สวัสดีครับ วันนี้จะมารีวิวสถานที่เที่ยวต่างๆในIceland กัน โดยช่วงที่ผมไปเป็นช่วงต้นใบไม้ผลิ(พค) ครับ เอารูปมาลงไว้ เผื่อมีใครมีเเพลนไปช่วงนี้ จะได้เห็นภาพว่ามันจะเป็นประมาณไหนครับ สำหรับสถานที่ที่ผมได้ไป จะเป็นตามที่วงในเเผนที่ครับ เอาง่ายๆคือราวๆครึ่งนึงของเกาะ สาเหตุที่ไม่ทำเป็นทริปวนรอบเกาะเพราะมีเวลาเพียง 9 วัน ไม่อยากให้กลายเป็นทริปนั่งเเต่ในรถ เลยเลือกเอาอันที่พอจะจัดเวลาให้เหมาะสมโดยไม่ต้องขับรถเหนื่อยมากนักครับ
Öxarárfoss, Thingvellir National Park
สถานที่เเรกที่ผมไปคือน้ำตก Öxarárfoss ซึ่งอยู่ใน Thingvellir National Park ครับ เดินทางจากReykjavik ราวๆ50 นาทีครับ เส้นทางจากReykjavik มาที่นี่เป็นถนนเรียบๆ ขับง่ายครับ
สำหรับที่จอดรถ ที่นี่ถ้าจอดที่Thingvellir National Park จะต้องเสียค่าจอดครับ โดยจำเลขทะเบียนรถเรา เเล้วไปจ่ายค่าจอดที่ตู้ตรงหน้าห้องน้ำครับ ข้อดีของจุดจอดนี้คือมีห้องน้ำ มีคาเฟ่ให้เข้า เเต่ข้อเสียคือต้องเสียค่าจอดรถ เเละเดินไปÖxarárfossไกลหน่อยครับ
ตัวที่จอดรถจะมีจุดชมวิว ผมว่าตรงนี้วิวสวยดีครับ มองเห็นรอยต่อทวีปเเละโบสถ์Þingvellir church
สภาพทางเดินดีมากครับ ถ้าอากาศดีๆก็เดินพอเพลินๆได้อยู่ เเต่ตอนผมไป ผมเลือกไปจอดจุดจอดรถ P2ซึ่งใกล้น้พตกกว่ามาก เเต่ดันไม่มีห้องน้ำ เลยต้องย้อนกลับมาที่จุดจอดของThingvellir National Park อีกรอบ
สำหรับน้ำตกÖxarárfoss ผมออกเเนวเฉยๆเเฮะ ใครที่โปรเเกรมเเน่นๆผมว่าข้ามอันนี้ไปได้นะ
Bruarfoss Waterfall
น้ำตก Bruarfoss นี้ ตอนผมหาข้อมูลมีเเต่คนบ่นว่าตำเเหน่งในกูเกิ้ลไม่ตรง เเละหลงกันมากมาย ถึงขั้นมีคลิปฝรั่งสอนวิธีการเดินไปน้ำตกกันเลยทีเดียว เเต่ตอนผมไป ตำเเหน่งgoogle map ตรงนะ เเต่ข้อเสียของน้ำตกนี้คือเดินไกลมากกกกกก เเถมตลอดทางเป็นป่าไม้พุ่มสลับกับลำธาร โชคดีตอนที่ผมไปฝนไม่ตกเลยไม่ลำบากนัก เเต่ถ้าฝนตกคงเละเเน่
พอพ้นพุ่มไม้ ก็เจอภาพนี้ตรงหน้าครับ สวยสมกับที่เดินทางมานะ เเถมที่นี่บินโดรนได้ด้วย(ส่วนใหญ่ที่เที่ยวใน Iceland ห้ามบินโดรน)
จุดชมวิวจะอยู่บนสะพานครับ สรุปแล้วคุ้มค่าสมควรมาครับ
Geysir
น้ำพุร้อนเเห่งนี้ เอาเข้าจริงเเล้วผมเฉยๆกับมันมาก เเต่ที่เเวะเพราะมันตั้งอยู่ริมถนนเเถมเป็นจุดที่มีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ตัวน้ำพุร้อนไม่มีอะไร เป็นลานโล่งๆที่มีบ่อน้ำร้อนกระจายๆกันอยู่ เเละมีบ่อใหญ่ที่จะมีน้ำพุพุ่งขึ้นมาเป็นระยะ (ราวๆทุก7 นาที) สรุปคือ เหมาะเอาไว้เเวะซื้อของกินเเละเข้าห้องน้ำครับ เเต่ไม่ถึงกับห้ามพลาด
Gullfoss
น้ำตกนี้ตอนเ็นรูปแล้วตั้งใจว่ายังไงก็ต้องไม่พลาดครับ โดยเส้นทางมาน้ำตก เป็นถนนโล่ง มองไปฝั่งซ้ายจะเห็นภูเขาลูกนี้เด่นกลางทุ่ง แถมเลยมาหน่อยก็มีฟาร์มม้าให้ลงไปถ่ายรูปได้
ที่นี่มีร้านขายของที่ระลึกเเละคาเฟ่ ตอนผมไป ร้านยังไม่เปิด คาเฟ่ปิดปรับปรุง -_-"
ตัวน้ำตกใหญ่มาก อลังการมากครับ สมควรมาอย่างยิ่ง เเต่เนื่องจากตอนผมไปลมเเรงเเถมหนาวมาก เวลาลมพัดละอองน้ำมาที หน้าชาไปทั้งเเถบ เลยยืนดูแป๊ปเดี๋ยว เเล้วหนีมานั่งอุ่นๆบนรถเเทน
Seljalandsfoss
จากที่ขับรถวิ่งเข้าใจกลางเกาะ Iceland คราวนี้เราเปลี่ยนมาขับเลาะทะเลด้านทิศใต้กันบ้างครับ โดยน้ำตกเเรกที่เราจะเเวะสำหรับเส้นนี้คือ Seljalandsfoss ครับ ตัวน้ำตกเด่น มองเห็นจากริมถนนได้เลย
ข้อเเนะนำสำหรับคนที่เที่ยวที่นี่ เเนะนำให้เตรียมชุดกันฝนเเละรองเท้าบูทมาด้วย เพราะน้ำตกนี้มีทางลอดด้านหลังน้ำตก ซึ่งละอองน้ำกระจุยกระจายมาก
มุมมองที่มองจากหลังน้ำตก จะเห็นที่ราบยาวไปถึงชายหาด สวยดีครับ
เดินเลยจากน้ำตกSeljalandsfossไปราวๆ 600เมตร จะเป็นทางเข้าของน้ำตกอีกเเห่งที่ชื่อ Gljufrabui ครับ
ปากทางเข้าเล็กมาก ถ้าไม่เห็นคนเดินออกมา คงไม่รู้ว่าในโพรงนี้มีน้ำตก เเถมตอนเข้าต้องลุยน้ำเข้าไปด้วย
ภายในเป็นน้ำตกในอุโมงค์ (คล้ายๆMadakaripura ที่โบรโม) ของจริงสวยพอได้ เเต่ถ่ายรูปยากมาก
Skógafoss
น้ำตกที่เเทบจะถือได้ว่าเป็นFace of Iceland คงหนีไม่พ้น Skógafoss ครับ ตัวน้ำตกตั้งอยู่ริมถนน เดินทางง่ายมากกกกก ตอนไปดูมันใหญ่อลังการมาก เเต่ข้อเสียคือมันมีมุมเดียว ถ่ายยังไงก้ออกมามุมเดิม ความจริงด้านขวามือของน้ำตกมีทางเดินขึ้นไปชมด้านบน เเต่ผมอ่านรีวิวเเล้วเขาบอกว่าไม่มีอะไร เลยไม่ได้ขึ้นไป
ไม่ไกลกับน้ำตกมากนัก มีที่ตั้งของSkogar Museum ซึ่งเขาจำลองบ้านหลังคาหญ้าเอาไว้ให้ดู ใครมีเวลาเเวะมาถ่ายรูปก้ดีครับ น่ารักดี
Solheimasandur Plane Wreck
อีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวมักไม่พลาดที่จะมาเก็บรูปคือซากเครื่องบินตกท่ามกลางหาดทรายสีดำ ซึ่งเดิมทีต้องเดินเท้าราวๆ4 กมจากจุดจอดรถ เเต่ปัจจุบันมีรถบัสให้บริการเเล้ว ซึ่งตารางเวลาตามรูปเลยครับ
สำหรับผม ผมว่าที่นี่สวยอยู่นะ มันดูsurrealนิดๆดี ซากเครื่องบินกับหาดทรายสีดำ ดูเท่ห์ๆ หลอนๆดีครับ เเต่อาจจะต้องอาศัยการถ่ายหลบคนหน่อย เพราะตอนผมไป คนยุ่บยั่บมาก
ภายในซากเครื่องบินก็เท่ห์ไปอีกเเบบครับ เเต่ต้องระวังหน่อยเพราะโครงค่อนข้างผุพังไปมาก
Dyrhólaey
จุดชมวิวซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองVik การจะมาที่นี่รถควรเป็นเเบบ4wd หรืออย่างน้อยคนขับรถข้องเเข็งนิดนึง เพราะตรงทางขึ้นที่จอดรถชันใช้ได้ ซึ่งพอขึ้นไปจะมีประภาคารเเละจุดชมหาดทรายสีดำเเละหน้าผาหิน ซึ่งเอาจริงๆ ถ้าโปรเเกรมเเน่นๆ สามารถตัดออกได้ครับ
Reynisfjara Beach
เจ้าReynisfjara Beachนั้นอยู่ติดกับDyrhólaey เลย เเต่การเดินทางต้องอ้อมเอาเพราะมีทะเลสาปกั้นอยู่ สำหรับที่นี่ค่อนข้างฮอทฮิทในหมู่นักท่องเที่ยวเพราะอยู่ใกล้เมืองเเถมมีเเท่งหินรูปร่างเเปลกตาให้ถ่ายรูปเล่น เเต่สำหรับผม ผมค่อนข้างเฉยๆกับที่นี่ไงไม่รู้ มันเหมือนหน้าผาหินธรรมดาๆ
จะเห็นได้ว่า นทท มาถ่ายรูปกับเจ้าหินนี่กันเยอะมาก
เมื่อเดินไปริมหาดสีดำ จะมีถ้ำอยู่2-3 ถ้า เเต่ผมดูเเล้วเฉยๆเเฮะ
ระหว่างทางจาก Vik มาที่นี่วิวสวยดีครับ
Vik-Hof
ถนนจากเมือง Vik ไปเมือง Hof นั้น ระหว่างทางทีทัศนียภาพที่เเปลกตาดีครับ บางช่วงจะเป็นทุ่งมอสซึ่งุกครั้งที่อ่านรีวิวเวลาเห็นใครถ่ายรูปมา มักนึกในใจว่ามันสวยตรงไหน เเต่พอมาดูของจริงจึงเห็นได้ว่ามันเป็นทุ่งใหญ่มาก เเถมมีความสูงต่ำเเปลกตาดีครับ (ไม่ควรเดินลุยไปในทุ่งนะครับ ถ้าอยากถ่ายกลางทุ่ง เขามีจุดจอดอยู่ ที่มีทางเดินเข้าไปได้นิดหน่อย)
ช่วงใกล้เมืองHof จากทุ่งมอสจะเปลี่ยนเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงเเกะ วิวตรงนี้ก็สวยดีครับ เนินสลับกันไปมา มีเเกะวิ่งเล่นอยู่ น่ารักดีครับ
Fjaðrárgljúfur
สำหรับFjaðrárgljúfurนั้น เป็นเหมือนโตรกผาที่มีลำธารไหลอยู่ด้านล่าง ซึ่งริมโตรกผาจะมีทางเดินให้ชมวิวได้ แต่ตอนผมไปดันเป็นช่วงที่ผนเพิ่งหยุด ดินนุ่ม เขาจึงไม่อนุญาติให้เดินขึ้นไปเพราะกลัวดินถล่ม จึงได้เเต่ชมวิวจากริมถนนเเทนครับ
เจอป้ายนี้ที่นี่ เเอบสงสัย คือมันเคยมีคนมาอึกลางที่เเบบนี้ด้วยหรือ?
Svartifoss
น้ำตกนี้ มีขนาดไม่ใหญ่มาก เเต่จุดเด่นคือเป็นน้ำตกที่มีเเท่งหินบะซอลต์ล้อมรอบ การเดินทางไปน้ำตกนี้เราต้องจอดรถที่ Skaftafell / Vatnajökull National Park (จุดจอดรถวิวดีมากกกกกกก เห็นธารน้ำเเข็งใหญ่เต็มตาสุดๆ) เเล้วเดินต่อไปราวๆ 2 กม ครับ
ทางช่วงเเรกทางจะเดินง่าย มีขึ้นเนินบ้าง เเต่เขาปูตาข่ายกันลื่นไว้ตลอดทาง
เดินได้สักพักจะเห็นSvartifoss อยู่ลิบๆ ซึ่งจากนี้ทางเดินจะเริ่มเป็นทางดินสลับกับทางไม้ เดินไม่ค่อยยาก เเต่เเอบลื่นบางช่วง
ตัวน้ำตกเล็กจิ๊ดเดียว เเต่เเปลกตาดีครับ ผมว่าก็คุ้มค่ากะการมาอยู่นะ
Fjallsarlon
ทะเลสาป Fjallsarlon นี้เป็นทะเลสาปที่ผมชอบมากในทริป เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะเลยไปJökulsárlón เลยทำให้ที่นี่คนไม่เยอะมาก ตรงจุดจอดรถมีอาคาร Modern อยู่ ถ่ายรูปออกมาสวยดีครับ
เนื่องจากขอบของทะเลสาปมีลักษณะลาดลงไป เลยทำให้เราสามารถเดินไปถึงเเผ่นน้ำเเข็งที่ลอยไปลอยมาได้เลย เเละลักษณะทะเลสาปมันอยู่ต่ำกว่าขอบด้านข้างเยอะ เลยเหมือนมีที่บังลม ทำให้ในทะเลสาปค่อนข้างนิ่ง เห็นเงาสะท้อนสวยดี (ถ้าฟ้าเปิดน่าจะสวยกว่านี้หลายเท่าครับ) สรุปคือชอบที่นี่มากครับ เชียร์ให้เเวะมาเที่ยวกัน
Jökulsárlón
ทะเลสาปที่ดังมากกกกกก ของIceland จุดเด่นคือ เมื่อข้ามสะพานเเขวนไปเเล้ว ด้านนึงจะเป็นทะเลสาปที่มีน้ำเเข็งที่เเตกตัวมาจาก Glacier ลอยอยู่ ส่วนอีกฝั่งจะเป็นหาดทรายดำที่มีน้ำเเข็งที่ลอยออกมาจากทะเลสาปเกลื่อนอยู่ริมหาด
เเค่วิวจากตรงที่จอดรถก็สวยเเล้ว
ทะเลสาปJökulsárlón มีขนาดใหญ่เเละมีทางไหลออกสู่ทะเล เเต่ช่วงที่ผมไปน้ำทะเลหนุน เลยทำให้น้ำเเข็งหมุนวนลอยไปมาในทะเลสาปเเทน วึ่งตัวน้ำเเข็งสีฟ้าใสมาก สวยเเปลกตาดีทีเดียว
นอกจากน้ำเเข็งเเล้วยังมีเเมวน้ำ กะเป็ดมาว่ายไปมาด้วย น่ารักดีครับ
ข้ามมาฝั่งชายหาด ตามปกติภาพที่เราจะเห็นกันตามโฆษณาคือหาดสีดำที่มีก้อนน้ำเเข็งกระจายอยู่เต็มหาด เเต่อย่างที่บอก ตอนผมไปน้ำทะเลหนุน น้ำเเข็งไม่ลอยออกมา เลยได้สภาพหาดดำเเบบนี้เเทน
Hofskirkja
โบสถ์หลังคาหญ้าเเห่งเมืองHof อยู่ไม่ไกลจากJökulsárlón มากนัก ที่เเวะเพราะเห็นภาพเเล้วน่ารักดีครับ มีลักษณะเหมือนโบสถ์ประจำหมู่บ้าน ดูไปดูมาเหมือนบ้านฮอบบิท
Kirkjufell
สถานที่ที่ไม่ว่าใครที่มาเที่ยวIceland ก็ต้องถ่อมาที่นี่ ตัวKirkjufellนี้เป็นภูเขาที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะ จุดถ่ายรูปจะอยู่อีกฝั่งนึงของถนน วึ่งเอาจริงๆ ไม่ต้องgoogle ก็ได้ เพราะ นทท เยอะตลอด ขนาดตอนผมไป 5 ทุ่มเเล้วนักท่องเที่ยวยังเยอะอยู่เลยครับ
Arnarstapi
ที่นี่มีลักษณะเป็นเมืองเล็กๆ อยู่อีกฝั่งนึงของภูเขาไม่ไกลจาก Kirkjufell ตอนผมไปเห็นช่วงเย็นพอดี บรรยากาศดีมาก บริเวณที่จอดรถจะมีหินเรียงเป็นรูปชาวไวกิ้งอยู่
จากจุดจอดรถจะมีทางเดินไปชมสะพานหินซึ่งมีอยู่2 จุด ถามว่ามันสวยมากไหม คือถ้าเทียบกับที่อื่นไม่ได้สวยมาก เเต่ตอนไปทั้งบรรยากาศ สั้งเเสง ทั้งลมมันได้ เลยประทับใจเป็นพิเศษครับ
Hvitserkur
ก้อนหินรูปสัตว์ปะหลาด บ้างก็ว่าไดโนเสาร์ ตัวนี้ตั้งอยู่ริมหาดทางตอนเหนือของเกาะ จากจุดจอดรถ จะเป็นทางเดินกลางทุ่งโล่งไปยังจุดชมวิว
จะเห็นได้ว่าเจ้าHvitserkur จะอยู่ริมหาดด้านล่าง ถ้าอยากไปถ่ายใกล้ๆต้องเดินเลาะริมผาไป ซึ่งทางลงชันมากกกก เเถมลื่นมากกกกก เพราะเป็นฝุ่นร่วนๆ เรียกได้ว่าเเทบคลานสี่เท้าขึ้นลงกันเลย
ถามว่าสวยไหม สวยดีนะ เเต่มันห่างจากที่เที่ยวอื่นพอสมควรทีเดียว
Kolugljúfur
น้ำตกนี้เป็นน้ำตกที่เเวะเพราะมันใกล้ที่พัก ใครที่มาพักที่เมืองHvammstangi เเล้วไม่รู้จะไปไหนมาเที่ยวที่นี่ได้ครับ ตัวน้ำตกมีขนาดไม่ใหญ่มาก เเต่ลึกทีเดียว
อีกฟากจะเป็นโตรกผา มีจุดชมวิว เเต่ผมว่าไม่ค่อยสวยอ่ะ
สรุป เป็นน้ำตกที่เฉยๆ ถ่ายรูปไม่ขึ้น ความประทับที่มีกลายเป็นเเกะริมถนนที่ไปน้ำตก 55
Hraunfossar
น้ำตกเเห่งนี้อยู่ระหว่างทางจาก Reykjavik ไป Kirkjufell ตรงจุดจอดรถจะมีคาเฟ่อยู่อันนึง ทำเลดีมาก น่านั่งเล่นสุดๆ (ถามว่าได้นั่งไหม ก็ไม่) ข้อดีของน้ำตกนี้คือ ใกล้ที่จอดรถมากกกก ทางเดินก็ดี จุดชมวิวก็ดี คนเเก่มาได้สบาย
ลักษณะน้ำตก เป็นน้ำตกเตี้ยๆ เเต่เเผ่ยาวเป็นกิโล ซึ่งเอาจริงๆนะ ผมว่ามันสวยกว่าที่คิดเยอะมากครับ ใครมาเที่ยวIceland ควรยัดเจ้านี่ลงในเเพลนด้วยครับ
Blue Lagoon
แหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตที่มักจะถูกจัดไว้วันท้ายๆของทริป เพราะใกล้สนามบิน เเละเป็นการช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยตลอดทริป ตัวBlue Lagoon นั้น เอาเข้าจริงมันก็คือออนเซนเเบบนึง เพิ่ยงเเค่เขาขุดบ่อเอาน้ำที่เหลือจากการผลิดไฟฟ้า(เเต่เป็นน้ำสะอาดนะ)มาให้เราเเช่ครับ ซึ่งต้องยอมรับการจัดการของเขานะ จากที่จอดรถเราจะเดินผ่านทะเลสาปเล็กๆจนไปเจออาคาร ซึ่งในอาคารนี้จะมีทั้งคาเฟ่ ร้านอาหาร ที่ขายของที่รัลึก เเละจุดสำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าครับ
ผังสระจะเป็นตามรูปครับ มีมุมให้เเช่อยู่หลายจุดเลย
สำหรับคนที่จะมาที่นี่เเนะนำให้จองล่วงหน้าครับ เพราะเขาจำกัดจำนวนคนในเเต่ละช่วงเวลา โดยเมื่อเรามาถึง ก็เข้าคิวสเเกนตั๋ว เเล้วจะได้สายรัดข้อมือ จากนั้นก็เข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อทำการล้างตัว เเละเปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำ เเล้วค่อยออกมาที่สระ
ภายในสระจะเเบ่งเป็นมุมต่างๆ เเละในเเพคเกจจะรวมค่าโคลนมาสก์หน้าเเละเครื่องดื่ม1 เเก้ว โดยซุ้มโคลนเเละเครื่องดื่มจะอยู่ในสระเลยครับ สำหรับความร้อนของน้ำ อยู่ในระดับกำลังดีครับ ไม่ร้อนจนสุกเหมือนออนเซน
เมื่อเดินออกมาอีกฝั่งของอาคาร จะเจทะเลสาปสีเทอควอยซ์ ซึ่งเป็นน้ำที่ระบายมาจากตัว Blue Lagoon อีกที ผมไปช่วงเย็นๆ สวยมากกกก บรรยากาศดีเฟ่อ!
Harpa Concert Hall
กลับมาสู่ตัวเมืองReykjavik ที่เมืองหลวงเเห่งนี้เป็นที่ตั้งของเจ้าHarpa Concert Hall ตัวอาคารนั้นตั้งอยู่ริมอ่าว ทำเลดีทีเดียว เเต่ติดที่ขยะเยอะชะมัด
ผนังฝั่งหนึ่งของอาคารทำจากกระจกเป็นทรงรวงผึ้งทำให้เกิดการสะท้อนของเเสงแปลกตาดีมาก ส่วนที่เหลือเป็นหินสีดำ การจัดspaceภายในสวยเเปลกตาดีครับ เหมาะเอาไว้ถ่ายรูปมากๆ
ปล.ที่ชั้น1 มมีร้านขายของที่ระลึก ของน่ารักๆเต็มเลย ใครชอบซื้อของจุกจิกระวังร้านนี้ไว้ครับ
Perlan
ที่นี่เป็นกึ่งMuaseum กึ่งExhibition ตอนเเรกก็ลังเลว่าจะมาดีไหม เเต่คิดว่าไหนๆก็ไม่ได้เห็นนกพัฟฟินกับถ้าน้ำเเข็งเเล้ว ก็มาดูที่นี่เเทนละกัน
ตัวPerlanตั้งอยู่บนเนินเขาครับ เขาเลยทำให้ตรงดาดฟ้าเป็นจุดชมวิวเมืองReykjavikไปซะเลย
ภายในจะจัดจำลองหน้าผาที่นกพัฟฟินใช้ทำรัง เมื่อเราส่องผ่านกล้องขยายจะมีข้อมูลขึ้นมา
นอกจากนี้ ภายในPerlanยังมีถ้ำน้ำเเข็งจำลอง(เเต่ทำจากน้ำเเข็งจริง)ให้ลองได้เดินดูด้วย โดยจะเปิดเป็นรอบ เเละมีชุดคลุมให้ พอเข้าไปสวยดีครับ เเต่หนาวมาก เดินเเป๊ปเดียวต้องรีบออก
นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการอีกเยอะมาก เเถมเป็นเเบบinteraction ด้วย สรุปเเล้วไม่ผิดหวังที่มาครับ
Downtown Reykjavik
ตอนสุดท้ายขอมอบให้ย่านกลางเมืองReykjavikครับ ตอนเเรกไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย เเต่พอมาเดินเล่นจริงๆก็พบว่าเมืองนี้น่าเดินกว่าที่คิด ตัวเเรกที่เราจะเห็นคือโบสถ์ Hallgrimskirkja ตัวโบสถ์ภายนอกสวยดี เเต่ภายในเรียบมากกกกก
Sun Voyager ประติมากรรมริมอ่าว อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของIceland
สำหรับย่านDowntown(ตลอดเเนวถนนLaugavegur) เอาจริงที่นี่น่าเดินเล่นมาก เพราะขนาดเมืองไม่ใหญ่มาก ร้านรวงก็น่ารัก เเถมมีกราฟิตี้ให้ดูตลอดทาง เเละที่สำคัญ ของน่าซื้อนะเออ ถึงเเม้จะไม่เด่นเรื่องเเบรนด์เนม เเต่ถ้าใครที่ชอบงานดีไซน์ หรือเสื้อผ้าstreet brand ที่นี่มีให้เลือกเยอะอยู่ เเถมมีผับ มีคาเฟ่เเทรกเป็นระยะๆ (เปิดยันเช้า) เดินไป เเวะกินขนมไป หรือกินเบียร์ไปก็ยังได้ สรุปคือ เผื่อเวลาเดินเล่นในเมืองนี้สักวันก็ดีครับ
จบเเล้วครับ กับรีวิวที่เที่ยวในIceland ถ้าใครมีคำถามอะไรถามได้นะครับ ไว้กระทู้หน้าจะพาไปหาอะไรกินใน Iceland นะครับ ลากันไปด้วยภาพเจ้าเหมียวที่เดินเเกว่งไปมาเข้าร้านนู้น ออกร้านนี้ในย่านDowntown ของReykjavikครับ