HOUSE OF ILLUMINATION | Central Gallery at Central World

ช่วงหลังมานี้ Projector art เป็นเทรนด์ที่มาแรงขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ นะคะ งานนี้ Epson x Index Creative Village ร่วมกันสร้างสรรค์ขึ้นมาเป็นที่ check-in แห่งใหม่กลางกรุงที่บอกเลยว่าสายอาร์ตห้ามพลาด! 

งาน House of Illumination

งานนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Digital - Art - Experience ให้ผู้เข้าชมสามารถสัมผัสประสบการณ์สุด immersive ได้ถึง 360 องศา ผ่านเทคนิค Projection-Mapping มีมุมถ่ายรูปเยอะมาก แบ่งเป็นทั้งหมด 8 โซนด้วยกัน 

• The Cube
• Laser Cage
• Shining Symphony
• The Levitation
• The Glowing Sculpture
• The Infinite Tunnel
• From Forest to Space
• The Boundless

งานนี้ใช้พื้นที่ถึง 1,800 ตารางเมตร ยิ่งใหญ่ที่สุดใน South East Asia เลยค่ะ

เหมาะสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่เลย โดยจะเปลี่ยนธีมการแสดงทุกๆ 3 เดือน และจัดแสดงยาวๆ ไป 2 ปีเลย ใครที่ยังไม่ว่างช่วงนี้ก็ยังมีเวลาอีกเยอะเลย 😊

ข้อมูลทั่วไป

วันที่จัดงาน: ตั้งแต่วันนี้ – ตุลาคม  2022

• วันจันทร์ - พฤหัส 11.00 - 22.00
• วันศุกร์ - อาทิตย์ 10.00 - 21.00 (เข้างานได้ไม่เกิน 19.00 น.)

สถานที่:

• Central Gallery ชั้น 8 @CentralwOrld 

ค่าเข้า

• ผู้ใหญ่ 350 บาท
• นักเรียน นักศึกษา ราคา 300 บาท
• เด็ก (สูงไม่เกิน 130 ซม) ราคา 250 บาท

ช่องทางจำหน่ายบัตร

• ซื้อบัตรหน้างาน
• www.houseofillumination.com
• Instagram: @house_of_illumination
• Facebook: House of illumination 
• โทร 065-956-0170

The Cube

เข้ามาข้างในห้องแรกสิ่งที่เราจะเจอเลยคือ The Cube ซึ่งหลอดไฟรอบๆ จะเล่นสีไปเรื่อยๆ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา สร้างความรู้สึกให้เราตื่นเต้นกันนิดๆ กันตั้งแต่เข้ามาเลยค่ะ โดยตอนที่เข้ามาแรกๆ อาจจะมีคนเยอะหน่อย ให้รอทุกคนเดินไปก่อนแล้วค่อยแชะภาพก็จะเวิร์คสุดค่ะ

Laser Cage

ผ่านจากห้องแรกมาปุ๊ปก็เจอกับห้อง Laser Cage เลยค่ะ เต็มไปด้วยเลเซอร์สีเขียวตามชื่อจริงๆ โดยห้องนี้จะมีล้อมรอบไปด้วยกระจกรอบด้าน เมื่อเลเซอร์ยิงโดนกระจกก็ยิ่งทำให้เส้นเยอะ เกิดมิติขึ้นไปอีก ดูเท่มากเลยทีเดียว แต่ข้อควรระวังสำหรับห้องนี้เลยคือ อย่าให้กล้อง (ทั้งมือถือ DSLR และ mirrorless) โดนแสงเลเซอร์นี้โดยตรงเชียวนะคะเพราะเลนส์จะช็อตและเสียหายได้จริงๆ ต้องถ่ายรูปแบบระวังนิดนึง

Shining Symphony

ห้องธีมดนตรีโดยตัวโน๊ตจะเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ตามจังหวะ กิมมิกอยู่ที่เมื่อเราเอามือไปโดนแสงจะสามารถไล่เสียงโน๊ตได้ด้วย ว้าวมาก!

The Levitation

ต่อมาเป็นอีกหนึ่งห้องที่ไม่ควรพลาด (แต่เราพลาด) เพราะมองไม่เห็นจริงๆ คือห้องที่เหมือนลอยอยู่บนอวกาศ มีทั้งยานอวกาศ ดวงอาทิตย์ และความกาแลคซี่มาเต็ม จุดนี้พอได้เห็นรูปแล้วก็ปังจริง แอบเสียดายเลย

ตอนแรกเราไม่เห็นห้องนี้เลยไม่มีรูปมาอวดค่า

The Glowing Sculpture

ตรงนี้เหมือนมาดูหุ่นคนกำลังเต้นให้ดูอยู่เลยค่ะ เป็นใช้เทคนิค 3D LED Pixel จากไฟดวงเล็กๆ หลายๆ ดวงมาทำให้เกิดภาพแบบแบบนี้ขึ้นมานั่นเอง

The Infinite Tunnel

โซนนี้บอกเลยว่าเก๋มาก จะถ่ายวิดีโอเดินเป็น catwalk หรือ แค่ยืนเป็นเงาๆ พร้อมกับลวดลายกราฟฟิกด้านหลังแบบนี้ก็สวยปัง

From Forest To Space

โซนนี้ถ้ามากับเด็กๆ จะต้องเลิฟมากค่ะ เพราะรอบด้านจะเต็มไปด้วยสัตว์น้อยใหญ่ให้ได้ส่องกันอย่างจุใจ และยังเล่นกับสัตว์ได้แบบ interactive ด้วยนะ

ถัดจากจุดนี้ไปนิดนึงเด็กๆ ก็สามารถไปนั่งวาดรูประบายสีจรวดของตัวเองพร้อม scan ขึ้นจอไปอย่างล้ำๆ สามารถมองดูจรวดของตัวเองล่องลอยบน galaxy ได้เลย

ความสนุกยังไม่จบแค่นั้นค่ะ มุมนี้มีบ่อบอลให้ลงไปเล่นได้จริงด้วย ใครอยากลงไปเล่นในบ่อ หรือจะเล่นเกมส์โยนบอลสีส้มนี้ไปให้โดนจอก็เอาเลย ตรงนี้ทั้งเด็กๆ และผู้ใหญ่น่าจะชื่นชอบกันทั้งหมดแน่นอนค่ะ

The Boundless

เดินทางมาถึงโซนสุดท้ายที่เป็น highlight ของงานนี้เลยค่ะ! ตรงนี้คือพลาดไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว เพราะจอทั้งหมดจะถูกเปลี่ยนลวดลายไปเรื่อยๆ ตลอดเวลา ทั้งลายคลื่น ลายดอก ลายตัวโน๊ต และเลเซอร์ (อีกสักครั้ง) ปิดท้ายกันแบบฟินๆ ตรงนี้คือเตรียมรัว shutter ได้เลยเพราะมาไวไปไวมากค่ะ ทุกคนสามารถเดินเข้าไปถ่ายด้านในได้เลย หรือจะยืนดูชิวๆ ด้านบนชั้น 2 ก็ได้เหมือนกันนะคะ

สำหรับงาน House of illumination นี้ก็เป็นอีกงานที่ไม่ควรพลาดเลยค่ะ สำหรับสายอาร์ต สายถ่ายรูปทั้งหลาย ที่คราวนี้เราไม่ต้องไปไกลถึง teamLab ในญี่ปุ่น ก็ได้ทั้งความล้ำ ความดิจิทัลมาเต็มๆ เลยทีเดียว แถมอยู่แค่ที่ Central World เองค่ะ