• สายการบิน
  • ประสบการณ์ที่คุณจะได้รับ
  • เตรียมตัวก่อนเดินทาง
  • ที่พัก
  • รีวิวท่องเที่ยว
  • ของขึ้นชื่อประจำเมือง
  • สรุปค่าใช้จ่ายต่อคน
  • สรุปตารางท่องเที่ยว
3 วัน 2 คืน

รีวิว ทริปชมซากุระบานก่อนใครในญี่ปุ่น

วันที่เขียน 18/08/2020
ยอดเข้าชม

100

รีวิว ทริปชมซากุระบานก่อนใครในญี่ปุ่น

วันที่เขียน

18/08/2020

ยอดเข้าชม

100

#Okinawa

สายการบิน

Airlines

  • Peach Aviation
    Peach Aviation
    BKK
    02:00
    OKA
    09:00
  • Peach Aviation
    Peach Aviation
    OKA
    22:00
    BKK
    01:00

เตรียมตัวก่อนเดินทาง

แนะนำให้เตรียมเรื่องการวางแผนการท่องเที่ยวก่อนเป็นอันดับแรกเลยค่ะ ลองลิตส์ที่เที่ยวที่อยากไปคร่าวๆ ปักหมุดทิ้งไว้ใน Google maps แล้วค่อยร่างแพลนว่าจะเริ่มจากจุดใด หรือส่วนไหนไปส่วนไหนจะง่ายกว่าค่ะ พอเรารู้ที่หลักๆ ที่เราอยากไป เราก็ค่อยมาใส่ลิตส์ที่น่าสนใจเพิ่มเติมในตอนหลังจะเห็นภาพการทำแพลนการเดินทาง เรียงลำดับง่ายกว่าด้วยค่ะ

ครั้งนี้เป้าหมายหลักของพวกเราคือการมาหาซากุระ จุดที่คาดการณ์ว่าซากุระจะบานมากที่สุดที่ปราสาทนาคิจินซึ่งอยู่ตอนบนของโอกินาว่า ก็ปักหมุดไว้เป็นหลัก แล้วหาที่เที่ยวที่น่าสนใจมาเสริมไปเรื่อยๆ พอเห็นภาพแล้วเราก็ค่อยวางแพลนเที่ยวแบบไล่จากเกาะทางด้านล่างวนขึ้นด้านบน  ทุกอย่างจะง่ายขึ้นไม่ซับซ้อน เท่านี้พวกเราก็ขับรถเที่ยวรอบเกาะได้ชิลๆ เลยค่ะ


การเดินทาง

ที่นี่จริงๆในตัวเมืองนาฮะที่เป็นศุนย์กลางของโอกินาว่าเนี่ย จะมีขนส่งสาธารณะอำนวยความสะดวกทั้งรถเมล์และรถไฟฟ้าเลยที่จะแนะนำคือรถไฟฟ้าจะดีกว่าค่ะ เพราะที่นี่ราคาต่อครั้งที่นอกจากจะถูกมากๆ  

บัตร 1 Day pass เหมาะมากๆ สำหรับคนที่มาเที่ยวโอกินาว่าแบบไม่ได้เช่ารถ สามารถใช้บัตรนี้เที่ยวได้ตามสถานที่ท่องเที่ยวตลอดแนวรถไฟฟ้าในเมืองนาฮะได้เลย สามารถกดซื้อได้เลยตั้งแต่ต้นที่สถานีสนามบินได้เลย  


เช่ารถ

ด้วยความพิเศษของทริปเราในครั้งนี้ คือการตามหาซากุระบานก่อนภูมิภาคอื่นใดในญี่ปุ่น ก็เลยเช่ารถขับเที่ยวกันเองรอบเกาะ เพราะเหมาะและสะดวกเป็นอย่างยิ่งกับการเที่ยวในโอกินาว่า ถ้าเรามาเที่ยวกันเองแบบที่ไม่เช่ารถ เราก็จะเที่ยวได้น้อย อาจจะอยู่ได้ตามเส้นรถไฟฟ้าในเมือง อาจจะไม่ได้แวะพักตามจุดหรือแวะคาเฟ่ใดใดระหว่างทางมากนัก 

ค่าครองชีพในส่วนของการเดินทางการเช่ารถที่นี่ราคาถูกมาก ยิ่งเรามาเที่ยวกันเองแบบหลายคนและอยากเดินทางไปได้หลายๆ ที่รอบเกาะ การเช่ารถจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แถมพอหารกับเพื่อนแล้วมันคุ้มกับความสะดวกสบายจริงๆ ค่ะ 

เราเช่ารถกับทาง แอพลิเคชั่น Klook ในแอพจะมีให้เลือกจองเลยว่าจะจองกี่วัน รถกี่ที่นั่ง ราคาเท่าไหร่ รวมถึงรายละเอียดการรับการคืนรถ ขอชมเลยว่าดีมากกก ลงเครื่องปุ๊บเดินไปที่จุดนัดหมายก็จะมีคนมารอพาไปที่จุดรับรถอีกที ประทับใจในส่วนของการบริการมาก

ครั้งนี้เราไปกัน 3 วัน สมาชิก 6 คน จองรถแบบ 7 ที่นั่ง ค่าเช่าจะอยู่ที่ประมาณ 7,700 บาท หาร 6 คน ตกแล้วค่าเดินทางเราจะอยู่ที่คนละพันต้นๆ เท่านั้น (ทั้งนี้ราคาจะขึ้นอยู่กับค่าเงินและช่วงเทศกาลด้วยนะคะ ตอนเราไปเป็นไฮซีซัน)


Enjoy Pass

ก็ควรเป็นอย่างยิ่งนะคะสำหรับคนที่ไปเที่ยวเอง ซื้อผ่าน Klook ได้เช่นกันค่ะ เพราะบัตรนี้จะเป็นบัตรที่เป็นส่วนลดค่าเข้าชมที่เที่ยวต่างๆ แบบเข้าได้ถึง 4 ที่ โดยใน 4 ที่นี้เราก็สามารถเลือกได้เลยว่าจะไปที่ไหน 

รายละเอียดตามลิงก์นี้ได้เลยค่า https://www.klook.com/th/activity/8900-okinawa-main-island-enjoy-pass-okinawa/

บัตรนี้รวมถึงค่าเข้าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอกินาว่าซูราอุมิที่ควรไปด้วย โดยบัตรนี้มีอายุการใช้งานตั้งแต่วันแรกที่ไปรับที่สนามบิน ใช้ได้ถึง 5 วันด้วยกัน ตกประมาณคนละ 870 บาทเท่านั้น (คุ้ม แค่ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์สัตวน์น้ำก็คุ้มแล้วค่ะ) 

สภาพอากาศ

ช่วงที่เราไปจะยังอยู่ในหน้าหนาว แต่ที่นี่ด้วยความเป็นเกาะทางใต้มีอากาศที่อบอุ่นตลอดปี จะไม่ได้หนาวมากเท่าช่วงอื่นของญี่ปุ่น การแต่งกายเลยแนะนำว่าแต่งแบบปกติที่อยู่ไทยได้เลยค่ะ หรือโค้ทคลุมตัวเดียวได้อยู่นะคะ

ที่นี่สภาพอากาศที่นี่ค่อนข้างแปรปรวนเป็นประจำ บางวันร้อน สลับลมแรง บางวันสลับฝน เมฆครึ้ม การแต่งตัวที่ต้องเตรียมเป็นพิเศษในช่วงนี้ก็อาจจะเป็นเสื้อกันหนาวกันลม เสื้อกัน UV อะไรงี้ซักหน่อย 

ค่าครองชีพ

เอาจริงๆ เราว่าโอกินาว่าเป็นการเที่ยวญี่ปุ่นที่ ถูกมาก ! ขึ้นชื่อว่าญี่ปุ่นนี่คือต้องแพงแหละ ถ้าโซนโตเกียว โอซากานั่นคือโซนเศรษฐกิจเค้าเลย มันเลยอาจจะเป็นมาตรฐานที่แพง ค่าครองชีพสูง แต่ที่นี่เราว่าถูกกว่ากันแทบจะครึ่งต่อครึ่ง อาจจะสูงกว่าไทยนิดหน่อยแต่อยู่ในเกณฑ์ที่ราคาพอรับได้มากๆ ทั้งค่าอาหารการกินหรือของในซุปเปอร์ที่ว่าไม่แพงแล้วนั้น ค่าที่พัก ค่าเดินทางทั้งรถไฟและการเช่ารถส่วนตัวคือถูกกว่า ราคาดีมากๆ เหมาะกับการท่องเที่ยวจริงๆ

การจ่ายเงิน/บัตรเครดิต การจับจ่ายซื้อของสามารถแลกเงินสดมาจากไทยได้เลยค่ะ และร้านค้าส่วนใหญ่ที่นี่ก็รับบัตรเครดิต ถ้าใครมีบัตรเครดิต/เดบิต Travel card ก็สามารถใช้ได้เช่นกันค่ะ ไม่มีปัญหาค่ะ   

ภาษาที่ใช้

ที่นี่ผู้คนจะพอพูดภาษาอังกฤษได้ดี เพราะด้วยเป็นเมืองท่องเที่ยวด้วย ภาษาเลยไม่เป็นอุปสรรคในการสื่อสารมากนัก คนที่กลัวเรื่องการสื่อสารไม่ต้องกังวลไปนะคะ พูดได้นิดหน่อยแบบเรามาได้สบายมากเลย คนที่นี่เป็นมิตร น่ารักและใจดีกับนักท่องเที่ยวมากก สบายใจได้ค่ะ

ที่พัก

รีวิวท่องเที่ยว

โอกินาว่าคราวนี้ พิเศษกว่าทุกที เพราะคราวนี้เราจะพาทุกคนไปตามล่าหาซากุระสีชมพูที่บานก่อนใครประเทศญี่ปุ่น แถมยังเป็นซากุระที่มีดอกสีชมพูเข้มต่างจากที่อื่น (สายพันธุ์คันฮิซากุระ) เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งเฉพาะที่โอกินาว่าเท่านั้นด้วยนะคะซึ่งจะมีเป็นประจำทุกปีในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ เป็นช่วง Full blooming ถือว่าเป็นไฮซีซันของโอกินาว่าเลยล่ะ โดยวันที่เราไปกันคือช่วงวันที่ 15-17 กุมภาพันธ์ 

3 วัน 3 วันเท่านั้นสำหรับการไปเที่ยวญี่ปุ่นแบบที่เรียกว่าเที่ยวรอบเกาะก็ยังได้ ถ้าอยากรู้ว่าโอกินาว่ามันน่ารักน่าสนใจยังไง ตามมาดูกันเลย


DAY 1 | ออกเดินทาง

เราเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพฯด้วยรอบบิน ช่วงตี 2 ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง ก็จะถึงสนามบินกินาว่าเช้าตรู่พอดีค่ะ พอถึงสนามบินปุ๊บเราก็สามารถไปตรงจุดนัดรับรถ บริเวณด้านหน้าสนามบินตามที่ทาง Klook ได้แจ้งรายละเอียดการรับไว้ได้เลย จะมีรถและคนขับมารอรับพวกเราไปที่จุดรับรถอีกทีซึ่งอยู่ใกล้ๆกับสนามบินนี่เอง

หลังจากรับรถเช็ครถเสร็จเรียบร้อย เราก็วนกลับไปสนามบินอีกครั้งเพื่อรับบัตร Enjoy pass ที่สั่งซื้อไว้กับทาง Klook อีกเช่นเคย ที่จุดรับบัตรในอาคารผู้โดยสารในประเทศ ตามที่ทาง Klook แจ้งไว้ ทริปนี้เริ่มต้นได้สวยเป็นไปได้อย่างเรียบง่ายสะดวกสบายต้องยกความดีความชอบให้ Klook เลยจริงๆ หลังจากที่พักผ่อนมาอย่างเต็มอิ่ม เช้านี้รับรถเสร็จก็ไม่รอช้าที่จะออกลุยเที่ยวกันเลย


ตลาดปลาอิโตมัน (ITOMAN FISH MARKET)

กองทัพต้องเดินด้วยท้อง และไหนๆ ก็มาถึงแดนปลาดิบแหล่งวัตถุดิบชั้นดีอย่างญี่ปุ่นทั้งที ก็พลาดไม่ได้ที่จะไปตลาดปลากันค่ะ ตลาดปลาที่นี่จะมีหลายที่มาก แต่ที่เราเลือกจะไปกันนี้อยู่ไม่ไกลจากสนามบินเลย ใช้เวลาแปปเดียวก็ถึง และที่นี่โดดเด่นในเรื่องของอาหารปรุงสดใหม่พร้อมทาน ราคาไม่แพง มีของให้เลือกกินได้แบบจุใจไม่แพ้ที่อื่นเลยค่ะ

ซุปปู ล็อปสเตอร์ตัวใหญ่ หอยเซลล์อบเนยเด็ดมาก แนะนำเลยค่ะซื้อเสร็จก็เอามานั่งกินที่โต๊ะด้านหน้าได้เลย สะดวกมากๆ หลังจากนั้นเราไปต่อกันที่ ศาลเจ้านามิโนะอุเอะ Naminoue-gu Shrine


ศาลเจ้านามิโนะอุเอะ (Naminoue-gu Shrine)

มาโอกินาว่าทั้งที ก็ต้องมาไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยกันซักหน่อยดีมั้ยคะ ศาลเจ้าตรงนี้ควรมาเลย เป็นศาลเจ้าสีแดงตั้งอยู่บนเนินหินที่อยู่ติดกับชายหาด ยิ่งมองมาจากสะพานข้ามทะเลใกล้ๆยิ่งสวยมากก ที่นี่มีจำหน่ายเครื่องรางเล็กๆน้อยๆ ให้เป็นของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับไปด้วยนะคะ


หาดนามิโนะอุเอะ (Naminoue Beach)

ใกล้ๆ กันนี้เดินลงไปข้างศาลเจ้าเพียงนิดเดียว ก็จะมีหาดขึ้นชื่อที่มีชื่อเสียงของโอกินาว่าอย่าง หาดนามิโนะอุเอะ หาดเล็กแต่น่ารัก ที่คนโอกินาว่ามักจะมาทำกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเล่นน้ำ อาบแดด ปิกนิก จูงสัตว์เลี้ยงมาเดินเล่น ออกกำลังกาย เป็นจุดนัดพบและแน่นอนว่าเป็นจุดถ่ายรูปที่ดีจุดหนึ่งเลยทีเดียว  ที่นี่จะมีฟู้ดทรัคร้านอาหารต่างๆวนเวียนมาขายด้วย ไม่ว่าจะไอศรีม น้ำแข็งใส ฟาสฟู้ตเล็กๆน้อยๆ เติมสีสันให้หาดได้อย่าง น่ารักสมความเป็นหาดญี่ปุ่นเลยทีเดียว

เมื่อมาถึงโอกินาว่าทั้งที อย่าพลาดที่จะลองราเมงแบบฉบับของโอกินาว่าแท้ๆ ของขึ้นชื่อที่ควรกินเลยค่ะ แนะนำร้านราเมงตรงข้ามกับศาลเจ้าเลยค่ะ ร้านบ้านไม้หลังเล็กแต่รสโต สูตรดั้งเดิมจริงๆ มีร้านเดียวโดดๆหน้าศาลเจ้าเลย ทุกคนการันตีว่าอร่อยจริงๆ รสชาติซุปกระดูกหมูเข้มข้นแบบที่สุดรับรองว่ากินร้านนี้แล้วจะติดใจในรสชาติแบบลืมไม่ได้ !


ปราสาทซูริ (Shurijo Castle)

หลังจากนั้นเราจะไปต่อกันที่ ปราสาทซูริ Shurijo Castle ปราสาทมรดกโลก ปราสาทที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะโอกินาว่า เป็นสถานที่ที่ควรมาจริงๆ ถ้าไม่มา แปลว่ามาไม่ถึง! แต่น่าเสียดายจริงๆ ที่ก่อนหน้านี้ได้เกิดเหตุไฟไหม้เกิดขึ้น ทำให้ตอนนี้ปราสาทนี้เหลือเพียงซากปรักหักพังที่กำลังทำการบูรณะซ่อมแซ่ม แต่เชื่อเถอะว่าญี่ปุ่นจะทำให้เราได้ปราสาทหลังงามกลับมาอีกครั้งในเร็วๆ นี้แน่นอน แล้วเราจะกลับมาเยี่ยมชมความสวยงามนี้กันอีกครั้งให้ได้ 

นอกจากมาเยี่ยมชมปราสาทแล้ว บริเวณรอบๆยังสามารถเดินเล่นชมสวน ชมวิวเมืองโอกินาว่าได้แบบ 360 องศารอบๆกันไปเลยค่ะ เหมาะกับการเดินเล่นสูดอากาศดีๆชิลๆกันเสียเหลือเกิน 

เอาล่ะวันนี้วันแรกพวกเราเก็บไปได้ 4 สถานที่แล้วด้วยกัน ถัดจากนั้นเรามุ่งหน้าไปที่ที่พักของเราเพื่อเขแช็คอิน และพักผ่อนตามอัธยาสัย ด้วยความที่หน้าหนาวค่อนข้างจะมืดไว เราเลยเลือกที่จะไปช็อปของในร้านสะดวกซื้อ ร้านซุปเปอร์มาทำอาหารเย็น หม้อไฟอร่อยๆกินกันที่ที่พัก และพักผ่อนเอาใจตัวเองรอออกเที่ยวในวันถัดไปกันหน่อยดีกว่าค่ะ


Day 2 | ในวันอาทิตย์ที่ฝนโปรยปราย

ตื่นมาพร้อมกับสายฝนที่โปรยปรายลงมาอ่อนๆ วันนี้เลยเริ่มจากการทำอาหารเช้ากินกันอย่างง่ายๆ แล้วปรับแพลนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในร่มหลบฝนกันหน่อย ตอนนี้เรายังอยู่กันที่โซนล่างของเกาะ ไหนๆ ฝนก็ลงแล้ว เราเลยๆ ไปหาที่หลบฝนกันหน่อยที่ 


อาชิบิน่า เอาท์เลตมอลล์ โอกินาว่า (Okinawa Outlet Mall)

เริ่มต้นที่ Okinawa Outlet Ashibina เราแวะไปช๊อปสินค้าแบรนด์ดังมากมายในราคาสุดพิเศษ มีมาทุกแบรนด์ดังจริงๆ รวมถึงร้านอาหารต่างๆก็มีให้เลือกเพียบ อีกทั้งมุมถ่ายรูปก็ยังมีให้นักท่องเที่ยวร่วมแชะภาพกันรัวๆ รับรองว่าตรงนี้เป็นจะจุดละลายทรัพย์ของใครหลายๆ คนแน่นอนค่ะ


สวนสนุกโอกินาว่าเวิล์ด (Okinawa World)

ถัดจากนั้นที่เราจะไปใช้เวลาช่วงบ่ายกันคือ Okinawa World ที่เราเข้าได้ฟรีเลยเพราะใช้บัตร Enjoy Pass ได้เลยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม  (ราคาค่าเข้าปกติราวๆ 1,650¥) 

ที่นี่เป็นเหมือนสวนสนุกแหล่งรวม Workshop ต่างๆ ที่ตกแต่งด้วยรูปแบบวัฒนธรรมแบบโอกินาว่าทั้งหมด โดยจุดท่องเที่ยวหลักๆที่น่าสนใจในนี้คือ ถ้ำใต้ดินขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ 

ถ้ำเกียวคุเซนโดะ (Gyokusendo Cave) ที่สามารถเข้าเยี่ยมชมได้เป็นทางเดินระยะทางกว่า 850 เมตรในระยะทางจริงกว่า 5 กิโลเมตร มีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม กับแหล่งน้ำตามธรรมชาติสีฟ้าสวยตัดกับสีถ้ำ ให้ถ่ายรูปลงอินสตาแกรมกันอย่างสวยงาม 

นอกจากนี้ยังมี หมู่บ้านหัตถกรรม มีทำ workshop หลายอย่างไม่ว่าจะทำย้อมผ้า ทอผ้า ปั้นเซรามิก เป่าแก้ว วาดภาพ ชมการแสดงหรือจะเช่าชุดพื้นเมืองใส่ถ่ายรูปก็ย่อมได้ รวมไปถึงสวนสวยให้เข้าชมและพิพิธภัณฑ์งูอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีร้านจำหน่ายสินค้า ของฝากประจำโอกินาว่า ของที่ระลึกต่างๆ รวมถึงร้านอาหารอีกด้วยค่ะ ครบมาก ที่นี่เหมาะกับการมาเป็นครอบครัวมาก เพราะกิจกรรมให้ทำเพียบอยู่ได้เช้าจรดเย็นเลยค่ะ

ที่นี่เค้ามีน้องหมาพันธุ์พื้นเมืองของชาวริวกิน ในโอกินาว่าตัวจริงตัวเป็นๆให้แวะแชะรูปด้วยน๊า บรรยากาศภายในถ้ำ ที่นี่จะมีร้านกาแฟในถ้ำด้วยนะคะ ใครที่อยากลองประสบการณ์การดื่มกาในถ้ำ ภายใต้บรรยากาศแสงอ่อนๆไฟสลัวๆ ลองเลย แต่น่าเสียดายตอนเราไปคาเฟ่ดันปิดปรังปรุงพอดี ไว้โอกาสหน้าจะไม่พลาดไฮไลท์นี้เลย 


ถนนโคคุไซโดริ (Kokusai Dori Shopping Street)

หลังจากนั้นช่วงเย็น เราจะไปใช้เวลาเดินเล่นกันที่ ถนนโคคุไซโดริ Kokusai Dori Shopping Street ถนนคนเดินเส้นยาวที่มีเฉพาะเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น ราเลือกมาวันอาทิตย์เพราะวันอาทิตย์ถนนเส้นนี้จะถูกปิดไม่ให้รถเข้าค่ะ ถนนจะกลายเป็นลานกิจกรรม มีทั้งคนมาทำการแสดงโชว์เปิดหมวก มายากล เป็นลานวิ่งเล่นของเด็กๆ ยิ่งน่าเดินเข้าไปใหญ่เลย ที่นี่จะเป็นถนนเส้นยาวที่ทั้ง 2 ข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าทั้งร้านอาหาร และของฝาก ของที่ระลึก ร้านเสื้อผ้า มีครบทุกแนวเลยทีเดียว 

ทุกคนสามารถมาลองไอศครีมมะระกันได้ที่นี่เลยค่ะ หรือใครที่หาซื้อทรายดาว ทรายรูปดาวขึ้นชื่อของหาดจากโอกินาว่า ก็สามารถซื้อได้ที่นี่ ราคาไม่แพงไม่ต้องออกแรงไปตามหาเลย และของกินที่ขึ้นชื่ออีกอย่างคือสาหร่ายพวงองุ่น สดๆ กรุบๆ ก็มีให้เลือกซื้อค่ะ สิ่งพิเศษที่มาแนะนำในถนนเส้นนี้เพิ่มเติมคือ Calbee ที่ทำจากมันม่วงและมันแท้ๆจากโอกินาว่าค่ะ ทำสดใหม่ให้ลูกค้าได้ชมได้ซื้อทานเลย ต้องลองนะคะ รสชาติมันแท้ๆ อร่อยหยุดไม่อยู่ในแก้วเดียวกันเลย


ร้านไอศกรีม (Blue Seal Okinawa Ice Cream)

มาถึงโอกินาว่า ไฮไลท์เล็กๆที่สำคัญของเหล่าอินสตาแกรมอย่างเรา คือการกินไอศกรีม Blue Seal ชื่อดังของที่นี่และแชะรูปคู่นี่เอง เป็นสีสันการเติมความสดใสของทริปเลย ไอศรีมที่นี่จะหลายรส หลายสีสันให้เลือกชิมกันไม่ถูกเลยค่ะ มีรสทะเลให้เลือหชิมด้วยนะ ถ้าใครพลาดจากที่ถนนคนเดินก็ไม่ต้องเสียใจไปนะคะ ไอศครีมร้านนี้สามารถเจอได้แทบทุกที่ทุกมุมของเกาะเลย ยิ่งตามระหว่างทางจะมีร้านใหญ่ที่เป็นจุดพักรถให้แวะซื้อแวะถ่ายรูปคู่กับป้ายโลโก้ร้านอันยักษ์ด้วยน๊า  ใครจะดวกตรงไหน ลุยเลยค่ะ


ร้านสเต๊กเนื้อ (Steak House 88)

และอีกหนึ่งร้านแนะนำ ร้านสเต๊กเนื้อ Steak House 88 ร้านสเต๊กชื่อดังของโอกินาว่า ร้านเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในเส้นถนนคนเดินนี้นี่เอง ร้านจะตกแต่งในสไตล์ของร้านอาหารฝรั่งสมัยก่อน คลาสสิกมากๆ เอาจริงๆจะสามาถพบเจอร้านนี้ได้ทั่วเกาะตามสถานที่หลักๆเลยค่ะ ใครสะดวกแถวไหนอย่าลืมมาลิ้มลองความอร่อยของร้านนี้กันนะคะ


ที่พักแบบรถบ้าน (Woodpecker Nakijin)

เสร็จจากการช๊อปปิ้งที่ถนนคนเดินแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปสู่ที่พักของเราในคืนที่ 2 กันเลยดีกว่าค่ะ โดยที่พักของเราในคืนนี้จะขึ้นไปทางตอนเหนือของเกาะ เพื่อความสะดวกในการรอเที่ยวในตอนเหนือในวันพรุ่งนี้เลย และพิเศษคือ ที่พักของเราคืนนี้เป็นรถบ้าน เย่ เติมเต็มบรรยากาศการขับรถแบบ Road trip เทียวเองก็ต้องมีการนอนรถบ้านเข้ามาเพิ่มบรรยากาศกันนิดหนึ่งนะคะ 

ที่พักดีมาก ได้ใจไปเลยเต็มๆ ราคาต่อคนประมาณ 1,300 บาท รวมอาหารเช้าและของใช้ส่วนตัวให้อีกแบบทีว่าตัวเปล่ามาก็เข้าพักได้เลย มันดีมากก มาดูภาพที่พักเพิ่มเติมกันดีกว่าค่ะ 


บริเวณรอบๆ ที่พัก


บรรยากาศภายในที่พัก


Day 3 | วันจันทร์ที่หนาวเหน็บ

เชื่อแล้วค่ะว่าโอกินาว่าเค้าอากาศแปรปรวนเก่งเหลือเกิน วันแรกร้อนมาก วันที่ 2 ฝนตก และมาวันนี้ลมแรงหนาวกันจนทนแทบไม่ไหว 555 การเช็คพยากรณ์อากาศดูจะไม่ค่อยช่วยได้เท่าไหร่กับที่นี้ วันนี้ตื่นมากินอาหารเช้าที่ที่พัก ถ่ายรูปเล่นกันซักครู่แล้วถึงเริ่มออกเดินทางกันต่อ 


อควาเรี่ยม (Okinawa Churaumi Aquarium)

ที่แรกที่จะไปกันในวันนี้ก็คือ อควาเรี่ยม Okinawa Churaumi Aquarium ท่องโลกใต้น้ำมาดยี่ยมชมตู้ปลาขนาดยักษ์ และมาแชะรูปวาฬยักษ์ใหญ่ โชว์โลมาสุดน่ารัก ชมตัวเอกของอควาเรี่ยมด้วยตัวเอง นักท่องเที่ยวเยอะมากก รวมไปถึงคนโอกินาว่าเองก็เช่นกัน ทั้งบุคคลทั่วไปและนักเรียนตัวจิ๋วที่ดูเหมือนจะมาทัศนศึกษากันที่นี่ 

ปิดท้ายด้วยการซื้อของที่ระลึกสุดน่ารักที่ทางอควาเรี่ยมจัดทำไว้เอาใจนักท่องเที่ยวกันอย่างสุดๆ


คาเฟ่ (Okinawasun love)

ออกจากอควาเรี่ยมมาไม่ไกล ก็จะเจอกับคาเฟ่น่ารักๆ ระหว่างทางไปเกาะ Kouri อย่างคาเฟ่ Okinawasun คาเฟ่กำแพงสีพาสเทลชื่อดังที่คนไทยมักจะแวะเวียนมาแชะรูปและเช็คอินกันอยู่บ่อยๆ แต่โชคร้าย ร้านหยุดทุกวันจันทร์ ทางเราเองก็เลยทำได้เพียงแชะรูปหน้าร้านไว้เป็นที่ระลึก   


ชมซากุระบาน (Full blooming)

ถัดมาคือการไปต่อกันที่ ปราสาทนาคิจิน Nakijin Castle ไปชมปราสาทมรดกโลกและที่สำคัญ เราที่สำคัญไปกว่านั้นคือ พวกเราจะไปชมซากุระบานก่อนใครในญี่ปุ่นกันที่นี่กันค่ะ

เมื่อขับรถใกล้ถึงปราสาท จะเห็นได้ว่า สองข้างทางนั้นเริ่มมีซากุระบานประดับถนนเส้นยาวสวยอยู่บ้างแล้ว เย่ อดไม่ได้ที่จะจอดแชะรูประหว่างทางไว้เลยค่ะ อย่างที่บอกว่าซากุระที่นี่จะเป็นคนละสายพันธุ์กับซากุระที่อื่น ที่นี่จะมีสีชมพูเข้ม นอกจากจะบานก่อนใครในภูมิภาคอื่นแล้วนั้น ยังพบได้เฉพาะที่โอกินาว่าเท่านั้นด้วยนะคะ ตามพยากรณ์ในแต่ละปีจะมีคาบเวลา Full blooming ช่วงเดือน กุมภาพันธ์นะคะ 


ปราสาทนาคิจิน (Nakijin Castle)

ถ่ายรูปกันเพลินมากก ซากุระบานเรียงรายไปจนถึงปราสาทนาคิจินเลย ปีนี้คนโอกินาว่าบอกว่าซากุระบานช้าหน่อย แต่ความสวยงามทึ่เจอนั้นไม่ทำให้ผิดหวังเลยค่ะ


เกาะโคริ (Kouri Island)

ถัดจากการเดินชมความงาม แชะรูปเก็บโมเม้นดีๆกับซากุระแล้วนั้น เราก็ไปต่อกันที่อีกหนึ่งสถานที่ควรไปอย่าง เกาะ Kouri เกาะเล็กที่มีหาดทรายขาวสวยสบายตา สถานที่ท่องเที่ยวและคาเฟ่ดีๆ ริมทะเลมากมาย การขับรถข้ามสะพาน Kouri ไปยังเกาะ เป็นอีกไฮไลท์ที่สำคัญ วิวสะพานขาวทอดยาวสุดลูกหูลูกตาบนทะเลสีคราม เป็นวิวที่สร้างบรรยากาศที่ดีให้แก่การขับรถเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง เมื่อถึงที่เกาะก็จะมีจุดจอดรถให้ไปเดินชมวิวที่หาดทราย แชะรูปกับสะพาน และพักทานอาหารทะเล เมนูยอดฮิตอย่างกุ้งกระเทียมแสนอร่อย หรือจะเป็นไอศครีมเข้ากับบรรยากาศทะเล ได้ที่ร้านค้าละแวกชายหาดเลยค่ะ 


โขดหินรูปหัวใจ (Heart rock)

ถัดจากนั้นเราไปต่อกันที่ สถานที่ท่องเที่ยวขวัญใจคู่รักอย่าง Heart rock โขดหินรูปหัวใจ กันต่อเลยค่ะ จุดนี้นักท่องเที่ยวเยอะมาก ตอนเรามาเป็นช่วงที่น้ำขึ้น คลื่นลมแรง เลยไม่สามารถเดินไปถ่ายรูปใกล้ๆได้ แต่ถ้ามาในช่วงที่น้ำลง จะสามารถเดินลงหาดไปถ่ายรูปใกล้ๆได้เลยน๊า 


INN STUDIO (INN CAFEは閉店)

ออกมาไม่ไกล เราจะพบกับคาเฟ่สุดฮิปสเตอร์อย่าง Inn café คาเฟ่ดังขวัญใจนักท่องเที่ยว ทีเรียกได้ว่า มาโอกินาว่าทั้งจะพลาดที่นี่ไม่ได้เลย ซึ่งจริงมากก ชอบคาเฟ่ที่นี่มาก เป็นตึก 4 ชั้นริมทะเล ที่เน้นการตกแต่งในแต่ละชั้นที่แตกต่างกัน แน่นอนว่ามุมถ่ายรูปเยอะมากกก 

ที่นี่บังคับสั่งเครื่องดื่มคนละ 1 ดื่มนะคะ มีเมนูอาหารให้เลือกทานอีกนิดหน่อย จะอยู่นานแค่ไหนก็ได้ด้วย ชิลสุดๆ


ผางวงช้าง (Cape Manzamo)

ไปต่อกันที่ ผางวงช้าง (Cape Manzamo) ที่เมื่อมาโอกินาว่าทั้งที ต้องมาเช็คอินที่นี่ ไม่มาถือว่าผิด ! มาชมวิวทะเลกว้างกับผ้าที่น้ำเซาะเป็นรูปงวงช้างไฮไลท์ของที่นี่นั่นเอง 


ร้านของฝาก (Okashi Goten)

ออกมาไม่ไกลก็จะพบกับร้านของฝาก Okashi Goten ที่นี่จะรวมของฝากจากโอกินาว่าทุกชนิด ทุกแบบ ทุกสิ่งไว้ในร้านเดียวเลย เริ่ดมาก ที่พลาดไม่ได้เห็นจะเป็นทาร์ตมันม่วงนี่แหละค่ะ ของขึ้นชื่อที่มีแค่ที่โอกินาว่าเท่านั้นด้วยนะคะ


หมู่บ้านมิฮามะสไตล์อเมริกัน (Mihama American Village)

ปิดท้ายกันที่ Mihama American Village หมู่บ้านมิฮามะสไตล์อเมริกัน อเวนิวสุดชิคริมทะเล ที่มีซิกเนเจอร์คือชิงช้าสวรรค์ยักษ์ และรูปปั้นซีซานั่นเอง ที่นี่ตกแต่งสไตล์อเมริกัน สวยงามเข้ากันดีมาก มีร้านค้า ร้านอาหารดังๆ เยอะแยะมากมายให้เลือกทาน  บรรยากาศดีเหมาะกับการมาเดินเล่น นั่งชิลยามเย็นกันสุดๆ เสียดายที่หน้าหนาวมืดเร็วไปหน่อย ไม่อย่างนั้นทีมเราคงแชะรูปกันรัวกว่านี้แน่ 555

ตอนนี้ก็ถึงเวลา says goodbye กันแล้วค่ะ เมื่อเอารถไปคืนที่จุดรับรถ ก็จะมีรถไปส่งเราที่สนามบินอีกด้วย เลือกเวลากลับเป็นเที่ยวบินรอบหัวค่ำ จะได้ใช้เวลาเที่ยวอย่างคุ้มค่าให้สุดๆ กันไปเลย

3 วัน 2 คืน กับ กว่า 17 สถานทึ่ที่เต็มอิ่มจุใจกับที่นี่ หวังว่ารีวิวนี้จะล่อตาล่อใจทำให้เพื่อนๆ มาสนใจในเสน่ห์ของเกาะสวรรค์น้อยๆ อย่างโอกินาว่านี้กันบ้างน๊า

หวังว่าเกาะใต้ของญี่ปุ่นเกาะนี้จะกลายเป็นเป้าหมายในการท่องเที่ยวทริปถัดไปของทุกคนนะคะ แล้วเจอกันใหม่ที่โอกินาว่านะคะ   

ของขึ้นชื่อประจำเมือง

ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องมันม่วง ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากมันม่วงใดใดคือควรซื้อ ควรลอง  โดยเฉพาะ ทาร์ตมันม่วง มันม่วงอบกรอบ  ที่แนะนำเลยคือให้แวะไปเลือกช็อปเลือกชิมกันที่ร้านของฝาก Okashi Goten ได้เลยค่ะ  

ที่นี่จะรวมของฝากจากโอกินาว่าทุกชนิด ทุกแบบ ทุกสิ่งไว้ในร้านเดียวเลย เริ่ดมาก มีหลายพิกัดบนเกาะเลย สามารถเสิร์ชว่า Okashi Goten ได้ใน Google map เลย ลักษณะร้านจะเป็นอาคารสีแดงแบบนี้แบบเดียวกันเลยค่ะ อย่างสาขาที่เรามาคือจะอยู่ระหว่างทางใกล้ๆ กับผางวงช้างเลย หรือถ้าใครพลาดจากร้านของฝากนี้ ก็สามารถไปช๊อปกันอีกทีที่สนามบินได้เลย แต่คิดว่าราคาอาจจะสูงกว่าที่ร้านนิดหน่อยค่า

ของฝากรองลงมาแนะนำเป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับมะระ เพราะมะระก็เป็นของมีชื่อไม่แพ้กันเลยค่ะ มีไอศครีมมะระให้ลองด้วยนะคะ มะระอบกรอบต่างๆ หรือจะเป็น Coke ที่ขวดเป็นลายสถานที่เที่ยวโดยเฉพาะของกินาว่า ลิมิเต็ทเฉพาะที่นี่เท่านั้น หรือจะเป็นเบียร์ Okinawa ก็เริ่ด

สรุปค่าใช้จ่ายต่อคน

ค่าเดินทาง ตั๋วเครื่องบิน 4,740 บาท
ค่ารถ 1,300 บาท
ค่าที่พัก RAKU VILLA URUMA 600 บาท
Wood Pecker Nakijin 1,300 บาท
ค่าสถานที่ Enjoy Pass 870 บาท
อื่นๆ อาหาร 2,000 บาท
รวมทั้งหมด 10,810 บาท
ค่าเดินทาง
ตั๋วเครื่องบิน 4,740 บาท
ค่ารถ 1,300 บาท
ค่าที่พัก
RAKU VILLA URUMA 600 บาท
Wood Pecker Nakijin 1,300 บาท
ค่าสถานที่
Enjoy Pass 870 บาท
อื่นๆ
อาหาร 2,000 บาท
รวมทั้งหมด 10,810 บาท

สรุปตารางท่องเที่ยว