูง ซึ่งเรายังไม่ทันหยิบเงินเลยด้วยซ้ำ 555 ส่วนสัญญาณถือว่าโอเคเลยนะ
วิธีเดินทาง
แนะนำให้ใช้ Grab Car โดยสามารถดาวน์โหลด App และลงทะเบียนมาจากไทยได้เลย ถ้ามากันแบบเรา 4 คน หารกันจะคุ้มมากๆ เลย
เราเรียก Grab Car 🚖 จากสนามบินดานังไปที่เมืองฮอยอัน โดยค่าโดยสารจะประมาณ 400,000 – 450,000 ดอง (บวกค่าธรรมเนียมสนามบินอีก 15,000 ดองด้วยนะ)
ซึ่งทริปนี้เราไปกัน 4 คน หารกันก็ตกคนละ 100 กว่าบาทเท่านั้น
ฮอยอัน หรือ โห่ยอาน (Hoi An)
เมืองแห่งนี้ถูกขนานนามว่าเป็น “The City of Lanterns” หรือ “เมืองมรดกโลกสีมัสตาร์ด” โดยจุดเด่นของเมืองจะอยู่ตรงย่านเมืองเก่าที่ได้รับเป็นมรดกโลก โดยมีอาคารบ้านเรือนสีเหลืองสไตล์โบราณที่ผสมผสานศิลปะและสถาปัตยกรรมท้องถิ่น และต่างชาติไว้ได้อย่างมีเอกลักษณ์ และอาคารต่างๆ ภายในนั้น ก็ยังได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี ซึ่งเราสามารถถ่ายรูปเช็คอินกันได้เต็มที่เลยนะ สวยทุกมุมบอกเลย⛩️
แม่น้ำทูโบน (Thu Bon River)
เป็นแม่น้ำสายนี้มีความสำคัญตั้งแต่สมัยครั้งโบราณ ก่อนที่ฮอยกันยังเป็นเมืองท่าสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีชาวต่างชาติจำนวนมากล่องเรือเข้ามาททำการค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าที่เมืองแห่งนี้ ทำให้ฮอยอันเป็นเสมือนศูนย์กลางของการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างตะวันออกกับตะวันตก
แต่ภายหลังที่แม่น้ำเริ่มตื้นเขิน เรือเดินสินค้าไม่สามารถมาจอดเทียบท่าได้ เมืองดานังจึงถูกสร้างขึ้นมาแทนที่ฮอยอัน แต่อย่างไรก็ดี สายน้ำทูโบนแห่งนี้กลับมิได้สูญหายไปพร้อมกาลเวลา แต่ยังคงทำหน้าที่หลักไหลหล่อเลี้ยงชาวฮอยอันอยู่เรื่อยมา🌊
![]() |
![]() |
สะพานญี่ปุ่น (Japanese Covered Bridge)
เป็นอีกจุดเช็คอินสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองฮอยอันเลยทีเดียว โดยได้รับการก่อสร้างโดยชุมชนชาวญี่ปุ่นเมื่อ 400 กว่าปีที่แล้ว รูปทรงโค้งของสะพานและหลังคามุงกระเบื้องสีเขียวและเหลืองเป็นคลื่น ตรงกลางสะพานมีเจดีย์ทรงจัตุรัสที่สร้างอุทิศให้แก่ดั๊กเดและตรันหวู
![]() |
![]() |
ร้าน Bánh Mì Phượng
เป็นร้านขายขนมปังแบบฝรั่งเศสที่สอดไส้ผักและเนื้อสัตว์ต่างๆ โดยพัฒนาการมาจากอาหารฝรั่งเศสที่ผสมผสานกับอาหารเวียดนามจนกลายมาเป็น บานหมี่ (Banh Mi) ถ้ามาที่ฮอยอัน ร้านนี้ดังที่สุดของเมือง โดยราคาจะอยู่ที่ประมาณ 30,000 – 50,000 ดอง โดยแล้วแต่ไส้นะ 🥖
![]() |
![]() |
ร้าน Mót Hội An
เป็นร้านที่ขาย น้ำดอกบัว 🌷 ซึ่งรสชาติคล้ายๆ ลูกอมฮอลล์สีเหลืองบ้านเรา จะรสหวานนำ ออกเปรี้ยวนิดๆ มีกลิ่นของตะไคร้นิดๆ ใครชอบก็คือชอบเลย ใครไม่ชอบก็จะบ่นว่ามันหวานๆ รสกลิ่นแปลกๆ นะ แต่มาที่ฮอยอันทั้งทีก็ต้องซื้อมาลองกันสักหน่อยนะ🌷
พิซซ่าเวียดนาม (Vietnam Pizza)
เป็นอีกนึงอาหาร Street Food ที่ควรชิมเลย เพราะรสชาติกรอบอร่อย หวานๆ เค็มๆ หอมกุ้งแห้ง ถือว่าเป็นอาหารไฮไลท์ของประเทศนี้ก็ว่าได้🍕
ยังมีอาหารอีกหลากหลายให้เราได้ลองชิม ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะคล้ายๆ บ้านเรา แค่วิธีการทำและน้ำจิ้มที่ราดจะแตกต่างกันออกไปนั่นเอง
![]() |
![]() |
สมชื่อเลยที่ถูกขนานนามว่าเป็น “The City of Lanterns” หรือ “เมืองมรดกโลกสีมัสตาร์ด” เพราะจุดเด่นตรงอาคารบ้านเรือนสีเหลืองมัสตาร์ดสไตล์โบราณที่ผสมผสานศิลปะและสถาปัตยกรรมท้องถิ่น และต่างชาติไว้ได้อย่างมีเอกลักษณ์ โดยถ่ายรูปอย่างไงก็สวยมาก
![]() |
![]() |
ใครอยากลอง กุ้งล็อบสเตอร์ ก็สามารถลองมาเลือกร้านกันดู ซึ่งราคาไม่แพงมาก ถูกกว่าที่ไทยแน่นอนนะ 🦞🦀🦪🦐🦑
วิวยามค่ำคืนที่พอไฟจากโคมมากมายถูกเปิดก็สวยไปอีกแบบนะ
ร้านแบบนั่งโต๊ะริมแม่น้ำทูโบน ซึ่งจะเป็นโต๊ะและเก้าอี้เตี้ยๆ ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบนะ อาหารก็จะเป็นพวกเนื้อย่าง หมูย่าง ทานกับผักต่างๆ และน้ำจิ้มสูตรของแต่ละร้าน
ร้าน Gong Cha
เป็นอีกหนึ่งร้านชานมไข่มุกเจ้าดังของโลก แต่จุดเด่นของร้านชาเจ้าดังสาขาฮอยอันนี้ คือ ตึกสีเหลืองโบราณที่ประดับด้วยโคมไฟมากมาย และที่นั่งแบบโต๊ะเก้าอี้เตี้ยๆ ใครผ่านมาก็ควรแวะชิลล์สักหน่อยนะ🥤
📍 พิกัด https://goo.gl/maps/Yv7zLpJxMmyVrBAg6
![]() |
![]() |
กาแฟไข่ (Egg Coffee)
ใครมาที่เวียดนามก็ต้องอยากลองกันสักหน่อย แต่ความเห็นส่วนตัวเราว่ามันหวานไปนะ แต่ความมัน ความเข้มข้น นี่อร่อยเลยละ คิดว่าควรมีขนมปัง หรือ ปาท่องโก๋ มาจิ้มทานด้วยกัน 555
วันที่สอง
เรานั่งกลับมาที่เมืองดานัง (Da Nang) โดยทางที่พัก Home Stay Trang ได้จัดรถไปส่งให้เรา โดยได้ราคาที่ถูกกว่าเรียก Grab Car มากกก...กกกก ประมาณ 250,000 ดอง ซึ่งเป็นรถแวนขนาด 6 คน นั่งกันสบายเลยละ🌞
โบสถ์คริสต์ (Danang Cathedral)
หรือ โบสถ์สีชมพู (Pink Church) ตั้งอยู่ใจกลางเมืองดานัง จุดเด่นของโบสถ์ดานังแห่งนี้คือ ตึกสไตล์กอทิธสีชมพูสวยที่สร้างขึ้นให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศของเมืองดานัง ภายนอกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยลวดลายอันประณีต แต่อดเข้าเพราะวันที่เราไปปิดซะงั้น แหะๆ (หัวเราะแห้ง)💒
ร้าน Bánh Xèo Ba Duong
เป็นร้านแหนมเนืองและขนมเบื้องญวนเจ้าดังที่สุดของดานัง Bánh Xèo (แบ๋งแส่ว) หรือที่คุ้นเคยในชื่อขนมเบื้องญวนเป็นเมนู แพนเค้กเวียตนาม (Vietnamese Pancakes) ที่ถ้ามาดานังประเทศเวียดนามและต้องการจะลองชิมเมนูนี้ก็ต้องมาร้าน Bánh Xèo Bà Dưỡng ของคุณยาย Trương Thị Lai ที่เปิดให้บริการมากว่า 30 ปี
📍 พิกัด https://goo.gl/maps/1zx2qvxn3VCWeWNQ8
![]() |
![]() |
เจ้าแม่กวนอิม (Linh Ung Bai But Pagoda)
ซึ่งเป็นวัดใหม่ของเวียดนาม สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 2010 ใช้เวลาสร้างนาน 6 ปี โดยรูปปั้นองค์เจ้าแม่กวนอิมแกะสลักด้วยหินอ่อนสีขาว
📍 พิกัด https://goo.gl/maps/gjk7bCi1nCwEQEGE8
โดยรูปปั้น องค์เจ้าแม่กวนอิม มีความสูง 67 เมตร ตั้งอยู่บนฐานดอกบัวกว้าง 35 เมตร นับเป็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของ ความสูงเท่ากับตึกขนาด 30 ชั้น จุดรวมสายตาจากทุกมุมของเมืองดานัง
เรือตะกร้า (Basket Boat)
เป็นเรือไม่ไผ่ รูปทรงคล้ายกะลามะพร้าว ตัวเรือมีความเบา และดูโคลงเคลงมาก โดยการพายนั้นต้องใช้ความชำนานเป็นอย่างมาก เราสามารถไปนั่งเรือแบบนี้ได้ที่บริเวณแม่น้ำทูโบน (Thu Bon River) ของเมืองฮอยอัน และ แถวชายหาดของเมืองดานัง (My Khy Beach)⛵
![]() |
![]() |
สะพานมังกร (Dragon Bridge)
ที่แม่น้ำ River Hàn เป็นจุดท่องเที่ยวที่ไม่ว่าใครที่มาดานังต้องแวะมาถ่ายรูป เพราะมีวิวที่สวยและเป็นจุดเด่นที่บอกได้ว่าเราได้มาถึงเมืองดานังแล้วนั่นเอง 🐉
Lock Love Bridge Da Nang (สะพานแห่งรัก)
โดยจะเป็นอีกนึงสถานที่ที่นักท่องเที่ยวชอบไปถ่ายรูป โดยเฉพาะคู่รักที่อยากให้ชีวิตรักสมหวัง ก็จะชอบมาคล้องกุญแจกันที่สะพานแห่งนี้ โดยสะพานจะอยู่ไม่ไกลจาก สะพานมังกร (Dragon Bridge) สามารถเดินมาได้ และตรงนี้ยังเป็นจุดถ่ายรูปตัวมังกรพ่นน้ำและสะพานมังกรที่สวยสุดยอดอีกด้วย โดยข้างๆ จะมีร้านกาแฟอยู่ เราสามารถซื้อเครื่องดื่มเค้าแล้วก็ขึ้นไปถ่ายบนชั้นดาดฟ้าของทางร้านก็ได้นะ(แนะนำให้มาเช้าถึงบ่าย เพราะเย็นถึงค่ำคนจะเยอะมากๆ)
มาลองร้านอาหารทะเลสไตล์เวียดนาม ก็อร่อยแบบเวีดนามนะ น้ำจิ้มอาจจะไม่ถูกปากเราเท่าไร หอยนางรมก็ใส่ถั่วลิสงมาด้วย แปลกดีแต่รสชาติไปกันได้เลย
ตลาดกลางคืน Son Tra ก็จะคล้ายๆ ตลาดนัด ตลาดรถไฟบ้านเราเลย มีทั้งเสื้อผ้า ของที่ระลึก ของฝาก รวมไปถึงอาหารท้องถิ่นต่างๆ มากมายให้เราเดินช้อป เดินกินก็ได้ตามสนุกสนาน
มาลองชิมกุ้งกัน สดดี แต่เราว่าน้ำจิ้มยังไงก็ต้องน้ำจิ้มซีฟู้ดบ้านเรานี่ดีงามสุดแล้ววว...ววว
สะพานมังกร (Dragon Bridge)
ที่แม่น้ำ River Hàn ยามค่ำคืน มีการเปิดไฟสลับสีไปมา แล้วคืนวันเสาร์และอาทิตย์ หรือช่วงเทศกาลต่างๆ ที่สะพานมังกรแห่งนี้จะมีการปิดถนน และเปลี่ยนเป็นการแสดงมังกรพ่นไฟสุดอลังการ แต่น่าเสียดายที่เรามาไม่ทันการแสดง (เศร้า 🥺) 🐉
ร้าน The Coffee House
จะเป็นร้านขายกาแฟแบบ Cold Brew พอดีร้านอยู่ใกล้ที่พัก เราเลยลองเดินมาลองซะหน่อย ปรากฏว่าอร่อยเฉย โดยกาแฟจะมีรสเข้ม หอม มีรสเปรี้ยวนิดๆ สามารถจิบได้เรื่อยๆ ที่สำคัญบรรยากาศภายในร้านตกแต่งแบบสวนหินสวยงาม สามารถแวะมาจิบกาแฟ ถ่ายรูปเก่ๆ ภายในร้านได้เลย ☕
วันที่สาม
เรามาเที่ยวกันที่ บานาฮิลล์ (Ba Na Hills) ที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองดานัง โดยสามารถนั่ง Grab Car มาได้โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที ราคาประมาณ 300,000 ดอง หรือประมาณ 400 บาทนั่นเอง🌞
บานาฮิลล์ (Ba Na Hills)
เป็นที่เที่ยว สวนสนุก หมู่บ้านสไตล์ฝรั่งเศส และมีโรงแรม Mercure Ba Na Hills อยู่บนบนยอดเขาสูง ในเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม วิธีการขึ้นไปบนบานาฮิลล์ก็คือนั่งกระเช้าไฟฟ้า ที่สูงและยาวที่สุดในโลกเลยทีเดียว
🚡 ค่าตั๋วขึ้น Cable Car ไป - กลับ ราคาจะอยู่ที่ 700.000 ดอง แต่ถ้าพักที่โรงแรม Mercure Ba Na Hills ก็จะจ่ายค่าตั๋วเพิ่มอีกแค่เพียง 400.000 ดอง เท่านั้น แต่ช่วงที่เราไปโรงแรมราคาแพงเอาเรื่องอยู่ เราก็เลยไม่ได้ขึ้นมานอนที่นี่ ก็แอบเสียดายเล็กๆ อยู่ แต่ก็ต้องดูงบในกระเป๋าตัวเองด้วย 555
📍 สามารถจองบัตรเข้าชมบานาฮิลล์ (Ba Na Hills) ในดานัง ผ่านทาง Klook ได้ที่ ➡️ https://bit.ly/2v613Id
รถไฟเหาะ นิวอัลไพน์ (New Alpine Coaster)
ผู้นั่งสามารถเดินทางไปตามเส้นทางที่ยาวถึง 2,400 เมตรด้วยตัวเองได้อย่างปลอดภัย! ล่องลอยไปในป่าและแวะชมน้ำตกดาตันลาที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งคุณสามารถถ่ายรูปเพื่อเก็บภาพประทับใจ🏎️
🚡 ค่าตั๋วขึ้น Cable Car ไป - กลับ ราคาจะอยู่ที่ 700.000 ดอง แต่ถ้าพักที่โรงแรม Mercure Ba Na Hills ก็จะจ่ายค่าตั๋วเพิ่มอีกแค่เพียง 400.000 ดอง เท่านั้น แต่ช่วงที่เราไปโรงแรมราคาแพงเอาเรื่องอยู่ เราก็เลยไม่ได้ขึ้นมานอนที่นี่ ก็แอบเสียดายเล็กๆ อยู่ แต่ก็ต้องดูงบในกระเป๋าตัวเองด้วย 555
📍 สามารถจองบัตรเข้าชมบานาฮิลล์ (Ba Na Hills) ในดานัง ผ่านทาง Klook ได้ที่ ➡️ https://bit.ly/2v613Id
จุดแรกที่เราเดินนั่นคือการมาเดินเล่นที่......
หมู่บ้านฝรั่งเศส (French Village Bana Hills)
ซึ่งเป็นหมู่บ้านสไตล์ฝรั่งเศสสมัยยุคกลางที่ตั้งอยู่บนยอดเขา จะมีทั้งโรงแรม ร้านอาหาร โบสถ์ ร้านขายของที่ระลึก เรียกได้ว่าถ้าอากาศดีๆ เย็นๆ ใส่เสื้อโค้ชแบบไปเที่ยวยุโรปมาถ่ายรูป เชื่อเถอะว่าเช็คอินว่าอยู่ประเทศฝรั่งเศส อิตาลี สเปน คนก็เชื่อแหละ แต่อากาศจะมีทั้งแดด สลับกับหมอก และอาจจะมีฝนตกบางในบางช่วง ยังไงแนะนำติดชุดกันฝน ร่ม มาด้วยก็จะดีนะ🕍
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
สะพานทอง (Golden Hand Bridge)
เป็นสะพานที่ตั้งอยู่ที่ บานาฮิลล์ (Ba Na Hills) ซึ่งอยู่ที่เมืองดานัง (Da Nang) โดยจะเป็นสะพานลอยฟ้าสีทอง ทรงครึ่งวงกลมในอุ้งมือหินยักษ์ ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2561 เราสามารถนั่ง Cable Car ขึ้นไปชมความสวยงามของสะพาน และวิวที่สวยงามของเมืองดานังได้อีกด้วย
![]() |
![]() |
![]() |
สวนดอกไม้ Le Jardin D’amour Gardens
ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสกลมกลืนระหว่าง ภูมิทัศน์ธรรมชาติและภูมิอากาศของเนินเขา Ba Na Hills Le เป็นสวน 9 แห่งที่ เป็นเรื่องราวเทพนิยายที่น่าสนใจทั้ง 9 เรื่องที่ตั้งอยู่ใน 9 รูปแบบสถาปัตยกรรมที่ไม่ซ้ำกันสร้างพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยรสชาติ🌷🌹🥀🌺🌸🌼
![]() |
![]() |
![]() |
วัด Linh Chua linh Tu
เป็นเจดีย์ตั้งอยู่ที่ระดับความสูงเกือบ 1,400 พระพุทธรูปตั้งอยู่ในฉากที่งดงามของท้องฟ้าเมฆลม และภูเขา จากที่นี่คุณสามารถเห็นทุกด้านของเมืองดานัง เมืองชายฝั่งที่ทอดยาวจาก Hai Van ผ่านไปยังคาบสมุทร Son Tra หาด My Khe และภูเขาหินอ่อน
Beer Plaza
เป็นอีกหนึ่งมุมสำหรับเรามานั่งปักหลักกันเลยทีเดียว เพราะมีเบียร์ฝรั่งหลากหลายยี่ห้อทั้ง Paulaner , Hoegaardar และเบียร์เยอรมันอีกหลาหลายตัวในราคาที่ถูกกว่าบ้านเราเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นยังมีอาหารทานแกล้มเบียร์อีก อาทิเช่น พิซซ่า , บาร์บีคิว และ ไก่ย่าง เป็นต้น🍻
![]() |
![]() |
Cheerrrrrr 🍻
ร้าน Quán Nướng Ui Chao
เป็นร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลีผสมเวียดนามที่คนเวียดนามมาทานกัน โดยเฉพาะเบียร์ อิอิ อร่อยมาก แนะนำเลย ไม่แพงด้วย เพราะกินกัน 4 คนแบบอิ่มๆ จุๆ ดูราคาสิ ตกคนละ 250 บาทเท่านั้น !! 🥢
📍 พิกัด https://goo.gl/maps/vBcBrPkTj6bFY1yn8
![]() |
![]() |
ร้านชานมไข่มุก Gong Cha
ร้านชานมไข่มุกยอดฮิตของที่นี่ ดูจากจานวนคนที่มานั่งดื่ม นับร้อยคน แถมคิวยาวด้วย อยู่ใกล้ๆ กับร้าน Quán Nướng Ui Chao นะ ทานอาหารเสร็จแล้วมาดื่มชานมไข่มุกต่อได้เลย🥤
ร้านชานมไข่มุกกวาง The Alley
เป็นที่ฮอตฮิตในประเทศไทยเป็นอย่างมากในช่วงนึง ซึ่งที่เวียดนามก็ดังไม่แพ้กัน แต่ร้านของเค้าใหญ่โตมโหฬารมากๆ มีตั้ง 2 ชั้น ซึ่งราคาก็ถูกกว่าไทยนิดหน่อย แต่ความอร่อยเหมือนกันเป๊ะ🥤