1 วัน 1 คืน

ไป นากาโน่ Nagano กับ นายบ้าเที่ยว

วันที่เขียน 03/12/2018
ยอดเข้าชม

202

ไป นากาโน่ Nagano กับ นายบ้าเที่ยว

วันที่เขียน

03/12/2018

ยอดเข้าชม

202

#Nagano #ท่องเที่ยว

ไป นากาโน่ Nagano กับ นายบ้าเที่ยว    

นากาโน่ (Nagano) เป็นเมืองหุบเขาที่อยู่ใจกลางญี่ปุ่น หรือภูมิภาคชูบุ (Chūbu Region) ที่ห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติ ป่าเขา และสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติหรือเชิงประวัติศาสตร์ ซึ่งครั้งนี้แอดมินเองก็มีโอกาสได้กลับมานากาโน่เป็นครั้งที่ 2 ในช่วง (เกือบจะ) ใบไม้เปลี่ยนสีนิด ๆ   

พอที่เรามีเพื่อนอยู่ที่นั่น ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีโอกาสมาที่เมือง มัตสึโมโต้ (Matsumoto) มาแล้วครั้งหนึ่ง เพื่อมาทำงาน และก็ได้ขึ้นไปบนปราสาทมัตสึโมโต้ (Matsumoto Castle) มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ครั้งนี้เราจะเที่ยวชมธรรมชาติ และชมไม้เปลี่ยนสีของที่นี่กันบ้าง   

ขอขอบคุณภาพและเนื้อหาของทริปนี้จากดีเจ Met สุดหล่ออย่าง DJ Sillyrabbit ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ 🙂


นากาโน่ (Nagano)

โดยทริปนี้ด้วยอากาศที่เย็น ๆ ราว ๆ 14 องศา และมีฝนบ้างประปราย ทำให้การเดินทางครั้งมีบรรยากาศเหงา ๆ ซักหน่อย และสถานที่ ๆ ไปอาจจะต้องเช่ารถ หรือ เดินทางออกนอกตัวเมืองไปบ้าง แต่จะมีที่ไหนบ้าง มาดูกันเลย

ด้วยอากาศที่เย็น ๆ ราว ๆ 14 องศา และมีฝนบ้างประปราย ทำให้การเดินทางครั้งมีบรรยากาศเหงา ๆ ซักหน่อย และสถานที่ ๆ ไปอาจจะต้องเช่ารถ หรือ เดินทางออกนอกตัวเมืองไปบ้าง แต่จะมีที่ไหนบ้าง มาดูกันเลยดีกว่า  

โดยเริ่มต้นด้วยการนั่งรถไฟชินกันเซน Asusa จากสถานีชินจูกุ (Shinjuku) เพื่อยิงยาวไปยังเมือง มัตสึโมโต้ (Matsumoto) ใช้เวลาประมาณเกือบ 3 ชม. พอดีแอดมีเพื่อนอยู่ที่นั่น ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีโอกาสมาที่เมือง มัตสึโมโต้ แล้วครั้งหนึ่ง เพื่อมาทำงาน และก็ได้ขึ้นไปบนปราสาทมัตสึโมโต้ มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ครั้งนี้เราจะเที่ยวชมธรรมชาติและใบไม้เปลี่ยนสีของที่นี่กันบ้าง  

เมื่อมาถึงมัตสึโมโต้ เพื่อนก็พาขับรถออกมานอกเมืองเพื่อมาดูทิวทัศน์ของเขื่อน Nagawado ที่กักเก็บน้ำจากทะเลสาบ Azusa ไว้ ซึ่งต้นไม้โดยรอบ ๆ ยังไม่เปลี่ยนสีสักเท่าไหร่นัก  

จอดรถแวะชมและถ่ายภาพ เขื่อนนากาวะโดะ (Nagawado Dam) เขื่อนขนาดใหญ่ในจังหวัดนากาโนะ  

เขื่อนนากาวะโดะ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1969 เพื่อใช้ในการเกษตรกรรมและป้องกันน้ำท่วม แอดแค่แวะถ่ายรูปสักแปปตามที่เพื่อนบอก แล้วเราก็ออกเดินทางกันต่อกันเลย  

ถึงแม้ว่าการเดินทางมาที่นากาโนจะเจอแต่ฝน แต่ก็ยังโชคดีบ้างที่วันสุดท้ายของการเดินทางมาที่นี่ยังได้เจอกับอากาศฤดูใบไม้ร่วงที่แจ่มใส  

วันรุ่งขึ้นเพื่อนก็พาไปที่ Narai Juku ที่เป็นถนนเก่าแก่มรดกโลก ที่อยู่ทางใต้ของเมืองมัตสึโมโต้ไปประมาณ 1 ชม. นิด ๆ อากาศช่วงที่ไปมีฝนตกปรอย ๆ ตลอดเวลา แล้วก็หนาวมากด้วย เพราะอุณภูมิลดลงถึง 10 องศาเลยทีเดียว แต่ก็ไม่สามารถลดความชิลล์ในการเดินเล่นในเมืองเก่ามรดกโลกแห่งนี้ได้  

ถนน Narai Juku เป็นถนนเส้นทางการค้าเก่าแก่ตั้งแต่ยุคเอโดะแล้ว ซึ่งทั้ง 2 ข้างทางจะเป็นร้านค้าสไตล์เก่า เป็นอาคารไม้แบบสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ทอดยาวประมาณกิโลกว่า ๆ ที่มีทั้งร้านค้าขายของกิน ของฝาก รวมไปถึงบ้านของตระกูลเก่าแก่ที่เปิดให้เข้าชม (แบบคิดตังค์)  

การเดินทางมาที่นี่ หากไม่ได้เช่ารถ หรือมาโดยรถยนต์แล้ว สามารถมาโดยรถไฟ JR ได้เหมือนกัน ด้วยการนั่งมาจากตัวเมืองนากาโน่ แล้วมาลงที่สถานี Narai ก็ได้ ใช้เวลาราว ๆ 1 ชม.  

ซึ่งบรรยากาศในวันที่มา ก็จะเงียบเหงาหน่อย เพราะมาวันธรรมดา แถมยังฝนตกอีกต่างหาก แต่ถึงแม้ว่านักท่องเที่ยวจะน้อย แต่เจ้าของร้านรวงต่าง ๆ ที่มักจะเป็นคนเฒ่าคนแก่ ก็ทักทายนักท่องเที่ยวอย่างยิ้มแย้ม พร้อมกับแนะนำของกินและขนมในละแวกให้กับนักท่องเที่ยวได้ไปแวะชิมกัน  

ทาสแมวว...วว (ยอมแล้ววว ❤)

เดินทางจากเมืองมัตสึโมโต้ มายังตัวเมืองของนากาโน ได้พักผ่อนแช่น้ำร้อน แล้วได้ไปเยี่ยมชมวัด Zenkoji (เซ็นโคจิ) โดยวัดนี้เป็นวัดโบราณที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดนากาโน่มานานกว่า 1,000 ปี  

โดยตัววัดสร้างจากไม้ และมีความเก่าแก่ที่ขลังมาก ๆ ที่นอกจากจะสามารถเยี่ยมชม และสักการะตามประสาของคนไทยแล้ว  

ประตูทางด้านหน้าของวัดที่มีชื่อว่า Sanmon (จริง ๆ คำว่า มง แปลว่าประตูอยู่แล้ว) สามารถขึ้นไปชมวิวด้านบนได้อีกด้วย (แต่ต้องจ่ายเงินเพิ่มนะ) ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่สำหรับการมาเที่ยว ที่ให้ความรู้สึกของความสงบ และความงดงามของพุทธศาสนาได้ดีเลยทีเดียว