เป้าหมายใบไม้แดง ณ Kawaguchiko
ทะเลสาบคาวากุจิ (Kawaguchiko) ถือได้ว่าเป็นเส้นที่ใกล้กับภูเขาไฟฟูจิมากที่สุดจนเรียกได้ว่าเป็นประตูสู่ฟูจิ เป็นจุดชมความงามของภูเขาไฟฟูจิในหลากหลายวิว ซึ่งบริเวณทะเลสาบจะเน้นชมวิวแนวธรรมชาติ โดยการนั่งรถ Retro bus เพื่อที่จะชมวิวตามจุดสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆได้โดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ชมซากุระตามฤดูกาล ดูสวนดอกไม้ในหน้าร้อน หรือจะเลือกที่จะขึ้นกระเช้าไฟฟ้าชมวิวและล่องเรือในทะเลสาบคาวากุจิ
ภูเขาไฟฟูจิ (Mt.Fuji) ได้รับการลงทะเบียนเป็นมรดกโลก บ่อยครั้งที่ไปถึงแล้วจะเห็นภูเขาไฟได้ไม่ชัดเจน มีเมฆ หมอกปกคลุมตลอด ดังนั้นขอแนะนำว่า 1.ถ้าไปเช้าเย็นกลับเข้าโตเกียวอย่ากำหนดวันไปแน่นอน ดูพยากรณ์อากาศแบบวันต่อวัน ถ้าวันรุ่งขึ้นเป็นรูปพระอาทิตย์แจ่มใส ให้เตรียมตัวไปวันรุ่งขึ้น 2.ถ้ามีเวลาในการชมฟูจิ ประมาณสองถึงสามวันก็จะเป็นโอกาสที่ดีเพราะสามารถที่ชื่นชอบธรรมชาติทั้งเช้า สาย บ่าย เย็น ทริปนี้เกิดจากแค้นล้วนๆ ที่ได้ไปญี่ปุ่นถึงสองรอบในจุดที่ต้องเห็นภูเขาไฟฟูจิ (Mt.Fuji) แต่ผลที่ได้คือ เจอแต่หมอกล้วนๆ !!!
เลยหมายมั่นปั้นมือต้องเห็นให้ได้ เลยตั้งใจไปในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือใบไม้เปลี่ยนสีที่อากาศจะเริ่มจากร้อนค่อยๆ อุ่นและเย็นลงเรื่อยๆ ทำให้ตามภูเขาใบไม้จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแดงก่อน และไล่ตามลงมาที่ภาคพื้นนั่นเอง ไปดูกันว่าจะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิกันไม๊ในรอบที่ 3 นะครับ
วิธีการเดินทางจากสนามบินนาริโตะ (Narita Airport)
- รถไฟ Narita Express ขบวนพิเศษจะวิ่งยาวจากสนามบิน Narita ถึง Kawaguchiko **โดยมีวันละ 1 รอบเท่านั้นคือ** ขาไปจาก นาริตะ > Kawaguchiko = ขบวนที่ 8 ขากลับจาก Kawaguchiko > นาริตะ = ขบวนที่ 41
- รถไฟธรรมดา จากสนามบินนาริตะ > สถานี Shinjuku > Otsuki เปลี่ยนขบวนที่สถานี Otsuki > Kawaguchiko
- รถบัส จากสนามบินนาริตะไป Kawaguchiko โดยใช้เวลานั่งประมาณ 4 ชั่วโมง ซึ่งรถบัสมี 2 บริษัท คือ FUJIKYU กับ KEISEI
ถึงสนามบินนาริตะผ่าน ตม. มาก็เตรียมตัวขึ้นรถบัส ไปทะเลสาป Kawaguchiko ที่หลายคนชมว่าเห็นภูเขาไฟฟูจิได้สวยสุด
พอออกจาก ตม. มาก็จะเจอกับบริการขนส่งแบบต่างๆ ของญี่ปุ่น ใครจะขึ้นรถไฟ ขึ้นรถบัส ขึ้นเรือ เลือกซื้อตัวได้ตามใจเลย แต่สำหรับทริปนี้ด้วยความกลัวพลาด จึงจองตั๋วรถบัสจากเว็ปนี้ https://japanbusonline.com/en/AreaSearch2/3130000/4194301001/?gclid=EAIaIQobChMI6L_f_tfK1wIVQiQrCh0N-wm1EAAYAiAAEgLqwPD_BwE ใครสนใจจองตามได้เลย
เวลา 10:35 น. รถมาก่อนเวลาเล็กน้อยและออกโคตรตรงเวลาอีกด้วย ส่วนที่นั่งคนขับบอกเลือกนั่งได้ตามใจชอบแถมในรถมีห้องน้ำด้วยนะ ออกจากนาริตะ เวลา 10:35 น. จะถึงคาวากูจิโกะตอน 14:10 รถจอดแต่ป้ายสำคัญ สำคัญเท่านั้น ถ้าไม่มีคนลงก็ตรงยาวเลย
ถึงคาวากูจิโกะแล้วแต่จนแล้วจนรอดฝนก็ไม่หยุด ไปที่พักก็ไม่ถูกเพราะกะจะเดินเอา แต่ในเมื่อตกกันซะขนาดนี้ คงต้องขึ้นรถเมล์ซะแล้ว
ถ้าไม่มีเศษตังทำยังไง? ไม่ต้องห่วง รถเมล์ของเรามีที่แลกเหรียญ ยัดแบ้งคต์เข้าไปในช่องตาม คนขับบอก มันจะมีเหรียญหล่นลงมาตรงช่องส้มๆ เราก็โกยๆแล้วหยอดตามราคาไปที่ช่องใสๆด้านบน หรือมีบัตร เงินสดก็แปะได้เลย แต่ถ้ามี Pass ก็แค่โชว์
เก็บของเสร็จเริ่มเดินสำรวจ วันแรกก็เจอกับฝนเลย แต่แค่ฝนจิ๊บๆ หยุดบ้านนอกอย่างเราไม่ได้หรอก
หลังจากฝนถล่มอยู่ 2 วันฟ้าหลังฝนย่อมงานเสมอ ตี 5 ลุกจากที่พักซึ่งอยู่ใกล้ Kawaguchiko Music Forest Museum ข้ามถนนดิ่งเข้าทะเลสาปก็พบกับภาพนี้เลย
เดินไปไม่นานนักก็ถึง Sunnide resort ที่ขึ้นชื่อว่าสามารถชมฟูจิได้เต็มตายิ่งนัก แต่ก็จองยากยิ่งนักเช่นกัน 5555 เชื่อเถอะลองแว้ววว
กดรูปจนพอใจ ก็ออกสำรวจรอบๆ ทะเลสาป คาวากูจิโกะกันละ
จาก Sunnide resort เดินลงมาแถวอุโมงเมเปิ้ล จะได้วิวประมาณนี้
สีสรรมันช่างดีต่อใจยิ่งนัก
จากริมทะเลสาป ถ้าเดินตามคลองนี้ไปเรื่อยๆ ข้ามถนนไปจะพบกับอุโมงเมเปิ้ล ซึ่งจะเล่าให้ฟังในอัลบั้มหน้าน๊าาา
มาต่อกันที่ Kawaguchiko Ropeway
ตั๋วไปกลับ 800 เยน ใครสนใจจอง ตามลิงค์นี้เลยนะค๊าบบ
http://www.kachikachiyama-ropeway.com/th/
ว่ากันว่าถ้าใครมองฟูจิซังลอดผ่านหัวใจนี้ พร้อมอธิษฐานและเคาะระฆัง .... ความรักจะสมหวัง เฮ้ย จริงดิ งั้นอธิษฐานไปซักครึ่งชั่วโมงกันพลาด 555
ลงจากกระเช้ามาก็ดินเรียบทะเลสาป ไปเรื่อยๆ จนถึงสวนสาธารณะ Yagizaki Park
"ใบจิงโกะ" สีเหลืองเต็มสวนไปหมด
เดินกันพอหอมปากหอมคอก็ครบรอบ ดูเวลาเดี๋ยวเราจะข้ามสะพานไปรอถ่ายพระอาทิตย์ตกกันแถว Sunnide resort ที่เราไปมาเมื่อเช้าเนอะ อยากได้แบบไม่มีเมฆบังอะ
มุมนี้ชอบมากมันจะมีดอกหญ้าที่เวลาโดนลมฟุ้งมากระทบกับแสงแดดตอนเย็น โคตรสวยเลยวุ้ย แต่ถ่ายไม่ทัน โถ่เอ้ยย....ยยย
ตื่นมาต้อนรับแต่เช้าเป้าหมายวันนี้อยู่ที่ Oshino Hakkai หรือ บ้านน้ำใส วันนี้จะไม่พาเดินนะ เพราะมันไกล เราจะไปนั่งรถกันที่ Kawaguchiko station .... พร้อมแล้วตามมาเล้ยย
ใครที่จะมาเที่ยวที่ทะเลสาปคาวากูจิโกะ ไม่ว่าจะมาโดยรถบัส หรือ รถไฟ ก็ต้องลงที่สถานีนี้ทุกคน เพราะ มันจะเป็นศูนย์กลางที่ต้องมาต่อรถเที่ยวบริเวณนี้
มาขึ้นรถบัสที่ป้ายที่ 6 จากKawaguchiko station ไปลง Oshino Hakkai
หมู่บ้านโอชิโนะฮักไก (Oshino Hakkai) ประกอบด้วยบ่อน้ำ 8 บ่อบ่อน้ำทั้ง 8 นี้เป็นน้ำจากหิมะที่ละลายในช่วงฤดูร้อน ที่ไหลมาจากทางลาดใกล้ๆ ภูเขาไฟฟูจิผ่านหินลาวาที่มีรูพรุนอายุกว่า 80 ปี ทำให้น้ำใสสะอาดเป็นพิเศษ
เดินถัดมากลางหมู่บ้านอีกนิดคือบ่อที่ 8 บ่อนี้ใหญ่สุด และถ้าทัวร์มาถึงคนจะเยอะสุดด้วย 555
แบบกระป๋องก็มีนะ
ไม่ได้เข้าไปเพราะเป้าหมายจริงๆ จะอยู่ตรงข้ามกับที่นี่ เพียงแค่ข้ามถนนเท่านั้น ใครอยากรู้ว่ามันคืออะไร ข้อมูลตามลิงค์นี้น๊าา http://www.yamanashi-kankou.jp/foreign/thai/spot/p1_4524.html
รอถึงตอนมืด จนไฟเปิดพร้อมกับลมหนาวที่พัดมา
วันนี้จะเปลี่ยนที่นอนหลังจากเดินสำรวจฝั่งซ้ายจนทะลุปุโปร่งละ วันนี้จะย้ายไปสำรวจฝั่งขวาของทะเลสาป Kawaguchiko บ้างและวันนี้จะนอนที่ Fuji view hotel ที่มีหลายคนบอกว่าอยู่ที่นี่ก็ไม่ต้องไปดูใบไม้เปลี่ยนสีที่อื่นแว้ววว จริงรึ ? พร้อมแล้วเดินมารอรถที่ชานชาลาที่ 10 รถของทุกโรงแรมจะมาจอดรับลูกค้าที่ป้ายนี้
รถใช้เวลาวิ่งไม่ถึง 15 นาทีก็ถึงละ โว้ววสีสรรมันสวยสมใจ
รถใช้เวลาวิ่งไม่ถึง 15 นาทีก็ถึงละ โว้ววสีสรรมันสวยสมใจ
โผล่ไปดูนอกระเบียงก็ โว้ววว.....ฟูจิ สมใจผมแล้ว...วว
เดินชมใบไม้เปลี่ยนสีแค่ที่ในโรงแรม ก็ไม่ต้องไปไหนกันแล้วว
เดินมาก็เจอวัด วัดของญี่ปุ่นหลายวัดค่อนข้างอลังการมาก
เดินฝั่งขวาเสร็จไปฝั่งซ้ายบ้าง เลาะริมน้ำมาเรื่อยๆก็เจอกับเจ้านี่เลย Sakuya Bell of Love เขาให้สั่นระฆังแล้วอธิฐานความรักจะสมหวัง
จาก Sakuya Bell of Love เดินขึ้นไปเรื่อยๆ ก็สวยขึ้นเรื่อยๆ นึกถึงพี่น้องเหล่านักวิ่งและนักปั่นต้องชอบที่นี่แน่ๆ
ที่นี่เป็นเหมือนสวนสาธารณะ ใครอยากนั่งก็นั่ง อยากนอนก็นอน
วันนี้จะเก็บบรรยากาศดีๆ แบบนี้ให้เต็มที่ เพราะเป็นวันสุดท้ายของทริปนี้แล้ว พรุ่งนี้ก็ต้องกลับประเทศ กลับไปทำงานใช้หนี้กันต่อไป หวังว่าทุกคนคงจะเต็มอิ่มกับภาพที่ผมถ่ายมาให้ชมกันนะครับ