สวัสดีคนชอบเที่ยวทุกคนนะคะ ตอนนี้หลายคนหันมาเที่ยวแบบ New normal
วันนี้ กานต์เลยอยากพาทุกคนไปเที่ยวแบบเดิม ในมุมมองใหม่ หลายคนอาจจะงงว่าคืออะไร เที่ยวแบบเดิมก็คือ การออกเดินทางไปยังจุดหมายนั่นเอง ซึ่งจุดหมายการเดินทางครั้งนี้ก็คือ นอนแพเมืองกาญจน์ ซึ่งเชื่อว่า หลายคนต้องเคยไปอย่างแน่นอน
แต่ทริปนี้ กานต์ไปพักที่ Original ของแพริมน้ำเมืองกาญจน์เลย นั่นก็คือที่ River Kwai Jungles Rafts
จริงๆ ที่นี่เปิดให้บริการมานานมากแล้วนะคะ แล้วกานต์เองก็มาเที่ยวเป็นครั้งที่ 2 แล้วด้วย หลายคนจองที่นี่มา รึเพื่อนจองให้ อาจจะยังไม่ทราบคอนเซ็ปต์ของที่นี่ ขอเกริ่นก่อนนะคะว่าที่นี่ ไม่มีไฟฟ้า ไม่มี Wifi ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเด้ออ ได้มาชาร์ตพลังจากตัวเองให้เต็มที่เลย อยากรู้ว่า 2 วัน 1 คืน ที่ River Kwai Jungle Rafts เป็นยังไง ติดตามได้เลยจ้า
จองที่พัก
เริ่มต้นการเดินทาง เราจองที่พักผ่านทางลิ้งค์ https://www.riverkwaijunglerafts.com
เพื่อนๆ สามารถเข้าไปดูวันว่าง และเลือกชำระเงินได้เลย
แอบกระซิบ!! ว่าในห้องมีเตียงใหญ่ 1 เตียง เตียงเล็กอีก 1 เตียง ถ้ามา 3 คนคือจองห้องเดียวสบายๆเล้ยย
ออกเดินทาง
อย่างที่เกริ่นไปนะคะ ที่นี่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก, ไม่มีไฟฟ้า, ไม่มี Wifi, ไม่ค่อยมีสัญญาณโทรศัพท์, การมาเที่ยวที่นี่จึงเหมือนการได้มาอยู่กับตัวเอง กับธรรมชาติอย่างแท้จริง เอาล่ะค่ะ เมื่อจองที่พักเสร็จเราก็ออกเดินทางกันเลย.. เริ่มจากเปิด GPS ปักหมุดมาที่ท่าเรือพุตะเคียนกันค่ะ
เราจะนำรถยนต์มาจอดที่นี่ จากนั้นก็โดยสารเรือเข้าไปยังที่พักพร้อมกับแขกคนอื่นๆ เรือจะออกทุกชั่วโมง แต่จริงๆพอแขกเริ่มเยอะ เรือก็มารับแล้วค่ะ เรือจะให้บริการเวลา 8.00-18.00 น. ถ้าช้ากว่านั้นจะเสีย 1,000 ต่อเที่ยวนะจ้ะ
นั่งเรือ
เรือมารับเราแล้ว เลยขอหันกลับไปถ่ายรูปท่าเรือ 1 ภาพ บ๊าย บายย พรุ่งนี้ค่อยเจอกันใหม่นะ ขอไป slowlife วันนึงก่อน อิอิ ระหว่างทางเราจะผ่านรีสอร์ทต่างๆ ในเครือของ Serenata group เริ่มจากที่แรก River Kwai Resotel
เป็นรีสอร์ทบนฝั่งนะคะ ที่มองจากมุมนี้แล้วดูสวยงาม หรูหรา สะดวกสบายมากๆ ผ่านไปอีกสักพักก็จะเจออีกหนึ่งรีสอร์ท เราขอเรียกว่า แพไฮโซ The Float house
เพราะด้วยราคาและความหรูหรา ที่เห็นจากเพจต่างๆ ขอบอกเลยว่า..ถ้าถูกหวยเมื่อไหร่ ล่ะก็จะมาพักมั่ง 5555+
RIVER KWAI RESOTEL
เรือแล่นมาได้สัก 30 นาทีก็ถึงที่พักของเรา River Kwai Jungle Rafts แล้วคร่าาาา
ที่รีสอร์ทนี้จะไกลกว่าเพื่อน แต่ก็สงบมากก ด้านหลังติดกับหมู่บ้านมอญ พนง.ที่นี่ส่วนใหญ่ก็เป็นชาวมอญในท้องที่ ถือเป็นการส่งเสริมรายได้ให้กับคนในชุมชนนั่นเอง รีสอร์ทนี้ถือได้ว่าเป็นแพริมน้ำที่แรกในกาญจนบุรี ที่เปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1976 นี่เรากำลังมาพักออริจินอลของแพริมน้ำกันเหรอเนี่ยยย ว้าวววว..ววว
เช็คอินรับกุญแจห้องเรียบร้อยแล้ว ขนาดกุญแจยังทำมาจากเปลือกไม้ธรรมชาติอันใหญ่ไม่ต้องกลัวหาย แถมไฟฉายอันเล็กๆ มาให้ใช้ด้วย น่าร๊ากกก
มาดูในห้องกันบ้างค่ะ อย่างที่บอกนะคะว่าในห้องจะมีเตียงใหญ่ 1 เตียงและเตียงเล็กอีก 1 เตียง ตอนกลางคืนก็นอนกางมุ้ง
หน้าห้องมีเปลไว้นอนชิลๆ ริมน้ำก็มีโซฟา ด้านหน้าห้องพักจะมีโต๊ะไม้ยาวๆ ไว้นั่งกินอาหารด้วย แต่ทั้งหมดให้ใช้ร่วมกันนะคะ 2 ห้อง แบ่งกันนั่งเปล นั่งโซฟา แต่พอไปอยู่ที่พักเราจะรู้จักกันไปเอง มิตรภาพจะมาเองอัตโนมัติเลยค่ะ
เดินดูรอบๆคือ มีแต่ต้นไม้ ดอกไม้เต็มไปหมด เป็นพื้นที่สีเขียวทั่วทั้งแพจริงๆ
ฤกษ์งามยามดี หลังจากเดินสำรวจที่พักจนหนำใจ เราไปเปลี่ยนชุด กระโดดน้ำเล่นกันเถอะค่ะ
เล่นน้ำจนเพลินดูเวลาอีกที ห้าโมงแล้ววว พนักงานเริ่มจุดตะเกียงเจ้าพายุแล้วค่ะ
วันนี้เราจะมาดินเน่อใต้แสงตะเกียงกันค่ะทุ๊กโค้นนนน ไม่รอช้าเรารีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน
มื้อเย็น
อาหารเย็นจะรวมอยู่ในราคาค่าห้องแล้วนะคะ เป็นอาหารที่จัดเป็นชุดไว้ให้แต่ถ้าไม่อิ่มขอเติมได้ไม่อั้น เนื่องจากช่วงนี้ต้อง Social distancing ทางรีสอร์ทเลยต้องแบ่งแขกให้ทานอาหารเป็น 2 รอบ เราได้รอบแรกคือช่วง 18.00-19.00 น.
หน้าตาอาหารเย็นของเรา จริงๆ รสชาติอร่อยนะคะ แต่น่าจะทำทิ้งไว้นานอาหารเลยค่อนข้างเซ็งๆ ไปหน่อย แต่โดยรวมให้ 8/10 ไปเลยค่ะ
กินอาหารเย็นเสร็จไม่เท่าไหร่ก็เริ่มมืดแล้วค่ะ เราเดินถ่ายรูปเล่นอีกนิดหน่อย ก่อนจะไปชมการแสดงของชาวมอญช่วงสองทุ่ม ค่าเข้าชมคนละ 100 บาท
เสียดายที่มัวถ่ายแต่ VDO เลยไม่มีภาพนิ่งตอนชมการแสดง ไว้ตัดต่อเสร็จเมื่อไหร่จะนำมาให้ชมกันนะคะ
คืนนี้ก่อนจะไปนอนเลยขอถ่ายภาพอีกสักนิดก่อนนอน zzZZ
เช้าวันใหม่
อรุณสวัสดิ์เช้าวันที่สองนะคะ อาการศยามเช้ามีหมอกจางๆ ให้เราได้เห็นด้วย
อาหารเช้าก็รวมอยู่ในค่าห้องแล้วนะคะ เป็นแบบบุฟเฟ่ต์เช่นกันเติมได้ไม่อั้น
ทานไปได้สักพักได้ยินเสียงแขกคนอื่นๆดังมาจากด้านหลังที่พัก เราเลยเดินไปดูว่าเสียงอะไร ปรากฎว่า...เจอช้างประจำหมู่บ้านมอญ ชื่อว่า วันดี มารอรับอาหารจากแขกที่เข้าพักค่ะ น่ารักมากกก
วันดีอายุ 52 ปีแล้ว กินจุถึงวันละ 300 กิโลกรัมแหนะ ทางรีสอร์ทจะเตรียมเปลือกผลไม้ พวกเปลือกสับปะรด เปลือกแตงโมจากที่เราทานกันมาไว้ให้วันดีกินต่อนั่นเอง
เหมือนวันดีกำลังยิ้มเลย ^^' หลังจากทานอาหารเสร็จ ก่อนกลับเราเลยขอเดินไปสำรวจหมู่บ้านมอญกันซะหน่อย ถ้าพร้อมแล้วไปพร้อมกันเลยคร่าา
ทางเดินยาว จากทางขึ้นไปยังตัวหมู่บ้าน ถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของที่นี่ บ้านเรือนของชาวมอญจะทำมาจากใบไม้ ต้นไม้ เน้นใช้วัสดุจากธรรมชาติ ที่สำคัญชาวบ้านไม่นำไฟฟ้าเข้ามาเพราะต้องการให้ทุกคนยังคงอยู่กับธรรมชาติ
ภายในหมู่บ้านมีโรงเรียนเล็ก เป็นโรงเรียนชาวมอญ ไว้สอนภาษามอญและภาษาอังกฤษให้เด็กๆในหมู่บ้านช่วงวันเสาร์ อาทิตย์
แวะไหว้พระที่วัดในหมู่บ้าน สักหน่อยเพื่อความเป็นสิริมงคล
อีกหนึ่งจุดที่ถือว่าเป็น View point คือ ถ้ำพระมอญนั่นเอง เราสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำ และรีสอร์ทได้จากมุมสูงค่ะ
จริงๆ หมู่บ้านมอญไม่ใหญ่ เราสามารถใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเดินเที่ยว พูดคุยกับชาวบ้าน แวะไหว้พระ ชมวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น ดูจากเวลาสิบโมงกว่าแล้วเราเลยกลับมาอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวเช็คเอ้าท์กันค่ะ
เป็นเวลา 2 วัน 1 คืนที่ผ่านไปไวมากกก ไม่น่าเชื่อว่าเราจะสามารถวางโซเชียลลง และได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง อยู่กับคนข้างๆ ได้มากขึ้นจริงๆ เสาร์ อาทิตย์นี้ถ้าไม่รู้จะไปไหน ลองมาพักที่ River Kwai Jungle Rafts ดูนะคะ อาจจะติดใจก็ได้ ขอบคุณทุกคนด้วยน๊าา สำหรับการติดตาม เจอกันใหม่ทริปหน้าคร่าาาา บ๊าย บาย