เตรียมตัวก่อนเดินทาง
สำหรับทริปโอกินาว่านี้ เราจัดตั๋วโปรของสายการบิน Peach มาอย่างรวดเร็ว ในราคาไปกลับ BKK - Okinawa แค่ 3,600 บาท !! พร้อมก๊วนอีก 6 คน ไปใช้ชีวิตแบบ Slow Life 7 วันที่ โอกินาว่า จังหวัดที่มีเกาะและทะเล แค่คิดก็สนุกแล้วใช่มั้ย การเดินทางของพวกเราจะเป็นยังไง ไปดูกันน
ทริปนี้เราเดินทางวันที่ 22 - 28 สิงหาคม ปี 2017 เป็นสายการบินราคาถูกที่เราค่อนข้างประทับใจ แอร์น่ารัก ที่นั่งค่อนข้างแคบนิดๆ ถ้าผู้ชายตัวใหญ่อาจจะอึดอัดหน่อย แต่พอหลับแล้วก็ไม่รู้สึกแคบเลย 555555
TIPS
- จากจุดตรวจสัมภาระที่สุวรรณภูมิ เดินไปถึงเกทขึ้นเครื่อง เดินประมาณ 10-15 นาที ค่อนข้างไกลเลยแหละ เผื่อเวลากันด้วยเด้อ
- ขากลับ กทม.ปริ้นใบจองตั๋วมาด้วย ตอนจะเช็คอินขึ้นเครื่อง ที่เครื่องเช็คอินจะต้องใช้ QR Code นะ
- ทำประกันการเดินทางไปก่อนก็ดีนะ
แจกแพลนเที่ยวเราเอง ตามไปโล๊ดด
https://www.google.com/maps/d/viewer?hl=th&mid=1RiKMcS3OS1h-VhkDRZ0ouosXjyc
โปรแกรมเที่ยว
Day 1 | สนามบิน Okinawa > ถนนคนเดินโคคุไซโดริ (Kokusaidori Street) |
Day 2 | ปราสาทชูริ (Shuri Castle) > ถนนคนเดินโคคุไซโดริ (Kokusaidori Street) > ตลาดสด Makishi |
Day 3 | เช่ารถออกนอกเมือง > Okinawa World > โรงเบียร์ Orion Beer factory |
Day 4 | พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชุราอูมิ (Okinawa Churaumi Aquarium) > Sesoko Island > หาด Nago |
Day 5 | Yagaji Island > Kouri Island > Cape Manzamo (หน้าผางวงช้าง) > ห้าง Aeon Mall > Mihama American Village |
Day 6 | Hamahiga Island > Henza Island > Miyagi Island > Ikei Island > Oodomari Beach > Cape Zanpa > เมือง Naha |
Day 7 | ตลาดปลา Tomari Fish Market > ห้าง Duty Free " T GALLERIA BY DFS " > ถนนคนเดินโคคุไซโดริ (Kokusaidori Street) > กลับสนามบิน Okinawa |
เที่ยวโอกินาวาช่วงไหนดี ?
เราคิดว่าเที่ยวได้ทั้งปีเลยจ้า โอกินาวาเป็นเมืองแห่งทะเล อากาศจะอบอุ่นตลอดทั้งปี ถ้าจะให้เห็นภาพ ฟีลคล้าย ๆ ภูเก็ตเลยฉะนั้น ช่วงหน้าร้อน (ปลายมิถุนายน - กลางเดือนกันยายน) จะถือว่าเหมาะที่สุดเลยแหละ เพราะอากาศแจ่มใส ไม่มีฝน มีแต่แดดร้อน ๆ ถ่ายรูปสวยแน่นอนน
ไปเที่ยวกี่วันดี ?
ทริปของพวกเรา เราเช่ารถขับแทบจะทั่วจังหวัดเลย เที่ยวแบบเรื่อย ๆ ไม่รีบมาก มีแวะนู้นนี้บ่อย ๆ เราเลยคิดว่าสัก 4 - 8 วัน กำลังดีเลย
เช่ารถขับที่โอกินาวา ดีมั้ย ?
โอกินาวา มีรถไฟ Monorail แค่ในตัวเมือง Naha เท่านั้น ถ้านั่งแต่รถไฟ จะเที่ยวได้แค่ 3 ที่หลัก ๆ คือ "ถนนคนเดินโคคุไซโดริ (Kokusaidori Street), ตลาด Makishi และปราสาท Shuri" ส่วนรถบัสนี่ค่อนข้างรอนาน และอาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไร ถ้ามีสัมภาระหรือเวลาไม่มาก
ถ้าอยากจะไปเที่ยวทะเล (แนะนำว่าต้องไป มาเที่ยวโอกินาวา แล้วไม่เที่ยวทะเลได้ไงกันน) อยากแวะไหนก็ชิลล์ ๆ และไปกันหลายคนด้วยแล้ว การเช่ารถคือคำตอบที่ดีที่สุดจ้า
ที่โอกินาวารถไม่เยอะมาก ขับง่าย ๆ จอดรถได้ชิลล์มาก ไม่ต้องเสียค่าจอดรถเหมือนเมืองใหญ่ ๆ ในญี่ปุ่นเลย ยิ่งไปกันหลายคน ช่วยกันแชร์ค่ารถ บอกเลยว่าถูกมาก
อย่าลืมทำใบขับขี่สากลไปก่อนเช่ารถด้วยนะครับ ยื่นใบขับขี่ จ่ายตัง รอรับ
รีวิวท่องเที่ยว
DAY 1 | สนามบิน Okinawa > ถนนคนเดินโคคุไซโดริ (Kokusaidori Street)
ขอวาร์ปมาที่โอกิเลยละกันนะคร้าบ ^^'
ถ้าลงเครื่องแล้วเห็นเหมือนเป็นโกดังสินค้าอยู่กลางสนามบินอย่าพึ่งตกใจนะ แต่เราก็ตกใจในตอนแรก 55555555 (พึ่งมารู้ว่า Peach Air และ Vanilla Air เช่าโกดังสินค้ามาทำเป็นอาคารผู้โดยสารนี่เอง)
พวกเราไม่ได้เช่ารถยนต์ในวันแรกของทริปเลย เพราะคิดว่าจะเที่ยวในเมืองก่อน การจะขึ้นรถไฟเข้าเมืองนั้น ต้องมารอรถบัสฟรีหน้าอาคารสนามบินระหว่างประเทศ เพื่อไปขึ้นรถไฟเข้าเมือง ตรงอาคารผู้โดยสารในประเทศจ้า
ที่ domestic terminal จะมีร้านขายแซนวิชอยู่ร้านนึง เราเห็นคนมาซื้อคนข้างเยอะ เลยไปลองข้าวปั้นไส้กุ้งเทมปุระ + ไข่หวาน + แฮมแผ่น เป็นอาหารรองท้องที่อร่อยและอิ่มมาก เราให้เต็ม 10 เลย ราคาประมาณ 330¥
แพลนเราวันนี้ คือ "ถนนคนเดินโคคุไซโดริ (Kokusaidori Street)" เป็นถนนคนเดินในเมือง Naha ที่ตลอดสองข้างทางมีทั้งร้านอาหารอร่อย ๆ บาร์ คาเฟ่และร้านขายของเพียบ เที่ยวได้ตลอดทั้งวันเลยยย
Okinawa City Hall
ระหว่างทางไปถนนคนเดิน Kokusai Dori เจอ Okinawa City Hall ที่ดูยิ่งใหญ่มาก
โอกินาวาโซบะ
พยายามหาร้านของกินท้องถิ่นของที่นี้เลยมุด ๆ ตามซอยบนถนนคนเดิน จนมาเจอร้านนึง เป็นร้านอาหารของคนท้องถิ่นที่นี้พอดี
จานแรกของเรา เป็นเมนูขึ้นชื่อของโอกินาวาเค้าเลยแหละ "โอกินาวาโซบะ" มีจุดเด่นตรงที่เส้นโซบะเป็นเส้นข้าวสาลี และหมูสามชั้นหรือซี่โครงหมู มันอร่อยดีนะ น้ำซุปรสชาติเหมือนราเม็งแล้วก็คล้าย ๆ ของจีน ถ้วยนี้ 800¥ จ้า
DAY 2 | ปราสาทชูริ (Shuri Castle) > ถนนคนเดินโคคุไซโดริ (Kokusaidori Street) > ตลาดสด Makishi
ปราสาทชูริ เดินทางมาได้ทั้งรถไฟและแท็กซี่เลย แต่วันนี้เรามารถไฟแทน มาขึ้นแถวๆ Kokusaidori
ราเม็งคุณลุงข้างหน้าทางเข้า 700¥
ตัวปราสาทด้านในสีแดงๆ เค้าห้ามเราถ่ายรูปข้างใน เลยไม่ได้ไป เราเลยถ่ายบรรยากาศรอบๆ และจุดชมวิวมาหน่อยละกัน
ขากลับมา เราก็มาตลาดปลา เดินเล่นในเมือง แวะคาเฟ่ ช๊อปปิ้งสักนิดหน่อย
DAY 3 | เช่ารถออกนอกเมือง > Okinawa World > โรงเบียร์ Orion Beer factory
เช้าวันที่ 3 ของทริป เรามีนัดรับรถที่จองไว้กับ Time Car Rental สาขา Naha Kume (ใกล้สถานีรถไฟ Kencho-Mae) ขากลับเลือกคืนรถสาขาสนามบินได้เลย แล้วทางบริษัทเช่ารถจะมีรถตู้ไปส่งถึงตัวสนามบินเลยจ้า เราเช่าผ่านเว็ปไซต์ https://www.rentalcars.com นี้เลย
รถที่เราเช่า เป็น Mazda Premacy 5 เป็นรถแบบ MPV Compact เช่ารถทั้งหมด 5 วันเต็ม ๆ ราคา 14,000 บาท + ประกันอีก 2,000 บาท = 16,000 บาท
ถนนในเมือง จะใช้ความเร็วได้แค่ 40 - 60 กม./ชม. ส่วนบนทางหลวงหรือทางด่วน จะไม่เกิน 80 กม./ชม. จริง ๆ ยังมีข้อควรรู้อีกบางข้อ เช่น ไม่เลี้ยวซ้ายผ่านตลอดเหมือนที่ไทย ยังไงขับรถก็ระมัดระวังกฎหมายที่นู้นด้วยนะ โดนจับขึ้นมานี้ ซวยโคตร ๆ อะ
จากจุดที่รับรถ ขับรถออกไปราว ๆ ครึ่งชั่วโมงจุดหมายแรกของเรา คือ "Okinawa World" นั่นเอง ที่นี้เป็นเหมือนสถานที่ท่องเที่ยวที่รวบรวมธรรมชาติ วัฒนธรรม และก็ประวัติศาสตร์อีกมากมายเลยแหละ ไฮไลท์ที่เด็ด "ถ้ำหินงอกหินย้อยที่ยาวที่สุดในทิศใต้ของโอกินาวา ที่ยาวกว่า 5 กิโลเมตร !! (แต่เปิดให้ชมเพียง 850 เมตรนะ)"
ร้านอาหาร
เราลองขับรถหาร้านอาหารใกล้ ๆ Okinawa World จนมาเจอกับบ้านหลังนึง เหมือนจะเปิดเป็นร้านเล็ก ๆ ที่เน้นเมนูท้องถิ่นโอกินาวา
"Taco Rice" เมนูดั้งเดิมของโอกินาวา ที่เอาเครื่องทาโก้ของประเทศเม็กซิโกมาโปะลงบนข้าว มันหอม ๆ เครื่องเทศดีนะ หน้าตาคล้าย ๆ ผัดกะเพราของบ้านเราอยู่ ฮ่า ๆ จานนี้ 800¥ นะคร้าบ
"สปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศกับแฮม" อร่อยเลยแหละ กินนาน ๆ แอบเลี่ยน ก็ใส่ชีสผงช่วยแก้เลี่ยนได้ ราคา 800¥
Okinawa World
ที่นี้มีโชว์ด้วยนะ พวกเราอดดู ใครมีเวลาว่าง ลองไปดูได้น้า
- Eisa Dance (ระบำกลอง) มีทุกวัน มีรอบ 10:30/12:30/2:30/4:00 รอบละ 25 นาที
- Habu Show (โชว์งูฮาบุ) มีทุกวัน มีรอบ 11:00/12:00/2:00/3:30/4:30 รอบละ 20 นาที
ราคาค่าเข้า
ถ้ำเกียวคุเซนโดะ (Gyokusendo Cave)
ถ้ำเกียวคุเซนโดะ (Gyokusendo Cave) ที่เป็นไฮไลท์เด็ดของที่นี้ มีทั้งหินงอกหินย้อย เศษกระดูกสัตว์ในอดีตที่อยู่ใต้ชั้นหิน ในนี้อากาศเย็นมาก เดินสบาย ๆ จัดไฟได้ดีเลยแหละ ธรรมชาติในถ้ำก็สวย อย่าพลาดเชียวหล่ะ
หมู่บ้าน Kingdom Village
เราใช้เวลาไม่นานนักกับ Okinawa World เพราะตอน 4 โมงเย็น เราจองทัวร์ "โรงเบียร์ Orion Beer factory" เอาไว้แล้ว ! ออกจาก Okinawa World บ่ายโมงนิด ๆ ขับรถจากทิศใต้ของจังหวัด ไปยังเมือง Nago ที่อยู่ภาคเหนือของเกาะ ห่างออกไปราว 70 กม. ใช้เวลาขับรถเกือบ 2 ชม. (ขับเร็วไม่ได้จริง ๆ แต่ระหว่างทางวิวสวยมากก)
Orion Beer factory
Orion เป็นเบียร์ดั้งเดิมของโอกินาวาเค้าเลยแหละ แล้วก็มีขายแค่ที่โอกินาว่าด้วยนะ ขาเบียร์อย่าพลาดเชียว ไกด์ของที่นี้จะพาทัวร์ตั้งแต่กระบวนการผลิตตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบ, การผลิตจนถึงบรรจุขวดเลย ทีเด็ดท้ายสุดของทัวร์นี้คือ "การดื่มเบียร์สดฟรี คนละ 2 แก้ว พร้อมกับแกล้ม !!" *0* (การดื่มเบียร์จำกัดเวลาแค่ 20 นาที ส่วนคนขับรถจะมีเครื่องอื่นอย่างอื่นแทนเบียร์จ้า)
ค่าใช้จ่ายในการทัวร์โรงงานเบียร์ทั้งหมด ฟรีเด้อ !! แนะนำให้จองทัวร์ไว้ก่อนดีกว่า เผื่อคนเยอะ
จองเลย : https://www.orionbeer.co.jp/brewerytour_en/
A-COOP
ที่พักของเราในคืนนี้ ขับรถจากโรงเบียร์ไปประมาณครึ่งชั่วโมง : https://www.airbnb.com/rooms/17797294 เป็นบ้านของโฮสต์คุณลุงท่านนึง ที่น่ารักมากกก
เราไปถึงช่วงเย็นพอดี ลุงแกเลยแนะนำร้านอาหารที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต A-COOP พอดี เป็นร้านข้าวหน้าต่าง ๆ ที่อร่อยและราคาถูก
ข้าวหน้าเนื้อ + ชาเขียว เสิร์ฟพร้อมสาหร่ายโมโซกุและซุปบะหมี่ ความอร่อยและความคุ้มค่า เราขอให้ 10 เต็มไปเลยจ้า
หลังจากนั้นก็เที่ยวห้าง Aeon แถว ๆ Nago แล้วก็กลับที่พักจ้า
DAY 4 | พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชุราอูมิ (Okinawa Churaumi Aquarium) > Sesoko Island
เช้าวันที่ 4 อากาศสดใสมาก พวกเราตื่นแต่เช้า ขับรถราว ๆ 1 ชม. (จริง ๆ 30 นาทีก็ถึง แต่แอบแวะข้างทางบ่อย ฮ่า ๆ) มุ่งหน้าไปดูภาพที่เราเห็นบ่อย ๆ ตาม google ได้แก่ "ฉลามวาฬ ขนาดยาว 8.6 ม. !!" เค้าเป็นพี่ใหญ่สุดเลยแหละใน "พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชุราอูมิ (Okinawa Churaumi Aquarium)"
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชุราอูมิ (พวกเราขอเรียกว่า พิพิธภัณฑ์โอกินาวาละกันเนอะ มันสั้นดี) เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่และดีที่สุดในญี่ปุ่น (ติดอันดับ Top 10 พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยแหละ) ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม อันดับ 1 ของโอกินาวาเลย ห้ามพลาดเชียวนาจา !!
เวลาเปิด - ปิด
ตุลา - กุมภา 8.30 - 18.30
มีนา - กันยา 8.30 - 20.00
ถ้าใครที่ไม่เช่ารถขับมา ก็มีรถบัสหลายประเภทให้เราได้นั่งจากสนามบิน มีทั้งรถธรรมดาและรถด่วน ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมงกว่าๆ จากสนามบินโอกินาวา
ลองดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://churaumi.okinawa/en/guide/access
เราขับรถเลียบหาดมาเรื่อย ๆ ชอบแวะข้างทางบ่อย เลยได้วิวสวย ๆ มาแบบบังเอิญ
มื้อเช้า
เราฝากท้องกันที่ร้านนี้เด้อ ร้านอยู่ทางไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเลย ลองหาชื่อร้านใน Google Map ไม่เจอจริง ๆ T^T
ข้าวหมูผัดโชยุ อิ่มและอร่อยมาก เป็นร้านแบบสไตล์ญี่ปุ่นบ้าน ๆ นั่งสบาย เซ็ทนี้ฟรีน้ำอะไรก็ได้ ราคา ¥700
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชุราอูมิ (OKINAWA CHURAUMI AQUARIUM)
ในที่สุดก็ถึงพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแล้ว มาวันธรรมดาตอนเช้า ๆ มีรถมาเที่ยวเยอะมาก หาที่จอดยากนิดนึง แต่ในตัวพิพิธภัณฑ์ คนไม่พลุกพล่าน เดินสบายเลยแหละ
ก่อนเข้าชมตัวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ที่นี้มีโชว์ Dolphin ด้วย น่ารักมาก มีรอบ 11.00 / 13.00 / 14.30 / 16.30 / 17.30 (รอบ 17.30 มีแค่ช่วงเดือน เม.ย. - ก.ย. นะ) โชว์รอบละ 20 นาที แนะนำไปจองที่นั่งก่อนเวลาโชว์สัก 10 นาที เพราะคนจะเยอะ ไปช้าทำเลอาจจะไม่ค่อยดีสักเท่าไร
ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ อยู่ที่ ¥1,850 ต่อคน เด็กอายุน้อยกว่า 6 ขวบเข้าฟรีจ้า ใช้เวลาเดินตัวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำทั้งหมดประมาณ 45 นาที - 1 ชม. มีสัตว์น้ำหลายชนิด หลายพันธุ์ หลายรูปแบบมาก ๆ สัตว์ที่หายาก ที่นี้ก็มีให้ดูเยอะเลย แต่ขอนำภาพมาลงบางส่วนละกันเนอะ ^^'
เห็นน้อง "ปลาหิน" กันมั้ยเอ่ยย *-*
Garden Eel มีชือไทยว่า "ปลาไหลสวน" นิสัยของน้องชอบอยู่ใต้ทราย จะโผล่ขึ้นมาเมื่อหาอาหาร เราชอบเจ้าตัวนี้มาก มันค่อย ๆ เลื้อยตัวไปมาแบบมีจังหวะอะ 5555555
ตู้ปลาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น !!
แล้วเราก็มาถึง "ตู้ปลาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น !!" ในตู้ปลานี้มีทั้งปลา แมงกะพรุน และอีกหลายชนิด หลายร้อยตัว ส่วนพี่ใหญ่สุดในตู้นี้ คือ ฉลามวาฬตัวใหญ่ยักษ์ 2 ตัว ที่มีขนาดยาวถึง 8.6 ม. !!!! นี่ยังไม่รวมถึงความใหญ่โตของตัวน้อง เมื่อเทียบกว่าปลาอื่นๆ เป็นการดูฉลามวาฬขนาดยักษ์ในระยะประชิด ที่ไม่ต้องดำน้ำ แต่ก็ฟินได้ อ่าาาส์ >.<
เดินพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเสร็จ ตรงทางออกจะมีโซนขายของฝากที่ระลึก โซนความรู้ต่าง ๆ อีกเยอะเลย โดยรวมเราประทับใจที่นี้มาก มีสัตว์น้ำแปลก ๆ หลายชนิด และเยอะมาก วิวรอบ ๆ พิพิธภัณฑ์ก็แจ่ม แม้จะอยู่ไกลจากตัวเมืองหน่อย แต่บอกเลยว่าคุ้มค่าแก่การมาอย่างยิ่ง อย่าพลาดเชียว
เกาะ Sesoko
ขับรถออกมาจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำราว ๆ 20 นาที ไปต่อกันที่ "เกาะ Sesoko" ส่วนของชายหาดที่เล่นน้ำได้ จะมีค่าใช้จ่ายเกือบหมดทุกอย่าง ตั้งแต่ค่าจอดรถ ¥1,000 (จอดฟรีได้ที่อื่น แต่ต้องเดินไกลโคตร), ค่าเช่าอุปกรณ์ นู้นนี้ แต่ถ้าไปเล่นน้ำอย่างเดียวแล้วกลับ ก็ฟรีกันไปเลย ช่วงเย็นแวะมาเที่ยวหาด Nago บรรยากาศสงบใช้ได้เลย แถวนี้ก็มีคนญี่ปุ่นแวะมาทั้งพักผ่อน เล่นน้ำทะเล ปิคนิค ปิ้ง BBQ กินกันด้วย
ส่วนช่วงค่ำ ๆ แวะเที่ยวห้าง AEON และห้าง Faraoh ตกแต่งทางเข้าแนวอียิปต์ ในเมือง Nago แวะช๊อปปิ้งก่อนกลับห้องพักผ่อนนอนจ้า
DAY 5 | Yagaji Island > Kouri Island > Cape Manzamo (หน้าผางวงช้าง) > ห้าง Aeon Mall > Mihama American Village
เช้านี้ก่อนจะออกเดินทางและเปลี่ยนที่พักบนเกาะ Hamashiga พวกเราใช้เวลาอยู่สักพักใหญ่ คุยกับคุณลุงเจ้าของโฮสต์ ลุงเป็นคนน่ารักมาก คุยภาษาอังกฤษได้ คุยไปคุยมา เอ้า !! ถูกคอลุง ลุงเลยหาร้านอาหารอร่อย ๆ จากเว็ป https://tabelog.com/en (เว็ปหาร้านอาหารที่ญี่ปุ่น เหมือน Wongnai ของไทยเรา)
แถมลุงแกทำโซบะที่ได้มาจากเมืองนางาซากิ พร้อมไก่ทอดและสาหร่ายให้เรากินด้วย ปิดด้วยชาอาลีซานจากไต้หวัน แค่นี้ก็เกรงใจลุงแล้ว แต่ .. ทีเด็ดอยู่ที่ พอกินอิ่มแล้วลุงบอก "เดี๋ยวพาไปดูกระชังปลาที่เลี้ยงไว้บนเกาะ พร้อมให้อาหารปลาได้ด้วยนะ !!" วันนี้ลุงว่าง จึงพาพวกเราไป (เห้ย คือแบบลุงดีเกินไปแล้วอะ เกรงใจจัง)
ลุงพาเรามาให้อาหารปลาบนเกาะ Yagaji Island ขับรถมาแปปเดียวจากบ้านของลุง แกทำงานเกี่ยวกับประมง ลุงเลยมีกระชังเลี้ยงปลาของตัวเองนาจา
คุณลุงผู้ใจดีและพี่ที่แสนน่ารัก ผู้ขับรถพาเราเดินทาง เที่ยวในโอกินาวา
ถึงกระชังของลุงแล้วจ้า
ถ้วยอาหารที่จะให้น้องปลา
ลุงเลี้ยงทั้งปลา หอย เยอะเหมือนกันนะ แกเลี้ยงเอาไว้ให้โตก่อน แล้วค่อยขาย
ก่อนกลับ เราขอบคุณลุงอีกรอบ แกบอกว่าฟังพวกเราพูดถึงประเทศไทย แกก็อยากลองไปเที่ยวเมืองไทยบ้าง ฮ่า ๆ ลุงบอกจะมาไทยแน่นอน
เกาะ Kouri Island
คราวนี้เราขับรถขึ้นไปทางเหนือของเกาะอีกนิด เป็นอีกเกาะนึงชื่อว่า Kouri Island แต่แค่ขับวน ๆ ไม่ได้จอดแวะข้างทาง (บนเกาะมีอาคารชมวิว ฝั่งเกาะ Yagaji Island ด้วยนะ ราคาเข้า ¥800)
ร้านไอศครีม Blue Seal
คราวนี้เลยขับรถกลับมาที่เมือง Nago กันต่อ เพราะจะกลับไปห้องพักบนช่วงกลางของเกาะโอกินาวา แอบแวะร้านไอศครีม Blue Seal (GPS : 26.57609, 127.98395) ข้าง ๆ ร้าน มีสะพานที่เป็นหินไว้ถ่ายรูปได้ด้วย วิวสวยใช้ได้เลย
วิวสะพาน หน้าร้าน Blue Seal เด้อ
Strawberry Milkshake Cheesecake ราคาประมาณ ¥400 อร่อยโคตร ๆ อะ ดับร้อนได้ดีมากกกก เต็ม 10 ไปเลยย
โลโก้ของร้าน Blue Seal มันคุ้น ๆ คล้าย Foremost ใช่มั้ย ? คือ จริง ๆ สมัยก่อนทาง Foremost อเมริกา ได้เข้ามาตั้งโรงงานไอศครีมที่ฐานทัพอเมริกาบนเกาะโอกินาวา ต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น Blue Seal พร้อมขยายสาขาไปทั่วเกาะโอกินาวาเลยแหละ
ผางวงช้าง (Cape Manzamo)
จากร้านไอศครีม Blue Seal สุดอร่อย ขับรถลงมาทางใต้ราว ๆ ครึ่ง ชม. ก็ถึง "Cape Manzamo หรือเรียกง่าย ๆ ว่า หน้าผางวงช้าง" ที่มันเป็นงวงช้า เพราะน้ำทะเลกัดเซาะส่วนตรงนั้นเป็นสัดส่วนงวงเช้าพอดีจ้า ถ้ามาเที่ยวช่วงพระอาทิตย์ตกดินจะสวยกว่านี้แหละ
จากหน้าผางวงช้าง ขับลงมาทางใต้อีกราว ๆ 45 นาที อีกจุดหมายหนึ่งในทริปของวันนี้ "หมู่บ้าน American Village"
แต่เราขับรถมาถึงเร็วไป แดดมันยังร้อน ๆ เลยแวะห้าง AEON MALL Okinawa Rycom เพื่อช๊อปปิ้งและรอเวลาช่วงเย็น
ห้างนี้อยู่ห่างออกไปจากหมู่บ้าน American Village ประมาณ 15 นาที ห้างนี้ใหญ่สุด ๆ อะ มีแทบจะทุกอย่าง ของกินก็เยอะ ร้านที่เซลล์ก็เต็มไปหมด แถมจอดรถง่าย สายช๊อปควรมาอย่างยิ่งเลยนาจา
American Village
ที่นี้เป็นสถานที่รวม Entertainment ที่ใหญ่มากที่สุดของโอกินาวา มีทั้งแหล่งช๊อปปิ้ง ร้านอาหาร โรงหนัง ตู้เกมส์ บาร์ แล้วก็อีกบลา ๆๆ เดินแทบทั้งวันก็ไม่น่าจะหมด รถบัสก็ขับมาถึงหมู่บ้านนี้ด้วยนะ รถรอบสุดท้าย 21.45 น.
เรามาทันช่วงแสงเย็นพอดี ที่นี้อยู่ติดทะเลฝั่งตะวันตกของเกาะ ประกอบกับวันนั้นฟ้าใสมาก เลยได้เห็นแสงเย็นที่สวยสุดที่หนึ่งในโอกินาว่า โชคดีมากกกก
แสงเย็นแบบนี้ ต้องขึ้นชิงช้าชมวิวเมือง Chatan ซักหน่อย ราคาแค่ ¥500 แต่ความสวยงามเอาไปเลย 10 เต็ม คนกลัวความสูงอาจจะตกใจนิด ๆ
แถวนี้มีที่พักดี ๆ เยอะเลยแหละ ใครมาเที่ยว เราแนะนำนอนแถวนี้เลย จะได้ไม่ต้องรีบกลับที่พักไกล ๆ เด้อ
วิวเมือง Chatan และ American Village ยามเย็น
แถม !! ที่ American Village มีหาด Sunset Beach เป็นหาดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดอีกมุมนึงของโอกินาวาเลยแหละ แถวนี้มีร้านอาหารนั่งดื่มชมวิวพระอาทิตย์ตกดินด้วยนะ หรือใครจะปิ้ง BBQ ข้าง ๆ ก็ได้ ชิลล์โคตรเลย สวยด้วย
ภาพนี้ถ้าไม่บอกว่ามาเที่ยวโอกินาวา ยังกะไปเที่ยวยุโรปแหน่ะ
เราว่าที่ American Village มีอะไรน่าสนใจเยอะมาก ๆ ทั้งห้าง ร้านขายของแนว ๆ ร้านอาหาร บาร์ ตู้เกม และอีกมากมาย พวกเราอยู่จนเพลิน หันไปมองนาฬิกาอีกที ก็เกือบ 4 ทุ่มแล้ว ขอลากลับห้องนอนก่อนละกัน ZZzz
การมาเที่ยวหมู่บ้าน American Village ขับรถมาเองสะดวกที่สุดนาจา
DAY 6 | Hamahiga Island > Henza Island > Miyagi Island > Ikei Island > Oodomari Beach > Cape Zanpa > เมือง Naha
เมื่อคืนขับรถมาจาก American Village ราว ๆ ครึ่งชั่วโมง มาที่พักของเราที่อยู่บนเกาะ Hamahiga Island ที่นี้เป็นบ้านทั้งหลัง นอนได้ 6 มี ห้องครัว เครื่องซักผ้า รวม ๆ โอเคเลยแหละ เราลองขับรถหาชายหาดสวย ๆ บนเกาะ "Hidden Beach" ที่อยู่ริมถนน จอดรถแล้วเดินไป 5 นาที (หาดแถวนี้เล่นน้ำได้นะ ไม่มีคนเลย ส่วนตัวมาก ๆ)
น้ำใสมาก ๆ เหมาะแก่การถ่ายรูปลง IG แบบชิค ๆ
เราขับรถเที่ยวเกาะขึ้นทางด้านบนเรื่อย ๆ ผ่านเกาะ Henza Island > Miyagi Island > Ikei Island
ตรงเกาะ Miyagi Island มีรถขายร้านน้ำแข็งใส จอดอยู่ริมหาด แนะนำให้แวะกิน เพราะน้ำแข็งใสอร่อย จอดถ่ายได้ง่าย วิวสวยมาก
หาด Oodomari Beach
จริง ๆ เราแวะเล่นน้ำที่หาด Oodomari Beach บนเกาะ Ikei Island ด้วย แต่ไม่ได้เอากล้องลงมาจากรถ หาด Oodomari Beach ต้องเสียค่าเข้าคนละ ¥500 น้ำใสมาก น่าเล่นเลยแหละ คล้าย ๆ ที่ภูเก็ตบ้านเรา มีไลฟ์การ์ด แล้วก็จัดระเบียบดีเลยแหละ คนไม่เยอะมาก จอดรถง่าย มีห้องอาบน้ำด้วย ^^'
Cape Zanpa
ออกจากเกาะ Hamahiga Island ฝั่งตะวันออกของทริป ขับรถมาฝั่งตะวันตกราว ๆ 1 ชม. มายังจุดหมายของเรา "Cape Zanpa" ที่นี้จะมีประภาคารสูง 99 ขั้น ไว้ชมวิวสวย ๆ ของแหลม Zanpa จากบนประภาคารได้เลย ราคาค่าเข้าแค่ ¥200 ปิด 17.00 น.จ้า
กลับเมือง Naha
สุดท้ายเรากลับเข้าเมือง Naha กัน แวะกินเกี๊ยวซ่ากับข้าวผัดในตัวเมือง ร้านนี้เรารู้สึกหอมไส้ของเกี๊ยวซ่ากว่าบ้านเรา มีทั้งแบบนึ่งและย่าง อร่อยเลย
อิ่มแล้วก็เราลองหา Hostel ในตัวเมือง Naha ดู จนมาเจอ Hostel Umikaji https://www.booking.com/hotel/jp/guesthouse-umikaji-naha.th.html
ที่นี่ใกล้สถานีรถ Kencho-mae และถนนคนเดินโคคุไซโดริด้วยจ้า ตกคืนละประมาณ 700 บาท/คน มีห้องเยอะมาก ๆ ขนาดกว้าง ไม่รู้สึกอึดอัด แถมสะอาดเลยแหละ จากนั้นเราก็เดินเล่นแถวถนนคนเดินแล้วก็กลับห้องจ้า
DAY 7 | ตลาดปลา Tomari Fish Market > ห้าง Duty Free "T GALLERIA BY DFS" > ถนนคนเดินโคคุไซโดริ (Kokusaidori Street) > กลับสนามบิน Okinawa
เช้าวันสุดท้าย เราลองหาตลาดปลาในเมืองโอกินาวา พอดีอยากกินแซลมอนสด ๆ เลยเจอ "ตลาดปลา Tomari Fish Market" (ถ้ามา แนะนำรถ Taxi ดีกว่า เพราะเดินไกลจากสถานีรถไฟมาก ๆ)
ตลาดปลา Tomari Fish Market
ตลาดปลา Tomari เป็นตลาดปลาริมท่าเรือที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของโอกินาวา โดยปลามากุโร่หรือทูน่า เป็นเมนูปลาขึ้นชื่อที่สุดของตลาด แถมราคาของปลาที่นี้ถูกและสดมาก มีให้เลือกซื้อหลายร้าน ซื้อแล้วหาที่นั่งกินในตลาดได้เลย
หมดนี้รู้สึก ¥600 เอง แซลมอนสดมาก ๆ อะ คือดีจริง ๆ อิ่มเลยจ้า
ห้าง T GALLERIA BY DFS
จากนั้นเรานั่งรถไฟไปห้าง"T GALLERIA BY DFS" เป็นห้าง Duty Free เน้น Brand name ที่สามารถซื้อสินค้าปลอดภาษีได้ในห้างเลย แต่การจะซื้อของแบบปลอดภาษีได้นั้น เราต้องมีไฟลท์บินออกจากโอกินาวาก่อน แล้วค่อยไปรับที่สนามบินตอนเช็คอินทีเดียวเลยนาจา (เหมือนซื้อของปลอดภาษีที่ King Power ซอยรางน้ำ กทม. บ้านเรานิแหละ)
ตอนเราไป มีของลดอยู่เยอะแยะ ทั้งของแบรนด์เนมในและนอกประเทศญี่ปุ่น ก่อนกลับสนามบิน เรามาเดิน ถนนคนเดินโคคุไซโดริ (Kokusaidori Street) อีกครั้ง แวะซื้อของฝากที่ร้านดองกี้ ที่คนไทยน่าจะรู้จักดีเลยแหละ ฮ่า ๆ
ที่สนามบินขาออกประเทศของสายการบิน Peach Air ไม่มีร้านซื้อของฝากน้า แวะซื้อในเมืองก่อนดีที่สุดเลย หาไรกินอีกรอบก่อนไปสนามบิน เพราะที่นู้นไม่มีของกินนาจา แนะนำกินมาให้อิ่มก่อนเลย
MOS Burger เป็นแฮมเบอร์เกอร์รสเผ็ดและแฮมเบอร์เกอร์ปลา รสชาติอร่อย อิ่มท้องได้นานเลยแฮะ
มื้อสุดท้ายเป็นข้าวหน้าเทมปุระ มีเทมปุระกุ้ง ผัก ไข่แล้วก็อีกบลา ๆ ร้านอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟ Kencho-Mae ติดทางแยก เซ็ทนี้ ¥800 เท่านั้น
เราขับรถจากเมือง Naha ราว ๆ 20 นาที เพื่อไปคืนรถที่เช่ามาจากบริษัท Time car rental สาขาสนามบิน ก่อนคืนรถ เราต้องเติมน้ำให้เต็มถังและเก็บบิลเอาไว้ให้พนักงานตรวจสอบด้วยนะครับ ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย จะมีรถตู้จากบริษัทรถเช่าไปส่งให้ถึงสนามบินเลย
ท้ายสุดนี้ โอกินาวาอาจจะเป็นเมืองเล็ก ๆ เดินทางด้วยขนส่งสาธารณะยากหน่อย เมื่อเทียบกับโตเกียวหรือเมืองใหญ่ ๆ ในญี่ปุ่น แต่ .. ด้วยความน่ารักของผู้คนที่นี้ อาหารอร่อย อากาศบริสุทธิ์ วิวทะเลสวย ธรรมชาติยังสมบูรณ์ ขับรถเที่ยวได้รอบเกาะ ใช้งบและเวลาไม่เยอะมาก ก็เที่ยวได้ครบทั้งเกาะ
"โอกินาวา" เลยเป็นอีกหนึ่งเมืองที่เราหลงรัก (มากกกก) เที่ยวสนุกไม่แพ้เมืองใหญ่ ๆ ในญี่ปุ่นเลย
เราขอยกให้เป็นหนึ่งในเมืองที่เราประทับใจที่สุดของการเดินทางเลย ทะเล ผู้คน ธรรมชาติ ของกิน
สุดท้ายนี้ ถ้าเพื่อน ๆ อยากมาพูดคุยหรืออยากให้เราทำทริปไหน ทักกันมาได้ Sunday Hopping ยินดีตอบทุกคนจ้า
สรุปค่าใช้จ่ายต่อคน
ค่าเดินทาง | ตั๋วเครื่องบิน | 3,600 บาท |
ค่าที่พัก | ที่พัก | 3,700 บาท |
ค่าเช่ารถ | 2,666 บาท | |
ค่าน้ำมัน | 800 บาท | |
อื่นๆ | อาหาร | 4,000 บาท |
รวมทั้งหมด | 14,766 บาท |
---|
ค่าเดินทาง | |
ตั๋วเครื่องบิน | 3,600 บาท |
ค่าที่พัก | |
ที่พัก | 3,700 บาท |
ค่าเช่ารถ | 2,666 บาท |
ค่าน้ำมัน | 800 บาท |
ค่าสถานที่ | |
อื่นๆ | |
อาหาร | 4,000 บาท |
รวมทั้งหมด | 14,766 บาท |
---|