สวรรค์อันดามันทะเลใต้..เกาะหลีเป๊ะ ตะรุเตา เกาะไข่ อาดัง 3 วัน 2 คืน

วันที่เขียน 24/02/2020
ยอดเข้าชม

95

สวรรค์อันดามันทะเลใต้..เกาะหลีเป๊ะ ตะรุเตา เกาะไข่ อาดัง 3 วัน 2 คืน

วันที่เขียน

24/02/2020

ยอดเข้าชม

95

เขียนโดย PuiFaiKamon

แค่ถือกล้องออกไปถ่ายรูป แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว : ) บอกเล่าความรู้สึกผ่านตัวอักษร

การเดินทางจากกรุงเทพ ไปหลีเป๊ะ จะใช้เวลาค่อนข้างนาน เดินทางครบทุกรูปแบบ เริ่มต้นจากขึ้นเครื่อง ใช้เวลาประมาณ 1 ชม 20 น. ต่อรถตู้จากสนามบินไปท่าเรือปากบารา 1 ชม 40 น. และลงเรือไปหลีเป๊ะประมาณ 1 ชม 30 น.   

เริ่มต้นการเดินทางจากสนามบินดอนเมือง ไปสนามบินหาดใหญ่ (หลีเป๊ะอยู่จังหวัดสตูล ซึ่งสตูลไม่มีสนามบินนะคะ ต้องมาลงที่หาดใหญ่) 

ครั้งนี้เดินทางโดยสายการบินนกแอร์ การเดินทางแนะนำให้เลือกไฟล์บินขามาก่อน 09.00 น. เพื่อให้นั่งรถมาถึงท่าเรือปากบาราเที่ยว 11.30 น.  ถ้าไม่ทันเที่ยวนี้จะถึงหลีเป๊ะเย็นเลย ส่วนขากลับควรเลือกเที่ยวบินหลัง 16.00 น.   

การเดินทางจากสนามบินหาดใหญ่ ไปท่าเรือปากบารา และจากท่าเรือปากบาราไปหลีเป๊ะ ฝ้ายจองของ Jolly Travel ไปกลับรถตู้คนละ 500฿ และค่าเรือ Speedboat ไปกลับคนละ 900฿

จากสนามบินหาดใหญ่มาถึงท่าเรือปากบารา รถตู้จะไปจอดที่ Jolly Travel ที่เราได้จองไว้ ให้เราแจ้งชื่อได้เลยค่ะ เจ้าหน้าที่จะให้ใบขึ้น Speedboat ทั้งขาไปและขากลับ ได้มาแล้วให้เอาใบขาไป ไปเช็คอินที่ท่าเรือ ช่องของ Barame Speedboat 

ซึ่งท่าเรืออยู่ตรงข้ามเลย ข้ามถนนไป (ก่อนเข้าไปเช็คอินจะต้องเสียค่าธรรมเนียมคนผ่านท่า คนละ 20฿ และช่วงเที่ยวเรือ 11.30 น. จะมีการพาแวะที่เกาะตะรุเตาและเกาะไข่ จะเสียค่าเข้าอุทยานคนละ 40฿) เมื่อเช็คอินมาแล้วจะได้บัตรคิว รอเรียกขึ้นเรือตามคิว หากมีกระเป๋าฝากได้เลยค่ะ เอาแต่ของมีค่าติดตัว   


เกาะตะรุเตา

จากท่าเรือปากบาราไปหลีเป๊ะ จะใช้เวลาประมาณ 1 ชม 30 น. ซึ่งเรือรอบ 11.30 จะมีการแวะ 2 จุดให้ได้เที่ยว จุดแรกจุดนี้คือเกาะตะรุเตา จากที่อ่านประวัติคร่าว ๆ เค้าบอกว่าเกาะนี้เป็นเกาะที่ใหญ่มากในทะเลอันดามัน และเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรกของประเทศไทย   


เกาะไข่

เราจะมีเวลาถ่ายรูปที่เกาะตะรุเตา ประมาณ 15 นาที จากนั้นก็นั่งเรือไปต่อที่เกาะไข่ บอกตรง ๆ ว่าระหว่างนั่งแอบมีเพลียเล็กน้อยเพราะนั่งเครื่องนั่งรถมาเป็นเวลาอันยาวนาน มาต่อเรืออีก เพิ่งได้กินข้าวมื้อเดียว ดีที่พกนํ้าพกขนมเอาไว้   

เมื่อลงเรือก็ต้องกรี๊ดรัว ๆ เพราะนํ้าทะเลใสมาก ถ่ายรูปยังไงก็ไม่สวยเหมือนของจริง ความเหนื่อยที่นั่งสะสมมาทั้งหมด แทบจะหายไปเลย เท้าสัมผัสกับหาดทรายนุ่ม ๆ นํ้าใส ๆ เย็น ๆ นี้คือสวรรค์ชัด ๆ >//< 


ซุ้มประตูหิน

จุดที่เป็นไฮไลท์ของเกาะไข่ ก็คือซุ้มประตูหิน ซึ่งก็มีความเชื่อว่าถ้าคู่รักคู่ไหนที่มาลอดซุ้มประตูหินที่เกาะไข่ จะทำให้ความรักมั่นคงยืนยาว ซึ่งก็เป็นความเชื่อ แต่เราก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง แต่ขอลากแฟนลอดซุ้มไว้ก่อน อิอิ 

จากเกาะไข่ก็นั่งเรือไปต่อ ซึ่งที่ต่อไปก็คือหลีเป๊ะแล้ว จากเกาะไข่มาที่หลีเป๊ะ รวมแวะเที่ยว เราจะถึงราว ๆ ประมาณ 14.30 ทรหดอดทนมากแต่ก็คุ้มค่ากับวิวแบบนี้


เกาะหลีเป๊ะ

เมื่อถึงหลีเป๊ะแล้วเรานั่งแท็กซี่สามล้อไปลงที่ Sunset Beach หาดซันเซ็ท ซึ่งฝ้ายจองที่พักไว้ที่เกาะอาดังอยู่ห่างไปอีกนิดเลยต้องให้ที่พักมารับที่หาดเพื่อต่อเรือหางยาว ค่าแท็กซี่สามล้อคนละ 50 บาทต่อเที่ยว เวลาเที่ยวในหลีเป๊ะจะไปไหนก็เที่ยวละ 50 บาทต่อคน 

เรือหางยาวของ อาดัง ไอส์แลนด์ รีสอร์ท มารับแล้ว ตอนนั่งตื่นเต้นมาก คลื่นแรงเหมือนกัน ตอนไปท้องฟ้ามีเมฆเยอะสลับกับแดดออกเป็นช่วง ๆ   


อาดัง ไอส์แลนด์ รีสอร์ท

นั่งแปปเดียวไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงแล้ว อาดัง ไอส์แลนด์ รีสอร์ท ที่เกาะอาดัง ที่เราเลือกที่นี่เพราะว่าอยากได้ความเป็นส่วนตัว และก็ดูรีวิวมาว่าถ้านอนที่นี่ก็สามารถข้ามไปเที่ยวเกาะหลีเป๊ะได้และก็กลับมานอนอาดัง ไม่ไกลแปปเดียวแถมได้ความเป็นส่วนตัว   

บรรยากาศรอบ ๆ  อาดัง ไอส์แลนด์ รีสอร์ท ที่เกาะอาดัง อย่างที่บอกว่าค่อนข้างส่วนตัว วันที่ไปพัก มีคนพักเยอะนะคะ แต่จะมาเป็นครอบครัวฝรั่งเล็ก ๆ หรือคู่รัก ทำให้บรรยากาศโอเคไม่วุ่นวายไม่เสียงดัง ที่ชอบเลยคือมีมุมให้ได้นอนอ่านหนังสือสองฝั่ง หรือจะนอนดูวิวทะเล ลมเย็น ๆ เหมาะกับการมาพักผ่อน   

ที่อาดัง ไอส์แลนด์ รีสอร์ท มีสระว่ายนํ้าด้วย แต่มาหลีเป๊ะแล้วก็ไม่ได้สนใจสระว่ายนํ้าเลย ทะเลตรงหน้าใสพอ ๆ กับสระว่ายนํ้า สระก็เลยมีไว้ให้เด็ก ๆ เล่น   


beachfront villa

มาถึงห้องพัก เรานอนห้อง beachfront villa ราคาที่จองมา 4,000฿  ราคารวมอาหารเช้า ห้องติดทะเลวิวทะเล ที่อาดัง ไอส์แลนด์ ราคาห้องถือว่าสูงเหมือนกันค่ะ แต่อย่างที่ฝ้ายบอกว่าซื้อความเป็นส่วนตัว และก็อยากได้วิวทะเลเลยแพงขึ้นมาหน่อย แต่ถ้าใครไม่ซีเรียสก็นอนเป็นบังกะโลก็ได้ ราคาจะถูกกว่าประมาณ 2000฿ 

สำหรับภายในห้องการตกแต่งก็จะเป็นไม้ เป็นปูน เข้ากับธรรมชาติ อุปกรณ์ภายในห้องครบนะคะ ตามมาตราฐาน เตียงนอนนอนสบาย ภายในห้องมีชา มีกาแฟ กานํ้าร้อน เล่นนํ้ามาเหนื่อย ๆ พกมาม่ากินในห้องได้เลย มีเน็ตให้ใช้ด้วย แต่ว่าทีวีดูไปสักพักจะดับแต่ไม่นานประมาณห้าวินาที คาดว่าพออยู่บนเกาะไฟอาจจะไม่พอใช้ไฟเยอะ แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร เรามาเพื่ออยู่กับธรรมชาติอยู่แล้ว   

ห้องนํ้ากว้างมาก ไม่แน่ใจว่า อาจจะมีการต่อเติมรึเปล่าเพราะมีที่อาบนํ้าสองจุด หรืออาจจะเอาไว้ล้างตัวและอาบนํ้าคนละจุด   

สำรวจห้องพักแล้วตอนนั้นก็คือจะเย็นแล้ว เพราะว่าเราใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนาน และแวะเที่ยวเกาะตะรุเตา กับเกาะไข่ด้วย ท้องนี้ร้องไปหมดแล้ว ร่างกายต้องการข้าวที่อาดัง ไอส์แลนด์ ก็จะมีครัวเราสามารถสั่งอาหารทานได้เลย ครัวปิดประมาณสี่ทุ่ม   

ฝ้ายกับแฟนนี้กินหมดเลยตอนแรกคิดว่าหิวรึเปล่า แต่พอกินหลาย ๆ มื้อก็คือไม่ใช่เพราะหิวแต่อร่อยจริง นั่งกินข้าวเสร็จท้องฟ้าก็เริ่มจะมืด นํ้าก็เริ่มลงแล้ว   

ฝ้ายจำราคาทั้งหมดไม่ได้นะคะ แต่ว่าไม่ได้แพงมาก สามารถฝากท้องไว้ที่นี่ได้เลย เพราะอร่อยด้วย รสชาติคือแบบดีมาก อร่อยมากทุกอย่าง หน้าตาธรรมดาแต่รสชาติไม่ธรรมดา การันตีเลยว่าอร่อย

พอนํ้าเริ่มลงเราก็จะเห็นพวกปูต่าง ๆ เดินตรงชายหาด ธรรมชาติมาก มีปลาเล็กปลาน้อยด้วย วันนี้ก็เดินเล่นชิว ๆ ไปก่อน นอนพักเอาแรง หลังจากวันนี้ที่ตื่นตั้งแต่ตีสี่ พรุ่งนี้ค่อยจัดเต็มกันใหม่     


เช้าวันที่ 2

ตอนแรกจะตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่ฝนดันตก ใจคอไม่ดีเลย อาหารมื้อเช้าของเรา ที่นี่จะมีให้เลือกว่าจะกินอะไรจะไม่ได้เป็นบุฟเฟต์นะคะ และก็แต่ละวันไม่เหมือนกัน มีนํ้ามีผลไม้ให้ด้วย   

นั่งกินจนหมดฝนก็หยุตตกพอดี แต่ที่นี่ฝนตกไม่ได้แรงนะคะ ตกเบา ๆ พอให้รำคาญ จากนั้นก็คุยกับแฟนว่าจะเดินไปนํ้าตกโจรสลัด เป็นนํ้าตกที่อยู่บนเกาะอาดัง  ดูรีวิวมาเดินไม่ไกลประมาณสามสิบนาที สอบถามทางที่พักว่าเดินไปทางไหน    

พนักงานก็บอกมีป้ายบอกทาง แต่ไปเดินจริง ทาง งง เหมือนกัน และฝนเพิ่งตก สรุปลื่นหิน เป็นแผลเลือดออก ก็เลยไม่สามารถที่จะเดินไปถึงนํ้าตกได้ ต้องกลับมาทำแผลที่พัก ยังไงก็ขอบคุณพี่ ๆ พนักงานด้วยที่ช่วยทำแผลให้ 

เมื่อไปนํ้าตกไม่สำเร็จก็ไปเป้าหมายต่อไปคือ ข้ามไปเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งเกาะหลีเป๊ะอยู่ห่างจากอาดังไม่ไกลนะคะ นั่งเรือแปปเดียว ถ้าจะข้ามไปหลีเป๊ะก็แจ้งพนักงาน ฝ้ายไปเรือรอบ 10.30 น. และกลับรอบ 16.30 น. ที่กลับรอบเร็วเพราะว่าจะกลับมาดำนํ้าและก็พายเรือคายัคที่เกาะอาดังตรงที่พัก ระหว่างรอก็ถ่ายรูปเล่น นํ้าที่เกาะอาดังก็ใสไม่แพ้หลีเป๊ะเลย   

เรือของอาดัง ไอส์แลนด์ มาส่งเราที่หลีเป๊ะ ที่หาดซันไรส์ ในบรรดาหาดของหลีเป๊ะฝ้ายชอบหาดซันไรส์มากที่สุด จะไม่บรรยายมากแล้วกัน ดูรูปเลยว่าสวยแค่ไหน ของจริงสวยกว่านี้มาก ใสมากจนไม่รู้จะบรรยายยังไง ที่สุดแห่งอันดามันใต้จริง ๆ คุ้มมากกับการมา   


Walking Street ถนนคนเดินเกาะหลีเป๊ะ

นอกจากนั้นที่เกาหลีเป๊ะ ยังมี Walking Street ถนนคนเดินเกาะหลีเป๊ะ ด้วย แต่เรามาตอนกลางวัน ซึ่งกลางวันก็มีเปิดขายตลอดทางนะคะ มีร้านอาหารต่าง ๆ ช่วงถนนคนเดินหลีเป๊ะ สามารถเดินไปถึงหาดพัทยาได้ด้วย   

ราคาอาหารบนเกาะราคาจะอยู่ที่หลักร้อย อย่างข้าวกะเพราไข่ดาวก็ราว 150฿ กับข้าวฝ้ายกินร้านต้นกล้วย บริการดี รสชาติโอเคแต่เค็มไปหน่อย ของในเซเว่นก็จะแพง กว่าเซเว่นที่เราซื้อกันปกติ เช่น มาม่าคัพที่นี่ก็จะขาย 20฿ นํ้าเปล่าขวดเล็กก็ 15฿ แต่ฝ้ายเข้าใจได้ในเรื่องที่ของแพงนะ เพราะที่นี่ไกลมากเหลือเกิน แต่ถ้าใครอยากเซฟงบก็แนะนำให้ซื้อมาตั้งแต่บนฝั่งเลย   


Bloom Cafe Lipe

ร้านคาเฟ่ที่แนะนำบนเกาะหลีเป๊ะคือร้านนี้เลย Bloom Cafe Lipe กาแฟกับขนมอร่อยมาก ร้านน่ารัก ๆ บนเกาะหลีเป๊ะ 

เที่ยวเล่นบนเกาะหลีเป๊ะแล้วก็ได้เวลากลับไปเกาะอาดัง เล่นนํ้าพายเรือ ต้องบอกก่อนว่าเป็นคนว่ายนํ้าไม่เป็นแต่พอเห็นนํ้าใส ๆ ก็มีความอยากดำนํ้า เพราะก่อนมาทุกคนบอกต้องดำนํ้านะ ก็เลยลองดำนํ้าตื้น ๆ ตรงที่พักดู ที่อาดัง ไอส์แลนด์ จะมีเสื้อชูชีพ และก็อุปกรณ์ดำนํ้าให้   

มีเรือคายัคให้ด้วย เราก็พายเรือคายัคเล่นก่อน นี้ก็ครั้งแรกเหมือนกัน โชคดีที่เป็นเกาะส่วนตัวคนไม่เยอะ เราก็เลยกล้าที่จะลองเล่น ปกติถ้าไปที่คนเยอะเราก็จะไม่ค่อยกล้า ได้แต่นั่งดู   

พอคนไม่เยอะก็ได้ลองฝึก พายเรือไปสักพักก็จอดเรือและก็ลองดำนํ้าดู ผลปรากฏคือ เจอปะการังและน้องนีโม่กับดอลลี่ โอ้โห้ ไม่คิดว่าดำนํ้าใกล้ ๆ เกาะแค่นี้จะเจอเลย ตัวไม่ได้ใหญ่มาก เล็ก ๆ แต่เป็นครั้งแรกเลย 

ความเสียใจก็คือไม่มีกล้องใต้นํ้าที่สามารถเก็บภาพระหว่างไปดำนํ้าได้ แต่ก็ถือว่าโชคดีที่ครั้งแรกก็ได้เห็น เพิ่งรู้ว่าโลกใต้นํ้ามันสวยและพิเศษแค่ไหน ประทับใจและก็ตื่นเต้นมาก ๆ   

หลังจากดำนํ้าและก็พายเรือเสร็จ ก็มืดพอดี มากินข้าวอาหารที่นี่ก็อย่างที่บอกอร่อยมาก ยิ่งเล่นนํ้ามาเหนื่อยๆ ยิ่งอร่อย ตกดึกที่นี่จะมีจอฉายหนังให้ดูระหว่างกินข้าวด้วย ทุกคนก็จะมานั่งกินข้าวดูหนัง เป็นคํ่าคืนที่ดีที่สุดเลย : ) 


เช้าวันที่สาม

ซึ่งเป็นวันที่เราต้องกลับเลย รู้งี้มาสักสี่วันดีกว่า รู้สึกว่าไม่พอเลย ติดใจหลีเป๊ะ-อาดังเข้าแล้ว เช้าวันนี้ไม่มีอะไรมากค่ะ ตื่นมากินข้าวเช้า อาหารเช้าอร่อยเหมือนเดิม มื้อนี้จะหนักหน่อยเพราะต้องเดินทางไกล 

จากนั้นก็รอเรือรอบ 10.30 เพื่อนั่งไปท่าเรือที่หลีเป๊ะ รอเรือกลับรอบ 11.30 ก็จะถึงท่าเรือปากบาราตอน 13.30 พอดี ตอนนั่งเรือไปรู้สึกไม่อยากกลับเลย คงต้องคิดถึงที่นี่มาก ๆ คิดถึงนํ้าใส ๆ หาดทรายขาว ๆ   

จากท่าเรือปากบารา หลีเป๊ะ เราก็กลับมารอรถตู้ที่เดิมค่ะ เดินทางด้วยรถตู้ต่อจะถึงสนามบินหาดใหญ่ประมาณ 15.00 น. จากนั้นก็รอขึ้นเครื่องต่อประมาณอีกชั่วโมงจะถึงกรุงเทพ อย่างที่บอกเราใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนาน 

แต่จะบอกว่าทั้งหมดทั้งมวลคุ้มมาก ๆ ที่ได้มา การเดินทางที่ยาวนาน กับวิวที่ได้เจอ ไม่รู้จะบรรยายยังไง ไม่รู้จะถ่ายรูปยังไงให้สวยเหมือนตาเห็น ก็คงบอกได้เพียงว่าอยากจะแนะนำให้ลองมาสักครั้งจริง ๆ

อยากให้มาเห็นด้วยตาตัวเอง นี้ถ้ามีกล้องถ่ายใต้นํ้าก็คงจะดี อยากมาอวดโลกใต้นํ้าสวย ๆ ไว้มีโอกาสจะต้องได้เจอกันอีกแน่นอน หลีเป๊ะ-อาดัง  


สรุปค่าใช้จ่าย

ค่าเครื่องบินไปกลับ คนละ 2,300 x 2
4,600
ค่ารถตู้จากสนามบินไปท่าเรือปากบารา ไปกลับ คนละ 500 x 2
1,000
ค่า speedboat ไปหลีเป๊ะ ไปกลับคนละ 900 x 2
1,800
ค่าเข้าท่าเรือ คนละ 20 x 2
40
ค่าอุทยาน คนละ 40 x 2
80
ค่าแท็กซี่สามล้อ คนละ 50 ทั้งหมด 4 เที่ยว
400
ค่าที่พักคืนละ 4,000 x 2
8,000
ค่าอาหาร+ขนมเครื่องดื่ม จำไม่ได้ทั้งหมด
3,000
รวมทั้งหมด 2 คน
9,460

ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะคะ รีวิวนี้ตั้งใจมาก อยากให้ทุกคนเห็นว่าทะเลบ้านเราสวยแค่ไหน ยังไงไปก็ช่วยกันรักษาธรรมชาติด้วยนะคะ ติดตามเพจเล็ก ๆ ของฝ้ายได้ที่ : https://www.facebook.com/puifaikamonblog/  

สิ่งที่เราอยากแนะนำ