Tobavarchkhili Lake | เทรคจอร์เจียเส้นทางในฝัน     

เทรคเส้นนี้ดุนะ... พี่ไหวเหรอ  แรร์ไอเทมแห่งคอเคซัสที่สวยที่สุดในจอร์เจีย  พรมแดนระหว่างเอเชียกับยุโรป ติดกับเทือกเขา..Elbus..  ที่มีชื่อว่า "Tobavarchkhili Lake"  ด้วยความที่เราเคยเห็นประเทศนี้ผ่านตา  เมื่อหลายปีที่แล้วก็อยากมาสักครั้ง  เพราะเมืองและวิวธรรมชาติที่นี่สวยมาก  เลยไปหาเส้นเทรค ที่เน้นคนน้อย แต่วิวอลังการ  ในที่สุดก็ได้เทรคเส้นนี้มา และได้ป้ายยาหาเพื่อนไป สวย โหด ดุดัน ชันยันเงาาาาาาาา!! คงต้องมอบประโยคนี้ให้พี่เขาเลยล่ะ  เพราะหาทางราบแทบไม่เจอ 555  เผลอตัวอีกทีก็ข้ามพาสขึ้นลงไม่รู้กี่รอบแล้ว  ยากสมกับค่ำร่ำลือจริงๆ ไม่เสียแรงที่เตรียมใจ 6 วัน 5 คืน กับระยะทางเกือบร้อยโล  มาาาา!!.. เราจะพาไปเที่ยว Tobavarchkhili Lake ฉบับย่อ  

6 วัน กับระยะทางเกือบร้อยโล (ไม่รวมเดินทาง) ที่ต้องนั่งรถสงครามไปยังชายแดนติดรัสเซีย แล้วก็เทรคชันตั้งแต่ก้าวแรกลิ้นห้อยยันวันสุดท้าย กว่าจะได้กินข้าวแต่ละมื้อนอนแต่ละคืน ต้องข้ามเขาขึ้นลงหลายสิบลูกเพื่อเธอออ!!!  

ยอมรับว่าคุ้มค่ากับการเหนื่อยจริงๆ เพราะวิวสวยมากกก ก.ไก่ลากยาวยันดาวพลูโต ร้องโอ้โห โอ๊ยสวยยย จนเสียงแหบแห้ง 555 แสงสาดลงทุกมุม 360 องศาลั่นชัตเตอร์ไม่ทันแล้ว  

ที่เหนื่อยจนแทบคลานก็เพราะว่าวิวมันกว้างมากก เขาก็ชัน มุมสวยๆ ก็อยู่กันคนละทิศละทาง แคมป์ของพวกเรา ดันอยู่ตรงกลางทะเลลาปเป็นแอ่งกะทะ เราก็ต้องวิ่งขึ้นลงเขาไปตรงนุ้นนี้ตรงนี้ที บางคนถึงกับวางกล้องลงแล้วยอมสงบให้กับเขาเลยทีเดียว เสพความงามผ่านสายตามากกว่ามองผ่านเลนส์  

ยิ่งเหนื่อยยิ่งสวย ช่วยไม่ได้อยากมาเอง ไกด์ได้แอบยิ้มมุมปากสะใจเบาๆ เวลาเห็นพวกเราโอดครวญมองสุดปลายฟ้า แล้วถามว่าต้องข้ามไปตรงนี้จริงๆ เหรอ คำตอบคือ Yes!! ต้อง OMG กี่รอบ แงงงง!!  

สำหรับใครที่หาเส้นเทรคใหม่ๆ เส้นนี้ประลองสุดๆ อยากให้กรีดร้องไปด้วยกัน กว่าจะผ่านมาได้ ตอนนี้นิ้วเท้ายังไม่หายชาเลยจ้า ถ้าให้กลับมาอีกครั้ง  ก็คิดว่าจะกลับมานะ  

จริงๆเส้นนี้จะไม่โหดมาก ถ้าไม่มีหิมะ อยากเดินง่ายๆ ให้มาช่วงสิงหาคม - ต้นกันยายน จะเป็นช่วงเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี จากหญ้าเขียวๆ หิมะเยอะๆ ก็จะใกล้เป็นสีเหลือง หญ้าแห้งๆและผลัดใบเปลี่ยนสีแทน เดินง่ายขึ้นเยอะ เหมือนสวนหลังบ้านเลยล่ะ สำหรับใครที่สนใจมาเทรค Tobavarchkhili Lake สามารถติดต่อได้ที่ Big Buddy Explorer เลยจ้า https://www.facebook.com/BigBuddyExplorer

ส่วนหน้าใครสนใจจะสั่งซื้อหนังสือ อ่านรีวิวฉบับเต็ม โคตรเต็มมมม รูปโคตรเยอะ ยิ่งเลอะยิ่งเยอะประสบการณ์แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย สนับสนุนด้วยการซื้อหนังสือของเรา Inbox ได้เลยจ้า   https://www.facebook.com/poorunway

มาชมรีวิวกันเลยดีกว่าว่าเส้นทางในฝันของเราจะเป็นยังไง  

แพลนการเดินทางของเรา ทั้งหมด 8 วัน  เราต้องใช้เวลาในการเดินทางไปกลับหมู่บ้าน Base camp 2 วัน จาก TBS Airport เพราะว่าหมู่บ้านที่เริ่มเทรคอยู่ไกลจากเมืองหลวงพอสมควร ต้องนั่งรถไปนานประมาณ 7 ชั่วโมง 352 กิโลเมตร บนทางเขาที่ลาดชัน  ส่วนอีก 6 วันนั้นก็จะเป็น Trekking Trip  ระยะทางรวมทั้งหมด 91 กิโลเมตร  ความสูงเริ่มจาก 270 จนถึง 2902m  เทรคล้วนๆแบบไม่ออกนอกเส้นทาง 70 km  เทรคเล่นๆแต่เหนื่อยจริงๆขึ้นลงถ่ายวิวอีก 10 km  ที่เหลือนั่ง Big Truck ไปกลับหมู่บ้าน  

ปะ เดี๋ยวพาไป Tobavarchkhili Lake ชื่ออ่านยากไม่พอ เทรคไปหายังยากอีก 55 แต่สวยนะ ยอมให้ก็ได้

แผนเที่ยว 8 วัน

ตอนแรกก็จะไม่ได้เทรคบนหิมะหรอก แต่เอาไปเอามาซัมเมอร์นี้หิมะหนากว่าปกติ เลยเป็นโชคดีของพวกเรา รึเปล่านะ 55  

อุณภูมิ

อุณภูมิกลางคืน 2-10 องศา อุณภูมิกลางวัน 16-20 องศา บางทีก็ 25+ ทำตัวไม่ถูกเลยจ้า ถ้าจะสวิงหลายช่วงขนาดนี้ 55  แต่ไม่ว่าจะเลขอะไร ก็หนาวแหละ อยู่ที่ว่าหนาวมากหรือหนาวน้อย นี่ช่วงซัมเมอร์จริงๆใช่ไหม?  

เทรคที่นี่เทรคได้ 3 เดือน เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด นอกเหนือจากนั้นไม่รับประกันว่าจะเทรคได้ ถ้าเทรคได้ก็อันตรายมากๆ หรือไม่ก็บางสถานที่ก็ยังไม่สามารถไปได้ งั้นถ้าอยากไปได้ทุกที่ในส่วนทางเทรคนี้ ก็ควรมาช่วง กค สค กย จ้า  

ปล. มิย ก็มาได้แต่ไม่แนะนำ เพราะว่าหิมะยังเยอะมากๆๆๆ  

ทริปนี้เราไปกันทั้งหมด 4 Lake Lake เป้าหมายก็คือเจ้า Tobavarchkhili นี่แหละ หรืออีกชื่อที่เขาเรียกกันก็คือ Silver Lake ส่วนระหว่างทางก็จะมี

• Silver lake ทะเลสาปสีเงิน
• Okhoje lake ทะเลสาปสีเขียว
• Didgele lake ทะเลสาปสีฟ้า
• Kaliashi lake ทะเลปสาปสีน้ำเงิน

การได้ตั้งแคมป์กินข้าวและนอนริมทะเลสาปนี่เป็นอะไรที่ฟินสุดๆไปเลย ชอบบรรยากาศแบบนี้จัง   

วันที่1

เริ่มแรกก็สนุกแล้วจ้า น้ำหลากน้ำตกไหลมาท่วมถนน ทางขาด 555 เอารถแมคโคมาช่วยก็ขัดข้อง เอาบันไดมาต่อบันไดก็หัก เอาม้ามาข้าม ม้าก็แทบจมน้ำ สุดท้ายเลยต้องใช้ Big Truck ที่เหมือนรถสงคราม ข้ามน้ำกันไป 555

ยัง ยังไม่จบ Big Truck มาเสียกลางทาง ฮีทขึ้น ไปต่อไม่ได้ ต้องลงเดินการ Extra Trek ไปอีก ครึ่งวันเหนาะๆ ก่อนจะเข้าป่ากัน ถึงแคมป์ก็ค่ำแล้ว  

จงเดินต่อไป แม้พลังใจจะหมดไปแล้ว ชันในชันนนนนนนน ชันจนไม่รู้จะชันยังไงแล้ว 55 วันแรกก็รับน้องจนเหนื่อย แล้ววันที่เหลือล่ะจะเป็นยังไงนะ สำหรับวันนี้เดิน 10 กิโลเมตรแบบหาทางราบไม่เจอ  

ระหว่างทางก็จะมีน้ำตกและดอกไม้ให้ชมเรื่อยๆ สวยดี ตอนแรกนึกว่าจะไม่ได้เห็นดอกไม้แล้วเพราะมันหมดช่วงที่ดอกจะบาน ปรากฎว่าขึ้นมาบนเขาดอกไม้เต็มเลย  

นี่คือแคมป์แรกของเรา Natiphuru hut ทะแด้มมมมมมม!!

วันที่ 2

บรรยากาศตอนเช้าแสงก็จะสาดตามทิวเขาเป็นเส้นๆ สวยมากเลย แต่เนื่องจาก fb ให้โพสจำกัดรูปเลยเลือกมารูปเดียว รูปที่ชอบที่สุดแล้วกัน 55 พระอาทิตย์ที่นี่ขึ้นตี 4 ตก 3-4 ทุ่ม กลางวันจะเยอะไปไหนนนนน แต่ก็ดีมีเวลาถ่ายรูปเยอะดี ชอบๆ  

วันนี้เป็นเทรคที่ทรมานใจเหลือเกิน ข้ามเขาเกินสิบลูกก็ไม่นับแล้วอะ ขึ้นลงขึ้นลงแบบว่าถ้าไม่ถึงจุดกินข้าวก็จะหยุดไม่ได้ ต้องเดินต่อไปให้ถึง พักได้แต่พักนานไม่ได้ เพราะต้องทำเวลา เนื่องจากเราต้องเทรคบนหิมะและข้ามพาส 2 พาสใหญ่ ส่วนพาสเล็กๆนั้นก็พอทนได้ แต่พาสใหญ่นี่ ถ้าฝนมาก็จะอันตรายมากๆ  

ตอนแรกเราจะต้องเทรคไกลกว่านี้ แต่ด้วยความที่ไกด์ประเมิณสภาพแล้วว่าไอพวกนี้มันเดินช้า มัวถ่ายรูปอยู่นั่น ไกด์เลยย่นระยะทางให้ด้วยการตัดข้ามขึ้นยอดเขา แทนที่จะเดินอ้อม ไม่ได้เดินไกล แต่ต้องเดินชันกว่าเดิม ควรดีใจใช่ไหมเนี่ย 555

ขึ้นมาจนถึงยอดน้ำตกแล้ว ได้กินข้าวสักที อยากจะหันหน้าหนีเพราะงอล เดินข้ามมาหลายลูกเกินนน 555 สุดปลายฟ้าในปลายฟ้าอีกที แงงงงงงงงง  

เทรคบนหิมะเบาเบา แต่ปลาเก๋าไม่เบาเลย พักแปบบบแล้วค่อยไปต่อ ปล. ลื่นไม่พอทางยังชันแบบเอียงๆอีก เหมือนไม่ชันแต่คือภาพลวงตาชัดๆ  

ข้ามพาสแต่ละที เดี๋ยวลื่นเดี๋ยวกลิ้งกันไปเลยจ้า เนื่องด้วยก่อนหน้านี้ตอนที่เราขึ้นบนยอดสูงสุดฝนตก แล้วต้องเทรคบนหิมะท่ามกลางหมอกขาว บดบังทัศนยภาพทำให้เราต้องล้มลุกคลุกคลานกันแบบนี้ สนุกดี สนุกจริงๆนะ ฮือออออ 55

มาถึงแล้ววววว Okhoje lake แคมป์ที่2 ของเรา  

ชอบม้า ชอบม้าาา บรรยาศแบบนี้ชอบม้าๆๆ  

ฟ้าปิดดดดดดดดดดดดดด!! ผ้ามมมม 555 ฝนตก หมอกลง ฟ้าปิดบ้าง เปิดบ้างให้ได้ลุ้น แต่กลางคืนฟ้าฝ่าตลอดทั้งคืนเลย ฝนตกอีกต่างหาก  

เต็นท์พัง ลุกตื่นกันขึ้นมาซ่อมเต็นท์อีก เป็นคืนที่หนาววววววววววววววสุดๆๆ ตอนเช้าตื่นขึ้นมาวัดได้ 7 องศา ส่วนกลางคืนนั้น ไม่สนแล้วววววววว  

วันที่3

ยามเช้าตื่นขึ้นมาฟ้าเปิด แต่ลุกมาถ่ายแปบหนึ่งแล้วก็กลับไปซุกเต็นท์ต่อ เนื่องจากว่าหนาวมากกกกก 555 นาทีนี้ไม่สนแสงเช้าแสงเช้วอะไรแล้ววว  

สายๆเราก็เลยออกมาเดินชมวิว ฟ้าเปิดบ้างปิดบ้าง จริงๆด้านหลังเมฆนั้นมีภูเขาหิมะสูงๆซ้อนอยู่ แต่เมฆซ่อนเอาไว้ ไม่ได้ถ่ายมาเพราะเสพวิวอยู่ 55 เอาเป็นว่ามันมีจริงๆนะ  

วันนี้เราเทรคข้ามพาสกันมาถึง Tobavarchkhili Lake กันสักที แสงดีมากตอนถึงแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นฝนตก หมอกลง ทางก็ชันมาก เรียกได้ว่าเดินจากขาลาก 55 นี่คือรางวัลของคนที่เทรคมาจนถึงใช่ไหม กดเยี่ยม!!  

แต่ก่อนหน้านี้ข้ามพาสเดินทางลัดมาแทบจะร้องไห้มันชันดิกๆๆ เท้าแทบไม่กระดิกเลย บางคนก็ล้มหน้าทิ่มกันไปหลายรอบ  

แง่งเขานี้แหละที่ต้องการ ส่วนคนข้างๆนั้นยืมเขามา 55

ชอบแคมป์วันนี้ที่สุด ง่อววววววววววว!!ความดีใจเมื่อบรรลุเป้ายหมายได้แล้ว  

มาเทรคกับเพื่อนนี่เป็นอะไรที่สนุกที่สุดแล้ว ยิ่งไปกับคนที่ชอบถ่ายรูปเหมือนกัน มันก็จะมันส์ดีจ้าาา ปล. ฝนตกอีกแล้ว หมอกมาเต็มเลยยย  

แต่ฟ้าหลังฝนงดงามเสมอเช่นเคย กดแต้มบุญรัวๆ 55 ชอบความใสเป็นกระจกแบบนี้ หมอกมา แสงก็มา เขาก็มี จูออนถ่ายให้  

แสงสาดมาแว้วววววววววววววววววว ภาพนี้ตอน 2 ทุ่มอื้อหืออออออ  

แล้วไกด์ก็มาบอกว่ามีจุดวิวชมพระอาทิย์ตกด้านบนแง่งเขาอีก เราก็จะต้องวิ่งกันขึ้นมากลัวจะไม่ทันเวลา แล้วคือแบบเขาสูงชันมากกกกกกกกกกก ไต่ขึ้นมานึกว่าเลียงผา ด้านล่างเป็นเหวน้ำตก ตอนขึ้นมามาด้วยอะดรีนาลีน แต่ตอนลงนี่คือแบบขึ้นมายังไงเนี่ย 55 ต้องกลับอีกทาง  

วิ่งดิเอ๋ วิ่งๆๆ หมอกมา แสงก็มาาาา เห็นแบบนี้แต่ความจริงคือชันมาก ยังเกี่ยงกันลงอยู่เลยว่าใครจะลงไปบ้าง 555

ซูมไป 300m ละนะ คนยังตัวเล็กมากกกก เขาที่ว่าใหญ่ เหมือนจะใกล้แต่ไปไม่ถึงง่ายๆสักที  

ดูความปังของหมอกซิๆๆๆ  

พอลมพัดหมอกไปก็จะมองเห็นน้ำตกด้านล่าง  

พอใกล้ๆ 3 ทุ่มแสงก็จะเปลี่ยนทิศมาอีกมุมนึง ก็ลงเขากันมาถ่ายริมทะเลสาป ได้แสงทองๆพอดี  

จะ 4 ทุ่มแล้ว กลับแคมป์ได้ แสงยังสาดลงน้ำสวยอยู่เลยชอบการได้นอนทะเลสาป 2 คืนแล้วแสงดีทุกวันแบบนี้ ปล. ไกด์จะงอลแล้วไม่มากินข้าวกันสักที 555

วันที่4

วันนี้ไปดู Elbus กันแต่ฟ้าปิด จอบอออออออ เลย 55 เลยได้ไปแค่ lake Didgele lake and Kaliashi lake ไปกลับไม่นับถ่ายรูปก็อยู่ที่ 4 ชั่วโมงชิลๆ ไกด์ได้กล่าวไว้ ถ่ายนานแค่ไหนใช้เวลากลับก็นานแค่นั้น เราเลยใช้กันไปครึ่งวันซะเลย 555 ตอนแรกก็หาใจตัวเองว่าหายไปไหน ที่แท้ตกลงไปข้างล่างนี่เอง  

ความชันลวงตามาก เดินลงมา 2 ชั่วโมงครึ่งถึงจะถึง Lake สวยก็สวยจ้า แต่ชันจังเลยจ้าาา 55

อีกที่หนึ่งทะเลสาปจะเป็นสีฟ้า ต้องเทรคให้ดีไม่งั้นตกตุ๋มๆๆ ลงน้ำแน่ ก็ไม่รู้ว่าเทรคหิมะหลุมไหนจะเจอแจ๊คพอตเป็นน้ำใต้เท้า 📸 กอล์ฟถ่าย

วันที่5

เดินลงเขาที่โคตรชันนนนนนนนนนน แค่ลงจากแง่งเขานี้ 3 กิโลเมตรทิ่งดิ่งไปเลยอะกว่าจะถึง Jikiri hut จุดพักกินข้าวกลางวันกลางทาง  

แล้วเราก็ต้องเดินต่อกันไปอีก 9 กิโลมตร ที่ไกด์บอกว่าทางไม่ชันแล้ววววววว ไม่ชันเลยจ้า ข้ามน้ำข้ามเขาขึ้นลงตั้งแต่ 9 โมงเช้ายันจะ 3 ทุ่ม 55555555555555

ยังยิ้มได้ที่ Tobavarchkhili waterfall

แต่จะยิ้มไม่เอาเพราะตอนถอดรองเท้าข้ามน้ำกันหลายรอบนี่แหละ หนาวยะเยือกมากกกก เท้าชากันไปเป็นอาทิตย์เลย 555

ได้โปรดดดดดดดดดดดด    

วันที่6

วันสุดท้ายตอนแรก Extra Trek เพิ่มอีก 23 กิโลเมตร ก็ลดให้เหลือ 18 แล้วก็ลดให้เหลืออีก 11 แต่แลกกับการกลับทางลัดที่ขึ้นเขาข้ามชันกว่าเดิมกับการให้ Big Truck มารับใกล้ขึ้น เพราะฝนตกทางขาดข้ามน้ำกันไม่ได้ ต้องเอารถขับตัดข้ามน้ำตกมาขนพวกเรารับกลับไปอีกฝั่ง  

วันนี้จะไม่ค่อยได้เห็นวิวอะไรเพราะฝนตกตลอด หมอกลง แล้วต้องเดินตะลุยป่าต้นไม้พิษที่ทำเจ็บปวดแสบปวดร้อนกัน พยายามจะไม่ให้โดนก็โดนตลอด เพราะมันเยอะแยะเต็มไปหมดเลย นึกว่า Survivors เดินทะลุต้นไม้กินคน 555

รอดแล้วจ้าาาาาาาา ยิ้มแย้มแจ่มใสแม้ข้างในเปียกปอน 555 เทรคนี้มันส์สุดยอด โหด มัน ฮา ครบรส ขอบคุณที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน สถานีต่อไปเดี๋ยวมาป้ายยาอีก เลิฟ <3

อะอ่านมาจนถึงตอนสุดท้ายแล้วถ้ารูปยังสวยไม่จุใจ มาชมรูปแบบวิดีโอได้ตามลิงค์ด้านล่างนี้เลยจ้า ฝากกดไลค์ กดแชร์ กดเลิฟด้วยน้าาาา...

https://www.facebook.com/poorunway/videos/2415106245478063