สวัสดีครับ วันนี้จะมารีวิวร้านอาหาร SAAWAAN (สวรรค์) ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยสไตล์Fine Dining มาให้เป็นข้อมูลสำหรับคนที่สนใจนะครับ
สำหรับร้านอาหารSAAWAAN เป็นร้านอาหารไทยสไตล์ Fine Dining ซึ่งมีเชฟหลักคือเชฟอ้อม จะดูเเลในส่วนของอาหารคาว เเละเชฟเปปเปอร์จะดูเเลในส่วนของอาหารหวาน
การมาทานที่ร้าน ต้องจองล่วงหน้า เเละจ่ายเงินมัดจำ50%ครับ (สำหรับการจอง ผมเเอบผิดหวังในระบบคือเมื่อผมเเจ้งจองไป จนท ส่งใบเสนอราคามาภายใน30 นาที เเละผมก็ทำการโอนไปทันที เเละได้ส่งเมล์ขอให้ช่วยยืนยันว่าได้รับเรียบร้อยเเล้ว เเต่ทางร้านกลับforwardเมล์โต้ตอบไปมากับฝ่ายบัญชี ซึ่งผมว่ามันดูไม่ได้มาตรฐานเลยกับการที่ให้ลูกค้ามาอ่านข้อความคุยกันเองของพนักงาน) ตัวร้านจะตั้งอยู่ในซอยสวนพลู ใกล้กับถนนสาทรครับ ร้านเป็นตึกเเถว1คูหา มีโต๊ะไม่มากเท่าไรครับ
การตกเเต่งภายในร้านสวยดีครับ เหมือนเกิดจากการตีความคำว่า สวรรค์ มีกราฟฟิคเมฆ เเละลวดลายดอกไม้ สวยดี
สำหรับอาหารที่นี่จะเสิร์ฟเป็นคอร์ส โดยช่วงนี้จะเป็น Tasting Menu ที่ 2 ครับ มีทั้งหมด 9 เมนูด้วยกัน เเละมี complimentary menu อีกจำนวน3 จาน รวมทั้งสิ้น 12 จานครับ
เริ่มเมนูเเรกด้วย Amuse Bouche ซึ่งเป็น Complimentary Menu เสิร์ฟเป็น Blini Caviar โดย Blini นั้นเป็นขนมของรัสเซียนิยมทานกับคาร์เวียร์ เชฟอ้อมปรับรสให้เป็นไทยด้วยการใส่ส่วนผสมจำพวกมะพร้าว กะทิ น้ำตาล ให้รสออกมาเป็นเหมือนขนมบะบิ่น ด้านบนโปะด้วยครีมต้มข่าเเละคาร์เวียสเตอเจี้ยน
ตอนเสิร์ฟ พนักงานจะมาฝนผิวมะกรูดทับลงไปอีกทีเพื่อให้มีกลิ่นหอม
โดยรวมอร่อยดีครับ เเต่เนื่องจากBliniมันจะมีสัมผัสนุ่มๆเเบบเเพนเค้ก มาเจอครีมต้มข่า เเละคาร์เวียร์ ทำให้ทั้ง3อย่างมันมีสัมผัสที่คล้ายกันไปหมด น่าจะมีอะไรกรอบๆมาตัดนิดนึง เเต่โดยรวมอร่อยดีครับ จานถัดมาเป็นพล่ามะดันไข่หอยเม่น ซึ่งเสิร์ฟมาในโหลเเก้วครับ ที่เห็นคือ1 คน/1ตัวครับ
สำหรับเมนูนี้ใช้หอยเม่นฮอกไกโดมาพล่ากับมะดัน ผมว่าเชฟทำได้ดี รสของไข่หอยเม่นยังชัด ไม่โดนรสมะดันกลบ เเละไม่ลี่ยนดีครับ
จานที่ 3 เป็นDip มันปูนา โดยเสิร์ฟคู่กับข้าวเหนียวปิ้ง ตัวมันปูนาจะผสมกับเครื่องเเกงเเละผิวส้มซ่า เวลาทานก็เเกะข้าวเหนียวปิ้งที่ทำจากข้าวเหนียวเขี้ยวงูคลุกกะทิมาจิ้มทานคู่กัน จานนี้อร่อย เเต่ดิดว่ามันไปนิดนึง(มันปูนา เจอมันกะทิข้าวเหนียว เลยมันx2)
จานถัดมาเป็นแหนมหมูข้าวทอด ซึ่งตัวเเหนมใช้หมูคุโรบุตะมาปรุงรสกับใบชะพลู ส้มซ่า เเละขิง เเกล้มด้วยเเตงกวาดอง กินเเล้วรสออกมาคือเเหนมข้าวทอด เเต่นำเสนอได้เก๋ไก๋ดีครับ
จานถัดมาเป็นซุปต้มเนื้อหน่อไม้ใบย่านาง โดยใช้เนื้อสันหนอกมาต้ม รองด้านล่างด้วยหน่อไม้ป่า
เวลาเสิร์ฟจะเสิร์ฟกับน้ำซุปใบย่านางเเละPuree ใบเเมงลัก
จานนี้ผมชอบนะ เนื้อมีความเหนียวนิดๆ เเละน้ำซุปรสกลมกล่อมดี ถัดมาคือเมี่ยงใบชา โดยเชฟนำใบชามานึ่งเเละหมักไว้1เดือน เสิร์ฟบนใบชะพลู เป็นเมนูที่ผมไม่ชอบที่สุดเเล้วในคอร์ส รสมันเฝื่อนๆ Textureมันเเหยะๆยังไงไม่รู้ ไปกัน5คน ไม่มีใครชอบสักคน
จานถัดมา คั่วกลิ้งสะตอปู โดชเชฟจะใช้ปูดำสมุทรสงครามผัดกับผักเหลียง สะตอ เเละเครื่องปรุง
จากนั้นพนักงานจะมาบดผงที่ทำจากไข่ปูม้าอบเเห้งเเละใบมะกรูดโรยหน้า
เมนูนี้อร่อยครับ น่าเสียดายที่ผมไม่ชอบสะตอเลยเขี่ยออก เเต่ทานเเบบไม่มีสะตอก็อร่อยดีครับ จะงงๆก็ตอนเสิร์ฟ พนักงานเอาฝักสะตอเเละเมล็ดสะตอใส่โหลมาวาง พอถามก็บอกว่าเเค่เอามาสร้างบรรยากาศ เเต่ผมว่ามันงงๆไปหน่อย ความจริงไม่ต้องมีก็ได้ จาน Main จะเป็นนกกระทาอบโอ่งครับ ตอนเเรกที่เสิร์ฟมาจะมีเเค่ผักพวกรากบัว เเละเหมือนก้านบอน(ไม่เเน่ใจนะครับ) เเละผักดองด้วยน้ำมะเเขว่น
จากนั้นพนักงานจะยกโอ่งมา ภายในจะเป็นนกกระทาสโมคด้วยมะพร้าว ซึ่งนกกระทาพนักงานบอกว่าเป็นนกกระทาจากฟาร์มที่นครปฐมซึ่งให้กินอาหารที่เเช่ด้วยน้ำข้าวโพดเพื่อให้เนื้อมีรสชาติที่ดี เมนูนี้ 1 จากเสิร์ฟครึ่งตัว (น้อยง่า)
จากนั้นพนักงานจะราดซอสส้มตำ เมื่อทานกับผักให้รสคล้ายๆส้มตำ
สำหรับเมนูนี้ นกกระทาอร่อยดีครับ ตัวผักก็อร่อย เเต่ตัวซอสส้มตำผมว่ามันหวานไปหน่อยเเละรสน้ำมะขามเปียกเด่นเเซงหน้าไปนิดครับ Main Course จานที่2เป็นพะเเนงปลา ซึ่งเชฟเอาปลาเก๋าดำดอกแดงจากอันดามัน มาย่าง รองด้วยปลาฟูพริกขิง เสิร์ฟพร้อมมะเขือเผา หนังปลา เเละไข่นกกระทา
จากนั้นพนักงานจะนำซอสพะเเนงมาราดเเละเสิร์ฟพร้อมข้าวสวยจาพะเยา ซึ่งพนักงานเเจ้งว่าเป็นข้าวที่ได้รางวัลชนะเลิศปีล่าสุด
สำหรับจานนี้ปลาอร่อยดีครับ ทานคู่กับมะเขือเามีกลิ่นไหม้ๆ หอมดี เเต่ผมว่าข้าวมันยังธรรมดาไป น่าจะใช้ข้าวหอมมะลิดีๆที่มันมียางเเละมีกลิ่นหอม น่าจะส่งให้รสดีกว่านี้
จานที่2เป็นของเชฟเปปเปอร์คือกล้วยบวชชี โดยเชฟนำเอากล้วยไปทำเป็นไอสครีม เคลือบด้วยชอคโกเเลตโรยด้วยงาเเละมะพร้าว ด้านบนเป็นซอสมะม่วง เสิร์ฟพร้อมกับโฟมกะทิ
เมนูนี้ทานเเล้วให้รสกึ่งๆกล้วยบวชชี ผสม กล้วยฉาบไส้มะขามกวน เเปลก เเต่อร่อยครับ
จานสุดท้ายเป็นComplimentary ครับ เสิร์ฟเป็นขนมเล็กๆ4ชนิดคือเม็ดขนุนกวนกะที เเยมส้มเขียวหวาน Chouxลิ้นจี เเละคุกกี้มะกรูดที่ทำเป็นรูปหนังตะลุง
อันนี้อร่อยทั้ง4ตัวเลยครับ ถือว่าเป็นตัวปิดมื้อได้ดี
สรุป สำหรับผม ผมว่าอาหารเเปลกใหม่ดี ดูรู้ว่าเชฟพยายามนำเสนออาหารไทยในมุมมองใหม่ๆ เเต่อาจจะเพราะคาดหวังมากไป เลยเเอบรูปสึกมันยังไม่ถึงกับว้าวเท่าไรครับ พนักงานเสิร์ฟสุภาพ บริการดี เเต่อธิบายเเต่ละเมนูเร็วไปจนดูเหมือนรีบ เเละระบบจัดการการจองยังขลุกขลักไปนิดครับ