ที่สุดแห่งการโรยตัวของไทย ถ้ำน้ำบ่อผี (Spirit Well Cave) แม่ฮ่องสอน

วันที่เขียน 09/10/2019
ยอดเข้าชม

95

ที่สุดแห่งการโรยตัวของไทย ถ้ำน้ำบ่อผี (Spirit Well Cave) แม่ฮ่องสอน

วันที่เขียน

09/10/2019

ยอดเข้าชม

95

ที่สุดแห่งการโรยตัวของไทย ถ้ำน้ำบ่อผี (Spirit Well Cave) แม่ฮ่องสอน    

สปิริต พร้อม? พร้อม!!! สปิริต พร้อม พร้อม!!! นั่นไม่ใช่เสียงจากเชียร์ลีดเดอร์แต่อย่างใด เพราะสถานที่แห่งนี้ต้องเตรียมพร้อมมาทั้งใจและกายลงไปสู่หลุมลึกลับที่ใหญ่ที่สุดในไทยที่มีชื่อว่า "ถ้ำน้ำบ่อผี" หรือในชื่อสากลคือ "The Spirit Well Cave" ความงามที่ซ่อนอยู่อย่างลึกลับในจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ดังไกลไปถึงระดับโลก จากการเผยแพร่ของทีมสำรวจของ National Geographic จนเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย แต่ก็ยังคงมีเพียงแค่ไม่กี่ร้อยคนเท่านั้นที่ได้มีโอกาสลงไปสัมผัสธรรมชาติใต้ดินนี้   

เนื่องจากว่าเป็นการผจญภัยที่ต้องโรยตัวลงไปและปีนผาขึ้นมาเท่านั้น!! จำเป็นต้องมีทักษะและอุปกรณ์ครบครันแม้ว่าถ้ำนี้จะถูกค้นพบมากว่า 30 ปีแล้วจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่ความเสียว กลัวความสูงก็ไม่เข้าใครออกใคร ถ้าหากใครอยากวัดใจ ไม่ว่าจะสูงแค่ไหนก็ไปถึง ไม่มีคำว่าสูงวัดได้ หากใจถึง...  


มาทำความรู้จักถ้ำน้ำบ่อผีกันก่อน..

      รู้หรือไม่ว่า... หลุมลึกที่ใหญ่ที่สุดในไทยแล้วมีถ้ำด้านใต้นี้มีความอุมบูรณ์มากแม้ว่าจะไม่มีแหล่งน้ำเลยก็ตาม แต่ป่ารกชัดคล้ายป่าดึกดำบรรพ์ยังคงเขียวชอุ่มทุกฤดูกาล ต้นไม้ยาวใหญ่สูงชะลูดแปลกตาถึง 30-40 เมตร และแน่นอนล่ะจากปากปล่องด้านบนมันต้องสูงกว่านี้อยู่แล้ววัดระดับได้ที่ 140 เมตรหรือประมาณตึก 50 ชั้น มีความกว้างปากบ่อเท่า 2 สนามฟุตบอลใหญ่ๆ ความสูงสำหรับการปีนผากลับขึ้นไปในก็อยู่ 70-90 เมตร ปริศนามันมีอยู่ว่าแล้วโพรงตามแนวหน้าผา หรือช่องตามช่องหินของถ้ำล่ะมันจะมุ่งออกไปสู่อะไร? ยังไม่ใครทราบได้  ที่แห่งนี้ยังคงรอคอยให้ใครสักคนไปค้นพบสิ่งที่ยังสำรวจกันไม่หมด อาจเป็นไปได้ภายในถ้ำมีโพรงที่นำไปสู่ห้องโถงขนาดใหญ่ มีทางเข้าออกมากกว่า 1 เส้นทาง ใครเลยจะรู้... ว่าแต่ว่าไม่มี T-Rex ใช่หรือไม่? 555

การลงไปด้านล่างและขึ้นมาด้านบนน้ำมีเส้นทางเดียวที่ค้นพบ ณ ขณะนี้ยังคือเป็นทางเดียวที่ต้องทำใจคือจงโรยตัวลงไปและปีนผาขึ้นมาให้ได้ นั่นแหละ.. สู้ๆนะ แน่นอนล่ะสำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์การโรยตัว หรือผู้ที่เคยมีประสบการณ์มาบ้างก็ยังคงต้องฝึกซ้อมให้มีทักษะการใช้อุปกรณ์เพื่อเอาตัวรอด เพราะจะไม่มีใครช่วยคุณได้ดีเท่ากับคุณช่วยเหลือตัวเอง คิดจะเล่น ต้องเน้น Safety First ด้วยนะจ๊ะ  


มาเริ่มกันที่... เดินทางไปอย่างไร? 

เราขับรถกันจากกรุงเทพมุ่งตรงไปยังบ้านลุกข้าวหลาม แม่ฮ่องสอน แล้วตั้งแคมป์หลับนอนกันหน้าปากปล่องถ้ำ โดยเส้นทางไปนั้นยังคงเป็นทางลูกรังดินแดนตลอดสายต้องใช้ออฟโรดกันขึ้นไป แล้วก็ลงเดินกันอีกนิดหน่อยสัก 2-3 กิโลเมตรก็จะถึงแคมป์ แต่ถ้าเหนื่อยเราก็ยังมาชายชาตรีช่วยแบกหาม 555

พวกเราตั้งแคมป์กันอย่างอลังการมาก นึกว่ามาปิกนิก 555 โต๊ะไม่มีใช่ไหม ได้!! ที่นั่งไม่มีใช่ไหม ได้!! พวกพี่ลูกหาบช่วยกันเนรมิตให้อย่างดี งานนี้นอนกันอย่างไร? เต็นท์นั่นไง คุณค่าที่คุณคู่ควร เพราะว่าอากาศเย็นและหนาวพอสมควร หรือถ้าใครสะดวกที่จะนอนเปลให้เหมือนมีคนไกวก็ย่อมได้  

สำหรับคนอยากเล่นกิจกรรมแบบนี้ แต่ไม่มีเวลา ทำอย่างไร? ก็ต้องซ้อมหนักหน้างานนั่นไงงงง ใจพร้อม กายพร้อม ต้องยอมด้นสด 555 แต่ไม่เป็นไรหากไม่ไหวมี Staff คอยช่วยเหลือ แต่ก็อย่าลืมว่าไม่มีใครช่วยเราได้เท่ากับเราช่วยตัวเอง คงไม่มีใครอยากลอยค้างเติงกลางอากาศเป็น 4-5 ชั่วโมงหรอกนะ ถ้าพยายามแล้วมันช่วยตัวเองได้ก็ช่วยตัวเองไปก่อน งานนี้ฝรั่งก็มานะนายจ๋า 

การเซ็ตระบบเชือกนั้นทำกันอย่างเคร่งเครียดมาก เพราะงานนี้เราเล่นกับชีวิต พลาดไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว แต่ใช่ว่าความเสียวแล้วจะเล่นไม่สนุก ฉุกคิดสักนิด ย้ำกลับไปอีกครั้ง Safety First และเชื่อฟัง Staff จะทำให้ทุกอย่างราบรื่น หน้าชื่นตาบานเย้วๆ โรยตัวได้อย่างสบายใจเฉิบ  

สำหรับการปีนผานั้น ถ้าใครไม่ไหวก็มีวินซ์ช่วยชีวิตสำหรับคนสปิริตหมด หน้าสลดเหลือ 2 นิ้ว 555 ถ้าพูดให้ดีก็คือสำหรับกรณีฉุกเฉินที่วินซ์นี้จะช่วยดึงคุณขึ้นมาให้พ้นปากปล่องหน้าผาได้อย่างสวัสดิภาพ โล่งใจไปได้อีกเปราะแล้วสิ?  

อุปกรณ์พร้อม?...  

เชือกพร้อม?...  

Staffพร้อม?...  

ทุกคนพร้อม?...  


ยินดีต้อนรับเข้าสู่ดินแดนพิศวง

ลงไปในหลุมลึกลับที่ใหญ่ที่สุดในไทย ถ้าเตรียมใจพร้อมแล้วก็ไปกันเลยยยยยยยย...  

นี่คือปากปล่องถ้ำที่เราต้องโรยตัวลงไป มันก็เหมือนไม่ลึกและไม่กว้างเท่าไหร่นะ มั้ง? ปลอบใจตัวเอง 55 สำหรับใครที่จะนอนข้างล่างก็ต้องขนสัมภาระเสบียงอะไรไปให้พร้อม เพราะนี่คือป่า ไม่มีร้านค้า ไม่มีบริการเดลิเวอรี่ นาทีนี้ช่วยตัวเองนะจ๊ะ ขอให้โชคดี... พี่ขอมาส่งแค่นี้ได้ไหม  

Good bye

แต่สุดท้ายก็ต้องตามลงไปอยู่ดี แงงงงงงงงงง กลับตัวก็ไม่ได้กลับใจก็ไม่ทัน มันส์ก็ต้องถึงเวลาที่เราจะต้องลงไปอย่างใครๆเขาแล้วล่ะ แด่ความลึก 140 เมตร หรือประมาณตึก 50 ชั้นสำหรับการโรยตัวลงถ้ำน้ำบ่อผีนั้น ความถามแรกคือมาทำอะไรที่นี่เนี่ย ก็ยังงงๆเลยต้องลงไปหาคำตอบด้านล่าง   

ปรากฏว่าว่าข่าวดีเริ่มต้นคำว่า เดี๋ยวโรยตัวลงไปคนเดียวนะ แล้วค่อยไปเจอบัดดี้ระหว่างทาง ผ่างงงงงง!! ล้อเล่นได้ไหม ไม่จริงจังได้รึเปล่า แต่ก็ไม่มีเวลาให้ตัดสินใจมากนัก หน้าตาเลยเหมือนปลาสำลักน้ำลอยตัวกลางอากาศ เอาวะ ดึ้บๆลงไปก็ได้ ยุบหนอ พองหนอ กลับไปได้ไหมหนอ ไม่ทันแล้วหนอ โอเค!! รีบๆลงไปซะ อารมพาบทอะไรเยอะแยะแม่สาวน้อย  

10 เมตรผ่านไป นานเหมือน 10 วัน จากเหงาเหี่ยวเปลี่ยวเดียวดายก็พบปะกับเจ้าชายข้างทาง 555 เจอบัดดี้ละ เราจะลงไปคู่กัน ตอนนั้นใจสั่นมาก(ไม่ใช่เพราะความหล่อเหลาแต่อย่างใด) แต่มันเป็นการโรยตัวครั้งแรกของเรา ในที่ที่เป็นปริญญาเอกของการโรยตัวในสถานที่ที่สุดติ่งแล้วในไทย ถ้าผ่านตรงนี้ไปได้ ด่านไหนๆก็เบเบไปละ  

ดูเหมือนถ้ำไม่ใหญ่ใช่ไหม ได้!! เดี๋ยวซูมออกให้ อ๊ากกกกกกก พระเจ้าช่วยส่งกล้วยทอดมาให้กินหน่อย โคตรข้ามขั้น ห้ำหั่นจิตใจกันอย่างสุดกับด่านคฤโหดนี้ นี่เราต้องฝากชีวิตเอาไว้กับเชือก 2 เส้นรึเนี่ย รูดเชือกลงไปมันจะไหลเร็วไหมนะ ดึงเชือกจะมีกำลังแขนยกขึ้นไหมน่ะ นานาสารพัดคำถามเป็นกังวลในใจ เรื่องความปลอดภัยต้องมาเป็นที่หนึ่ง คำพูดที่ลอยเข้าหูยังก้องเสมอว่า ให้ไว้ใจอุปกรณ์ มั่นใจในอุปกรณ์ กล้าเสี่ยงแล้วก็ต้องกล้าเล่น วัดใจกันไปให้ถึงที่สุด  

ลึกแค่ไหน?... เดี๋ยวซูมออกให้อีกทีเอาไปเลย 300% 555 เมื่อโรยตัวลงมาในระดับหนึ่งแล้วหลุดโอเวอร์แฮงค์ นั่นคือไม่มีพื้นที่ให้ขาเราได้ยึดเกาะ มีแต่ความเหาะเหินเดินอากาศ Only ใจนี่หล่นไปล่างถ้ำแล้ว แต่ร่างกายยังหอยต้องแต่งเสมอเมฆอยู่เลย 555 โอ๊ยน๊ออ ไอความคิดว่าเชือกมันลื่นปึ้ดๆ ไหลลงรัวๆเร็วๆไม่มีอยู่จริง เราต้องทำสติให้นิ่งแล้วค่อยๆโรยตัวลงมาซึ่งต้องใช้กำลังแขนดึงเชือกขนาดหนักครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อผ่อนแรงส่ง   

มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะ และมันก็ใช้เวลานานนับชั่วโมงกว่าจะเกิดความจรรโลงใจได้ว่า.. เอ้ออ ชีวิตมันก็เท่านี้แหละ รอดแล้วเว้ยยยย เหยียบพื้นได้นี่เหมือนได้เกิดใหม่เลยอะ  

เมื่อเทียบคนกับตัวปากปล่องถ้ำแล้ว ด้านบนคือตรงที่เราโรยตัวลงมา และด้านลงคือต้นไม่(นั่นแค่ปลายยอดไม้นะ) เพราะต้นไม้สูงชะลูดถึง 30-40 เมตร เราต้องโรยตัวทะลุต้นไม้ไปอีก โอ๊ยยยยยยยยยย!! ไม่ถึงสักที จากเป็นนกอยากกลายเป็นลิงแล้วเนี่ย อีกไกลแค่ไหนฉันถึงจะใกล้เธอบอกมา แด่ความซูม 500%  

ต้องขอบคุณช่างภาพที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันถ่าย ไม่งั้นคงไม่ได้ภาพสวยๆแบบนี้ แหละแน่นอนล่ะกล้องพวกเราก็ต้องมี Safety กันหล่นด้วย 55  

มองลงไปด้านล่างเสียวมากกกกกกกก นี่คือความลึกถึง 140 เมตร ใช้เวลาเฉลี่ยในการลงต่อคนประมาณ 1 ชั่วโมง   

เราพาเพื่อนมาเที่ยวด้วยแหละ แต่หล่อนไม่มีเวลามาด้วย (ยังมีชีวิตอยู่ 55) #Ployiseverywhere โครงการนี้จะส่งพลอยเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก ทำทุกอย่างเพื่อเธอแล้ววววววววววว แม้ว่าน่าจะเกร็งๆนิดๆ ไม่ได้เขินอายที่ถ่ายคู่กันแต่อย่างใด แต่เสียวโว๊ยยยยยยยยย!!  

เราจะผ่านพ้นไปด้วยกัน  

เมื่อโรยตัวผ่านมาได้ครึ่งทางแล้วเราก็จะเห็นมุมถ้ำประมาณนี้ มองเห็นพื้นดินและยอดต้นไม้ได้อย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่แล้วคนตัวเล็กนิดเดียว  

แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ แต่เธอไม่รู้บ้างเลย  

1 ชั่วโมงผ่านไปในที่สุดเราก็โรยตัวลงมาถึงก้นปล่องถ้ำได้อย่างปลอดภัย ก็ได้เวลาเดินสำรวจถ้ำ   

ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้มายืน ณ ที่แห่งนี้ (ไม่ต้องมองหา พอดีว่าอยู่หลังกล้อง 55) นี่เราลงมาอยู่ในหลุมลึกถึง 140 เมตร ซึ่งมีขนาดกว่างประมาณ 2 สนามฟุตบอลใหญ่ๆ จะไปทางไหนก็ดูวังเวงไปหมด มันไม่ง่ายนักที่จะมีโอกาสมาสัมผัสธรรมชาติแปลกตา แต่ว่าก็ทำได้เพียงยืนถ่ายรูปอยู่หน้าถ้ำ และถ่ายไว้เพียงไม่กี่รูป ด้วยใจตุ้มๆต่อมๆ มันจะมี T-Rex โผล่มาปล่าววะ จะมีตัวไรซุ่มอยู่ไหม เราเลยไม่กล้าเดินไปไหนมากนัก การยืนอยู่ตรงนี้คนเดียว มันโคตรจะเปลี่ยวเลย ทั้งๆที่ Skin hole นี้มีขนาดจำกัด แต่ทำไมมันดูกว้างไกลเหลือเกินที่จะมองหาเพื่อนร่วมทางคนอื่นในบ่อผีแห่งนี้  

ตำนานกล่าวขานกันว่า.. ที่นี่คือสถานที่ใช้บูชายัญ คนจำนวนมากถึงโยนลงมาให้เป็นศพก้นบ่อ และเคยเกิดเรื่องลี้ลับมากมายกับนักสำรวจที่เข้ามาบุกเบิกสำรวจโลกที่นี่ จนชาวบ้านมูเซอดำคิดว่ามาจากการท้าทายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตย์อยู่ จึงไม่มีชาวบ้านคนไหนกล้าลงไป แม้ว่าจะถูกชักจูงแค่ไหนก็ตาม 30 ปีผ่านมาแล้วที่ที่แห่งนี้ถูกค้นพบนำไปสู่สายตาระดับโลกแต่ก็มีเพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้นที่เคยลงไป   

ดินแดนพิศวงนี้ยังคงเก็บงำความลึกลับไว้ท่ามกลางหน้าผาสูงชัน ต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นสูงชะลูด ชุ่มฉ่ำทั้งปี แม้ด้านบนรอบข้างจะแห้งแล้งหรือไฟป่าถาโถมแค่ไหน หลุมลึกนี้ก็ยังคงสภาพเดิมไว้ตราบนานเท่านั้น ยังไม่มีใครรู้ว่าถ้ำจะมีรูทางเดินไผล่ ณ ที่ใด อาจเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ ลึกลงไปใต้ดินมีอะไรอีก ยังคงเป็นปริศนาต่อไป ไม่มีใครรู้...  

โอ๊ยยน่อ นี่คือนี่มาของชื่อใช่ไหม แค่ชื่อก็กินขาดแล้ววว ขณะนั้นห้าโมงเย็นแล้ว คู่เราลงมาก้นบ่อนี้เกือบรองสุดท้าย พระอาทิตย์ใกล้ลาลับ มันก็จะหนาวจับขั้วหัวใจหน่อยๆ พี่อีกคนต้องเฝ้าเชือกไว้เพื่อไม่ให้มันพันกัน ไม่งั้นล่ะงานงอกแน่ เราเลยต้องเดินด้วยจิตใจแน่วแน่(เหรอ? 55) มาคนเดียว เพื่อมาเก็บภาพมุมมหาชนหน้าปากถ้ำนี้ มาทั้งทีต้องมาให้ถึง แต่ก็ไม่กล้าเดินไปไหนไกลนัก ไม่ใช่กลัวหลงนะ แต่ในหัวนี่มีจินตนาการเต็มไปหมด ไม่น่าดูหนังเยอะเกินไปเลย 55 ไม่กล้าเดินเข้าไปในถ้ำด้วย   

ข้อเสียของการเดินมาคนเดียวคือไม่มีใครถ่ายรูปให้ ได้แต่ถือไม้เซลฟี่ฟาดไปฟาดมาเหมือนจะได้ภาพดีๆ แต่ก็ไม่มีสักรูป เอากล้องถ่ายรูปไปมาก็ไม่ค่อยมีกระจิตกระใจถ่ายเยอะสักเท่าไหร่ รีบทำ รีบไป รีบจบ (ไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่เลยอะ)  

ยิ่งสูง ยิ่งหนาว และเสียวด้วย สิ่งที่ต้องรับภาระตลอดการโรยตัวคือต้องประคองเชือกที่มีความหนักหลายกิโลไปตลอดทาง กำลังแขนจะล้าไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคงต้องค้างเติ่งบนอากาศยาวนานเกิน 1 ชั่วโมง แม้ว่าอุปกรณ์จะดีเยี่ยมแค่ไหน ไม่สำคัญกว่าการมีสติ ครองสมาธิให้ได้ ใครเลยจะรู้ว่าการพลาดเพียงครั้งเดียวอาจจะไม่โอกาสให้แก้ตัวครั้งต่อไป อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ซ้อม ก็มีทีมสตาฟคอยดูแลช่วยเหลือ ทำให้ทริปนี้อุ่นใจสำหรับมือใหม่หัดบิน สักพักก็จะชินไปเอง จริงเหรอ? 555  

ไม่มีใครช่วยคุณได้ดีเท่าคุณช่วยตัวเอง ดังนั้นแม้อุปกรณ์จะเยอะแค่ไหน เรียนรู้และจดจำมันไปเถอะ มันสำคัญและจำเป็นทุกอย่าง ชีวิตนี้ก็ไม่เคยต้องใส่ชุดมีสีสันขนาดนี้ แต่เพื่อความปลอดภัยและการมีรูปสวยๆต้องใส่ชุดสีเด่นๆเข้าไว้ เวลามีอะไรฉุกเฉินคนจะได้ตามหาได้ ชุดฮาเนสที่ใช้ก็ต้องรัดไว้ให้เข้ากับตัว จะได้โรยตัวได้คล่อง มีช่องใส่อุปกรณ์ช่วยชีวิตต่างๆพร้อม สำคัญมากๆคือหมวกเซฟตี้ ที่กันตก ป้องกันอันตรายจากการตกของหินและการร่วงหล่นจากเชือกโดยไม่คาดหมาย  

เพราะที่แห่งนี้ต้องโรยตัวลงไปอย่างมากสุดคือ 2 คนต่อครั้งคู่กัน แต่ต้องปีนผาขึ้นมาคนเดียวเปลี่ยวๆ ซึ่งบางคนใช้เวลานานนับหลายชั่วโมง มันส์ก็จะอินดี้หน่อยๆนะ อดทนๆ บึ้ดจ้ำบึ้ด ฮึดจนถึงที่สุด เพราะถ้าหยุดมันก็จะเวิ้งว้างวังเวงสุดขั้วหัวใจ ตับไตไส้พุง หรือถ้าใครอยากพักเหนื่อยก็เลือกนอนข้างล่างถ้ำก็ได้ ซึ่งหนาวมาก ควรเตรียมอุปกรณ์กันหนาวและเสบียงให้พร้อม เพราะคุณจะเสมือนถูกตัดออกจากโลกภายนอกไปเลย 1 คืน ค้างแรมใต้ถ้ำท่ามกลางต้นไม้สูงใหญ่ชะลูดยาวถึง 40 เมตร บิ้วไปอีกกกกก  

สำหรับการปีนผากลับขึ้นไปนั้นมีให้เลือก 2 ฝั่งคือ ฝั่ง 90 เมตร และ 70 เมตร เลือกขึ้นได้ตามกำลังศรัทธาเลยจ้า

ตอนไป ไปอย่างเท่ห์ พอกลับขึ้นมาเท่านั้นแหละอย่างแมวโดนหมางับเลย 555 มันก็จะสะบักสะบอมหน่อยๆ I'm Survivor 

ดึกแล้วกลับไปกินข้าว กินยา นอนซะ  

หลังจากกิจกรรมผจญภัยในจบลงก็ส่งท้ายด้วยการบริจาคข้าวของเครื่องใช้ เครื่องอุปโภคและบริโภคให้กับโรงเรียนบ้านลุกข้าวหนามได้ใช้สืบไป ขอให้ทางผู้จัดงาน ทีมงานและผู้ร่วมสนับสนุนทุกๆท่านที่ร่วมบริจาคเจริญๆยิ่งๆขึ้นไปค่ะ #บ่อผีซีซั่น4  

  • ขอขอบคุณพี่ยักษ์และทีมงานอนาถาทัวร์ที่ดูแลจัดกิจกรรมนี้ขึ้น
  • ขอขอบคุณพี่อุ๋ยผู้เป็นทุกอย่างจัดการประสานงาน
  • ขอขอบคุณวินซ์ฉุกเฉินพิทักษ์ความสูงจากพี่เติ้ม
  • ขอขอบคุณพี่เปอร์ที่เป็นคู่ขาท้าอากาศมาด้วยกัน
  • ขอขอบคุณผู้เอื้อเฟื้อสถานที่บ้านลุกข้าวหลาม
  • ขอบคุณพี่คิงผู้สนับสนุนที่นอนและเต็นท์จาก Nature Hike Thai
  • ขอขอบคุณผู้สนับสนุนอุปกรณ์การโรยตัวและปีนผาจาก Camp HighSolutionNetwork
  • ขอขอบคุณ Gopro และ FujiFilm ที่ร่วมผจญภัยไปด้วยกันจนถึงที่สุด
  • ขอขอบคุณภาพร่วมแชร์จากพี่ต้น พี่Kob อาเจี๊ยบ พี่วัน พี่เปอร์ และเพื่อนร่วมทริปทุกท่านที่มาร่วมบันทึกความทรงจำครั้งนี้ไปด้วยกัน   

สำหรับใครที่สนใจกิจกรรมผจญภัยมันส์ๆแบบนี้ เจอกันครั้งหน้าที่ซีซั่น5 ค่ะ ลาลับ... สวัสดี บ่อผีซีซั่น4  

เรียบเรียงโดย PinTrip

09/10/2019

ไลฟ์สไตล์ท่องเที่ยว.. ของคนรุ่นใหม่

สิ่งที่เราอยากแนะนำ