1 วัน 1 คืน

ไปกัน…คันไซ 🇯🇵 🚅

วันที่เขียน 20/04/2020
ยอดเข้าชม

128

ไปกัน…คันไซ 🇯🇵 🚅

วันที่เขียน

20/04/2020

ยอดเข้าชม

128

#Kyoto #Nara #ท่องเที่ยว

ไปกัน…คันไซ  🇯🇵 🚅

เดินทางเมื่อปี 2018 แต่เรานำกลับมาเขียนรวบรวมให้ใหม่นะ ดังนั้นอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงราคาค่าโดยสาร ค่าเข้า หรือรูปแบบของบัตรต่างๆ กันได้นะครับ 📌 

ทริปนี้ น า ย บ้ า เ ที่ ย ว ได้มีโอกาสเดินทางไป โอซาก้า 🇯🇵 (อีกแล้ว!!) อย่าพึ่งเบื่อกันนะ แหะๆ แต่การเดินทางครั้งนี้ต่างจากเดิมตรงที่ว่า เราอยากไปออกนอกเมืองทุกวัน โดยอยากจะไปเที่ยวเมืองอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ของภูมิภาคคันไซนี้บ้าง และเป็นเมืองที่เราสามารถไปเที่ยวแบบเช้า-เย็นกลับได้ พอมานั่งแผลนกันก็มีเมืองที่อยากจะไป ดังนี้ ฮิเมจิ (Himeji), โอคายาม่า (Okayama), คุระชิกิ (Kurashiki), คิโนซากิ ออนเซ็น (Kinosaki Onsen) และ นารา (Nara)   

ต่อไปเราก็ต้องมาหาพาสพิเศษที่สามารถครอบคลุมการเดินทางในทริปนี้ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด ซึ่งเราจะได้ข้อสรุปว่า เราต้องใช้ Kansai Wide Area Pass แบบ 5 วัน นั่นเอง เพราะค่าโดยสารในแต่ละเมืองมีราคาไป - กลับ รวมแล้วค่อนข้างสุดเลยทีเดียว เราเลยคิดว่าใช้พาสนี้น่าจะคุ้มและสะดวกมากที่สุดนะ  

🚅 Kansai Wide Area Pass เป็น Pass 🎫 สำหรับใครที่กำลังจะวางแผนไปเที่ยว ภูมิภาคคันไซ (Kansai) เช่น Osaka, Kyoto, Kobe, Nara, Okayama, Himeji ฯลฯ พอดีเราได้ใช้ Pass นี้พอดีเลยอยากจะมาแนะนำ KANSAI WIDE AREA PASS ของ JR West Rail ที่จะจำหน่ายให้เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอย่างเราๆ เท่านั้น

โดย WIDE AREA PASS PASS นี้สามารถนำไปแลกเป็นตั๋วโดยสารรถไฟ JR West ที่สามารถใช้ได้ทั้งรถไฟแบบ Shinkansen และ Limited Express ในส่วนของภูมิภาคคันไซ (Kansai) ได้โดยไม่จำกัดครั้งภายใน 5 วันติดกัน โดยเฉพาะนั่ง Sanyo Shinkansen ได้ทั้ง Nozomi และ Mizuho ด้วย (ซึ่ง Pass อื่นๆ มักจะไม่รวม)   

นอกจากนั้นยังรวมรถโดยสารประจำทาง West JR Bus ด้วยนั่นเอง และยังสามารถเริ่มใช้ตั้งแต่รถไฟด่วน Haruka จาก Kansai Airport (KIX) เข้าเมืองโอซาก้า (Osaka)ได้เลย ถ้าเราซื้อตั๋วรถไฟแบบทีละเที่ยวไปโดยไม่ได้ใช้พาสตัวนี้ รวมกันก็อาจจะแพงกว่า KANSAI WIDE AREA PASS หลายเท่าตัวเลยนะ  

📌 สามารถจอง JR Kansai WIDE Area Pass แบบ 5 วัน 🚅

(**รับที่สนามบินคันไซ) ผ่านทาง Klook และดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 

➡️ https://bit.ly/2PKPbTe


📌 สามารถชมตัวเต็มของรีวิวต่างๆ ได้ที่ 📌

📍 เดินทางง่ายๆ ไปกับ KANSAI WIDE AREA PASS ➡️https://bit.ly/2Tp0bIg

📍 ฮิเมจิ (Himeji) ➡️ https://bit.ly/38o0Rl8

📍 คุระชิกิ (Kurashiki) ➡️ https://bit.ly/2PNaDHb

📍 โอคายาม่า (Okayama) ➡️ https://bit.ly/2TEiO9J

📍 คิโนซากิ ออนเซ็น (Kinosaki Onsen) ➡️ https://bit.ly/39nkDP5

📍 ราเมงข้อสอบ อิจิรัน ราเมง (Ichiran Ramen) ➡️https://bit.ly/2Tn6ifW

📍 พาเที่ยวตลาดสด Kuromon Market ➡️ https://bit.ly/2TmAAiY 

📍 บุฟเฟ่เนื้อย่าง Yakiniku Rikimaru ➡️https://bit.ly/38l8fOh

📍 Osaka Toys Tour เอาใจสายโอตะคุ ➡️https://bit.ly/38oT8TS

📍 ดื่มแหลก…แถบคันไซ ➡️ https://bit.ly/2TF90MJ



📍 ชมรีวิวเดินทางง่ายๆ ไปกับ KANSAI WIDE AREA PASS ได้ที่

➡️ FB : https://bit.ly/2Tp0bIg

➡️ Pantip : https://bit.ly/2In4xcm 


📌 ชมรีวิวตัวเต็มของเมืองฮิเมจิ (Himeji) ได้ที่

➡️ FB : https://bit.ly/38o0Rl8

➡️ Pantip : https://bit.ly/2vDGYt1


📌 ชมรีวิวตัวเต็มของเมืองคุระชิกิ (Kurashiki) ได้ที่

➡️ FB : https://bit.ly/2PNaDHb

➡️ Pantip : https://bit.ly/2Tp7yPZ 

โดย Kansai Wide Area Pass ยังสามารถใช้เดินทางไปได้อีกหลายเมืองในเขตคันไซ เช่น


เมือง เกียวโต (Kyoto)

🚈 เดินทางโดย : JR สถานี Shin-Osaka นั่งรถไฟ Express Trains สาย Haruka หรือ Thunderbird แบบ Non-Reserved ไปลงที่สถานี Kyoto ราคา 1,210 เยน

🖱️ ชมรีวิวตัวเต็มของเมืองเกียวโต (Kyoto) ได้ที่ 

➡️ https://bit.ly/3arbGEC


เมือง อุจิ (Uji)

🚈 เดินทางโดย : รถไฟสถานีเกียวโต (Kyoto) โดยรถไฟ สาย JR Nara Line ลงสถานีอุจิ (Uji) โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ค่ารถไฟ 240 เยน

🖱️ ชมรีวิวตัวเต็มของเมืองอุจิ (Uji) ได้ที่ 

FB ➡️ https://bit.ly/38mrVBy

Pantip ➡️ https://bit.ly/2IhuWIK


เมือง นาระ (Nara)

🚈 เดินทางโดย : JR สถานี Osaka JR Yamatoji Rapid ลงที่สถานี Nara ราคา 800 เยน

🖱️ ชมรีวิวตัวเต็มของเมืองนาระ (Nara) ได้ที่ 

FB ➡️ https://bit.ly/38rVS2W

Pantip ➡️ https://bit.ly/39qOPcj


เมือง โกเบ (Kobe)

🚈 เดินทางโดย : JR สถานี Shin-Osaka นั่ง Sanyo Shinkansen ไปลงที่สถานี Shin-Kobe ราคา 1,500 เยน

🖱️ ชมรีวิวตัวเต็มของเมืองโกเบ (Kobe) ได้ที่ 

FB ➡️ https://bit.ly/2Tpw9Ef 

Pantip ➡️ https://bit.ly/39qUfDY


สนามบินคันไซ Kansai Airport (KIX)

🚈 เดินทางโดย : JR สถานี Tennoji นั่ง JR Kansai Airport Rapid Service ลงที่สถานี Kansai Airport ราคา 1,060 เยน

🖱️ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.westjr.co.jp/global/en/ticket/pass/kansai_wide

ทริปนี้เดินทางกันมาแบบ 3 หนุ่มเนื้อทอง ที่พักของเราเลยเลือกจองใน Booking.com ชื่อ Centrage Ark Ueshio ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากย่าน Namba เป็นอพาร์ทเม้นท์ที่ดูสะอาด กว้างขวาง มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วนดีนะ   

🍜 ร้าน อิจิรัน ราเมง (Ichiran Ramen) หรือ ร้านที่คนไทยรู้จักกันดีในนามว่า ราเมงข้อสอบ เป็นร้านราเมงที่มีคนต่อคิวยาวววว...ววว มากทุกวัน ซึ่งเป็นร้านราเมงที่เก่าแก่เปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1960 และขึ้นชื่อว่าอร่อยมากๆ มีรสชาติถูกปากคนไทยอย่างเรา เพราะสามารถเลือกระดับความเข้มข้ม และความเผ็ดของน้ำซุปได้ด้วยตัวเอง ในราคาที่ไม่แพงมาก ร้านนี้มีสาขาในญี่ปุ่นเกือบทั่วประเทศ ยกเว้นภูมิภาคฮอกไกโด จุดเด่นของราเมงข้อสอบ คือมีเมนูอาหารเพียงอย่างเดียว คือ ราเมงหมู (Tonkotsu Ramen) เท่านั้น  


📍 ชมรีวิวตัวเต็มของ 

ราเมงข้อสอบ อิจิรัน ราเมง (Ichiran Ramen) 🍜 ได้ที่

➡️ https://bit.ly/2Tn6ifW

ถ้าเป็นไปได้เราแนะนำให้ลองแวะไปชอปของกินต่างๆ ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ ที่พักของทุกคนดูนะ เพราะมันถูกมากกก....กกก เราแวะเกือบทุกวัน โดยเฉพาะทริปที่เราไปนั่นมีวันนึงพายุเข้า เราก็มาซื้อของไปตุนไว้ ซึ่งคุ้มมากๆ เลยละ  


📍 ชมรีวิวตัวเต็มของ ดื่มแหลก…แถบคันไซ ได้ที่

➡️ https://bit.ly/2TF90MJ


การซื้อ และ รับ KANSAI WIDE AREA PASS ง่ายๆ ดังนี้

  1. เราจะหาซื้อได้ตามเว็ปเอเจนซี่ในประเทศไทยทั่วไป เช่น HIS หรือ Japan All Pass เป็นต้น พอเราชำระเงินเรียบร้อยทางบริษัทเค้าจะส่งใบ MCO (Miscellaneous Charges Order) มาให้ก่อน
  2. จากนั้นเมื่อเราเดินทางถึงประเทศญี่ปุ่นแล้วให้นำใบ MCO พร้อมด้วย Passport ที่มีชื่อและนามสุกลเราตรงกันกับในใบนั้น ไปแลกเปลี่ยนเป็น KANSAI WIDE AREA PASS ที่ MCO Exchange Location ซึ่งตั้งอยู่ที่ Kansai Airport หรือ สถานีรถไฟ JR สถานีหลักๆ เช่น Kyoto, Shin-Osaka, Osaka, Sannomiya, Nara, Wakayama, Toyooka, Kinosaki Onsen, Fukuchiyama, Ayabe, Nishi-Maizuru, Higashi-Maizuru หรือ Okayama

📍 ชมรีวิวเดินทางง่ายๆ ไปกับ KANSAI WIDE AREA PASS ได้ที่

➡️ FB : https://bit.ly/2Tp0bIg

➡️ Pantip : https://bit.ly/2In4xcm

โดย Kansai Wide Area Pass เราต้องนั่งโบกี้ที่เป็นแบบ Non-Reserved 💺 หรือ แบบไม่สำรองที่นั่ง ให้ดูจากจอด้านข้างของโบกี้ของขบวนจะเขียนว่า Non-Reserved นั่นเอง เราไม่สามารถเข้าไปนั่งในส่วนของขบวนที่ Reserved ได้นะ เพราะเป็นที่สำหรับคนที่จองที่นั่งเอาไว้ ซึ่งในส่วนของ Non-Reserved แปลง่ายๆ ก็คือใครมาก่อนได้ก่อนนั่นเองแหละ ถ้าคนเต็มก็ต้องยืนสถานเดียวนะ แต่ส่วนใหญ่จะเต็มช่วงเย็นๆ เพราะคนจะโดยสารกันกลับบ้านนั่นเอง  

แนะนำว่าถ้าเราต้องเดินทางเช้ามาก และใช้เวลาในการเดินทางนานๆ เราสามารถซื้อ ข้าวกล่อง 🍱 ไปทานบนรถไฟได้ด้วยนะ ซึ่งมาให้เลือกซื้อตามสถานีรถไฟใหญ่ๆ หรือในรถไฟแบบด่วนพิเศษอีกด้วย

นั่งมาประมาณครึ่งชั่วโมงจาก Osaka ก็จะถึงสถานีฮิเมจิ (Himeji) แล้ว ให้หาป้ายทางออก Exit North ที่เขียนว่า Himeji Castle หรือ ปราสาทฮิเมจิ นั่นเอง  

🚈 เดินทางโดย JR สถานี Shin-Osaka นั่ง Sanyo Shinkansen ไปลงที่สถานี Himeji ราคา 3,220 เยน (ไป - กลับ 6,440 เยน)

ออกมาเราก็จะเห็น “ปราสาทฮิเมจิ” (Himeji Castle) อยู่ตรงหน้าเราเลย ซึ่งเราสามารถที่จะเดินเอาประมาณ 15 – 20 นาที หรือ ขึ้นรถไฟสาย Sanyo ไปลงที่สถานี Sanyo-Himeji ออกทาง Exit 1 ออกมาด้านหน้าแล้วเลี้ยวซ้ายเดินตรงไปประมาณ 1.2 กิโลเมตร จะเจอตัวปราสาทสีขาวเด่นแต่ไกล  


เมือง ฮิเมจิ (Himeji)

เป็นเมืองในจังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) ประเทศญี่ปุ่นตั้งอยู่ทางตอนใต้ ใกล้ๆ เมืองโกเบ (Kobe) และโอะกายามะ (Okayama) ด้วย และมีระยะทางจากโอซาก้า (Osaka) ประมาณ 100 กิโลเมตร สามารถเดินทางจากโอซาก้า (Osaka) มาเที่ยวที่เมืองฮิเมจินี้ แบบเช้า – เย็นกลับได้เลย 


ค่าเข้า

  • ผู้ใหญ่ 1,000 เยน (อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป)
  • นักเรียน 300 เยน (ระดับประถม มัธยมต้น และมัธยมปลาย)

** แต่ถ้าซื้อแบบตั๋วแบบรวมปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) กับ สวนโคโคเอ็น (Kokoen Garden)

  • ผู้ใหญ่จะแค่ 1,040 เยน
  • เด็กนักเรียนจะเหลือแค่ 360 เยน เท่านั้น

(ซึ่งสามารถไปซื้อได้ที่เคาน์เตอร์ด้านหน้าปราสาทได้เลยนะ)  


📌 ชมรีวิวตัวเต็มของเมืองฮิเมจิ (Himeji) ได้ที่

➡️ FB : https://bit.ly/38o0Rl8

➡️ Pantip : https://bit.ly/2vDGYt1 

เดินชมด้านในปราสาทจะใช้เวลาจากชั้น 1 ไปถึงชั้น 6 ประมาณ 35 นาที บันไดทางขึ้นในแต่ละชั้นค่อนข้างชันและลื่นพอสมควร ยังไงระมัดระวังกันด้วยนะ  


ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle)

เป็นสมบัติประจำชาติและมรดกโลก ที่มีประวัติศาสตร์มากว่า 400 ปี ด้วยสภาพเดิมของปราสาทที่ยังสมบูรณ์แบบที่สุดในญี่ปุ่นจึงได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกเป็นครั้งแรกของประเทศญี่ปุ่นในปี 1993 พื้นที่โดยรอบปราสาทเป็นสวนในแบบญี่ปุ่น ที่ถูกสร้างให้มีทิวทัศน์ที่งดงาม มีความสง่างามของปูนขาว จึงทำให้ที่แห่งนี้ถูกเรียกกันจนติดตามอีกว่า “ปราสาทนกกระยางขาว” หรือปราสาทสีขาว   


สวนโคโคเอ็น (Kokoen Garden)

ตั้งอยู่ภายในเมืองฮิเมจิ (Himeji) เป็นเมืองในจังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) นับว่าเป็นสวนสวยสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมแท้ๆ มีบรรยากาศสวนที่มีการตกแต่งสไตล์สมัยเอโดะให้เดินชมกันถึง 9 แบบ 9 สไตล์ที่แตกต่างกันไป ตรงกลางของสวนเป็นบ้านที่ขุนนางเคยอยู่อาศัยที่ในอดีตนั้นเคยเป็นบ้านพักของขุนนางนิชิ โอยาชิกิ (Nishi-Oyashiki) มาก่อน เพิ่งจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปชื่นชมความงามของสวนแห่งนี้ได้เมื่อซักประมาณปี ค.ศ. 1992 นี่เอง  

🎫 ค่าเข้าชม 300 เยน

🕐 เวลาเปิด - ปิด 9:00 - 18:00 น.

(กันยายน – กลางเมษายน 9:00 - 17:00 น.)

** เข้าชมรอบสุดท้ายก่อนเวลาปิด 30 นาที

วันปิดทำการ 28 - 30 ธันวาคมของทุกปี

ร้านนี้มีชื่อว่า Rikimaru เป็นร้านบุฟเฟ่เนื้อย่าง 🍖🥢

ที่คัดสรรเนื้อมาให้ชิมเป็นอย่างดี เนื้อมีหลากหลายส่วน หลากหลายประเภท ทั้งของคาว ของหวานแบบต้นฉบับญี่ปุ่น ชนิดอิ่มอร่อยจนต้องอยากกลับไปอีก  

📌 ชมรีวิวตัวเต็มของ บุฟเฟ่เนื้อย่าง Yakiniku Rikimaru ได้ที่

➡️ https://bit.ly/38l8fOh

📌 ตลาดสด Kuromon Market แห่งนี้ ตั้งอยู่เขต Chuo ใจกลางเมืองของโอซาก้า ติดกับสถานีรถไฟใต้ดิน Nippombashi เดินเพียง 2 นาทีถึง   

(สามารถเดินทางมาจาก Namba และ Dotombori ได้สะดวก อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจาก ย่านเครื่องใช้ไฟฟ้า Den Den Town อีกด้วย)

🚈 วิธีการเดินทาง

รถไฟใต้ดิน สาย Sennichimae Line ลงสถานี Nipponbashi ทางออก 5

📍 ตลาดสด Kuromon Ichiba หรือ Kuromon Market หรือเรียกง่ายๆ ว่า "ตลาดคุโรมง"

เป็นตลาดสดเก่าแก่ของโอซาก้า ที่มีอายุอานามกว่า 190 ปีแล้ว ตลาดแห่งมีชื่อเสียงถึงขนาดที่ ได้รับสมญานามว่าเป็น “ครัวของโอซาก้า" กันเลยทีเดียว ภายในมีร้านค้ามากกว่า 150 ร้านค้า ตลอดระยะทางกว่า 580 เมตร ในสมัยปลายยุคเมจิ มีชื่อเรียกเดิมว่า Emmeiji Market เนื่องจากว่าอยู่ใกล้กับวัด Emmeiji และตั้งอยู่บนพื้นที่ที่เคยเป็นประตูทางเข้าของวัด ที่เรียกว่า Kuromon แปลว่า ประตูดำ ต่อมาจึงกลายเป็นที่มาของชื่อตลาด ที่เรียกกันจนติดปากว่า Kuromon Ichiba นั่นเอง  


📌 ชมรีวิวตัวเต็มของ ตลาด Kuromon Market ได้ที่

➡️ https://bit.ly/2TmAAiY


📍 คุระชิกิ (Kurashiki) เป็นเมืองในจังหวัดโอกายามะ (Okayama)

เป็นเมืองที่ผสมผสานกันระหว่างแบบตะวันตกกับแบบญี่ปุ่น ที่เมืองเก่า Bikan Historical Quarter สมัยเอโดะ มีคลองคุระชิกิ (Kurashiki Canal) และมีความสำคัญในฐานะเขตอนุรักษ์กลุ่มโบราณสถานที่มีคุณค่า เป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าที่รุ่งเรืองในศตวรรษที่ 17 จึงทำให้อาคารบ้านเรือนดูโดดเด่น และมีลักษณะคล้ายกับเมืองโบราณนั่นเอง  


📌 ชมรีวิวตัวเต็มของเมืองคุระชิกิ (Kurashiki) ได้ที่

➡️ FB : https://bit.ly/2PNaDHb

➡️ Pantip : https://bit.ly/2Tp7yPZ

🚈 เดินทางโดย

  1. เดินทางโดย JR สถานี Shin-Osaka นั่ง Sanyo Shinkansen ไปลงที่สถานี Okayama โดยใช้เวลาประมาณ 50 นาที จากนั้นให้นั่งรถไฟ JR สาย Sanyo Line ไปลงที่สถานี Kurashiki โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที ราคา 5,830 เยน (ไป - กลับ 11,660 เยน)
  2. เดินทางจากโอกายามะ (Okayama) ไป คุระชิกิ (Kurashiki) โดย JR สาย Sanyo Line ลงสถานี Kurashiki ราคา 320 เยน โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที (ไป - กลับ 640 เยน)

📍 ห้าง Ario และ Mitsui Outlet Park 2 ห้างดังประจำเมืองคุระชิกิ โดยสาเหตุง่ายๆ จะเจอกับหน้าหอนาฬิกาประจำเมือง เดินเข้าห้างจากสะพานลอยคนข้ามที่เชื่อมกับทางออกของสถานี JR KURASHIKI ซึ่งเราสามารถเข้ามาช้อปปิ้งและทานข้าวกันได้ที่นี่เลย  

เราก็เดินตามป้ายโดยให้เราไปทางที่เขียนว่า Bikan Historical Quarter ซึ่งเป็นจัตุรัสเมืองเก่า อนุรักษ์มาตั้งแต่สมัยเอโดะที่มีอายุยาวนานกว่า 300 ปี ซึ่งเราสามารถเดินมายังจุดศูนย์กลางท่องเที่ยวของเมืองได้ง่ายๆ เพียง 10 -15 นาทีเท่านั้น  

เมื่อเดินมาถึงเราจะสังเกตเห็นง่ายๆ ทันทีเลยว่าที่นี่ต้องเป็นเขตเมืองอนุรักษ์แน่นอน เพราะอาคารบ้านเรือนดูโดดเด่น และมีลักษณะคล้ายกับเมืองโบราณแล้วอาคารเหล่านี้ในอดีตเคยใช้เป็นโกดังเก็บข้าวของเหล่าบรรดาพ่อค้าที่ร่ำรวยจากการทำธุรกิจค้าข้าวในยุคเอโดะนั่นเอง  

แม่น้ำคุระชิกิ ที่ไหลผ่านใจกลางเขตประวัติศาสตร์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถเพลิดเพลินกับการล่องเรือชมแม่น้ำได้ด้วยนะ  

ถ้าใครอยากลองแวะมาผ่อนคลายชมวิวอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ชิลล์ๆ จากบนเรือกัน โดยสามารถล่องเรือได้ตั้งแต่เวลา 9.30 น. - 17.00 น. โดยรอบละประมาณ 20 - 30 นาที ค่าโดยสารผู้ใหญ่ 500 เยน และเด็ก 250 เยน โดยสามารถซื้อตั๋วได้จากศูนย์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์คุระชิกิ  

พอเที่ยวชมเมืองคุระชิกิ (Kurashiki) เสร็จกันแล้ว เราก็จะเดินทางกลับไปยังเมืองโอกายามะ (Okayama) ในช่วงบ่ายๆ แต่ก็ดันนั่งรถผิดฝั่ง เผลองีบหลับไปกัน ตื่นมาก็เจอวิวแบบนี้ จะดีใจหรือเสียใจดีเนี่ยย...ยยย !! 555 ซึ่งการหลงหรือการนั่งรถผิด เราก็สามารถเจออะไรใหม่ๆ ได้เหมือนกันนะ อิจฉาคนที่อาศัยอยู่แถวนี้จริงๆ เลยละ  


โอคายาม่า (Okayama)

เป็นจังหวัดที่ใหญ่เป็นอันดับสองของภูมิภาคชูโกกุ (Chukoku)รองจากจังหวัดฮิโรชิม่า(Hiroshima) เป็นจุดศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญระหว่างส่วนอื่นๆ ของญ่ปุ่นกับภูมิภาคชิโกกุ (Shikoku) จังหวัดมีเมืองปราสาทย่อยๆ อีก 3 เมือง ในสมัยเอโดะ และได้รับการพัฒนาเรื่อยมา โดยมีนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่นที่โด่งดังไปทั่วโลก นั่นก็คือเรื่อง โมโมทาโร่ (Momotaro) ซึ่งจะเห็นได้ตามที่ต่างๆ ของเมืองนี้ด้วย  

ที่เมืองโอคายาม่า (Okayama) นี้เราสามารถใช้รถราง Okaden ที่มีให้บริการด้วยกัน 2 สาย คือ สาย Higashiyama Line และ สาย Sekibashi ในการเดินทางไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้ โดยจะจ่ายราคา 100 เยน ตลอดสายเลย ใครมาถึงเมืองนี้ก็น่าจะลองนั้งสักครั้งนะ  


📌 ชมรีวิวตัวเต็มของเมืองโอคายาม่า (Okayama) ได้ที่

➡️ FB : https://bit.ly/2TEiO9J

➡️ Pantip : https://bit.ly/2VLORY0

📍 ปราสาทโอคายาม่า (Okayama Castle หรือ Okayamajo) ปราสาทแห่งนี้จริงๆ แล้วมีฉายาที่หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินได้ฟังกันมาบ้างว่า “ปราสาทอีกา” ที่มาของชื่อนี้ก็มาจากสีดำที่ทาทั่วทั้งปราสาทนี่เอง เอาจริงๆ มันไม่ได้แลดูดำขนาดนั้นนะ แต่คงสีเข้มกว่าปราสาทอื่นๆ นั่นเองแหละมั้ง   

  ค่าเข้าชม : 300 เยน

** แต่เราไม่ได้เข้าไปนะ เพราะเวลาไม่พอนั้นเอง เสียใจ 😭


สวนโคราคุเอน (Okayama Korakuen Garden)

  ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 400 เยน

  เด็กประถม - มัธยมต้น 140 เยน

  เวลาเปิด - ปิด : 7:30 - 18:00 (ระหว่าง 20 มีนาคม ถึง 30 กันยายาน) และ 8:00 - 17:00 (ระหว่าง 1 ตุลาคม ถึง 19 มีนาคม)


สวนโคราคุเอน(Okayama Korakuen Garden)

นับว่าเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองโอคายาม่า (Okayama) ถ้ามายังเมืองนี้แล้วไม่แวะชมสวนนี้ล่ะก็ถือว่าพลาดมากๆ เลยนะ นั่นก็เพราะสวนโคราคุเอนนั้นเป็นสวยที่ได้รับการยกย่องว่างดงามติดอันดับ 1 ใน 3 สวนที่สวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยสวนแห่งนี้จะพื้นที่กว้างมากๆ และยังถูกตกแต่งแบบสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมแท้ๆ ที่ภายในสวนองค์ประกอบความเป็นญี่ปุ่นแน่นมากไม่ว่าจะเป็น สระน้ำขนาดใหญ่, ธารน้ำไหล, ทางเดินและเนินเขาสำหรับเป็นจุดชมสวน  

🚋 ค่าโดยสารรถรางจะอยู่ที่ 100 เยน ตลอดสายเลย พอเราอยากจะลงป้ายไหน ก็ให้กดกิ่ง แล้วจากนั้นก็ให้ไปลงประตูหน้า แล้วหยอดเงินลงในที่เก็บเงินแดงๆ ตรงข้างหลังคนขับนะ  


คิโนซากิ ออนเซ็น (Kinosaki Onsen)

เมืองออนเซ็นชื่อดังในแถบคันไซ (Kansai) ของประเทศญี่ปุ่น โดยตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดเฮียวโกะ (Hyogo) เมืองบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ มาครบทั้งเรื่องราวทางประวัติศาสตร์เก่าแก่ ซึ่งว่ากันว่ามีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 1,300 ปี  

🚈 เดินทางโดย

เดินทางโดย JR สถานี Osaka นั่ง Express Trains Kuroshio, Kounotori ลงที่สถานี Kinosaki Onsen ราคา 5,080 เยน (ไป - กลับ 10,160 เยน)

หน้าสถานีทำมีบ่อน้ำร้อนให้นั่งพักแช่เท้ากันด้วย สมกับเป็นเมืองแห่งบ่อออนเซ็นจริงๆ  


📌 ชมรีวิวตัวเต็มของเมืองคิโนซากิ ออนเซ็น (Kinosaki Onsen) ได้ที่

➡️ FB : https://bit.ly/39nkDP5

➡️ Pantip : https://bit.ly/3awRoK6

ภายในเมืองดูสงบเงียบเหมาะแก่การเดินเล่นจริงๆ มีร้านขนมและของฝากประจำเมืองขายอยู่มากมาย ใครที่สนใจซื้อไปฝากหรือซื้อไปทานเองก็ลองเลือกดูได้ครับ เน้นอาหารทะเลเป็นหลัก  

เดินชมบ้านเรือนแบบโบราณที่เป็นไม้หลังเก่าๆ และสะพานข้ามคลองอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมือง ที่ตั้งอยู่ตามทางเลียบคลองน้ำใสเส้นเล็กๆ ที่มีต้นหลิวเรียงรายมากมายตามถนน แค่นี้ก็ฟินสุดๆ แล้ว  

ภายในเมืองนี้จะมีบ่อน้ำร้อนทั้งหมด 7 แห่งด้วยกัน Ichinoyu ก็เป็น 1 ใน 7 บ่อน้ำร้อนในเมืองนี้เช่นกัน ซึ่งแต่ละบ่อก็จะมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ซึ่งเราไม่ได้ลองแช่นะ แอบเสียดายเหมือนกัน เพราะถ้ามาแช่ควรจะต้องค้างสักคืนดีกว่า แล้วเดินใส่ชุดยูกาตะมาเดินลองแช่น้ำในแต่บ่อออนเซ็น  

เดินกลับมาจากวัด ถ่ายรูปชิลล์ๆ กับบรรยากาศในเมืองไปเรื่อยๆ ถึงบ่ายแก่ๆ ท้องเราก็เริ่มหิว เลยหาร้านอาหารทานมือเที่ยงกันดีกว่า ซึ่งเราก็เล็งร้านนี้เอาไว้ตั้งแต่เช้าแล้วนั่นเอง ร้านนี้สังเกตง่ายๆ เลย เพราะจะมีปูตัวใหญ่เกาะอยู่ตรงป้ายหน้าร้านเลย เราก็จำชื่อเมนู กับราคาเมนู ด้านในจะเป็นตู้กดเหมือนร้านราเมง พอกดเมนูที่เราต้องการแล้วก็นำใบยื่นให้พนักงานร้านที่เคาท์เตอร์ รอเค้าเรียกก็ไปยกเมนูเรามาที่โต๊ะได้เลย    

เราสั่งเป็นข้าวหน้าปูกับไข่ปลาแซลม่อน มีหอยแบบซาชิมิ กับของทะเลทอด อร่อยเลยไม่ต้องถาม 🍚🦀🦪🦞