สวัสดีครับ หลังจากพาไปเที่ยวMoscow กันเเล้วคราวนี้จะพามาเที่ยวSt Petersburg กันต่อ
โดยตอนนี้จะขอรีวิว3พระราชวังหลักของเมืองSt Petersburg นะครับ อันประกอบไปด้วย PETERHOF, CATHERINE PALACE และ HERMITAGE
สามารถย้อนอ่านรีวิว AUTUMN IN MOSCOW ได้ที่ Link นี้ครับ https://pantip.com/topic/39708095
ขอเริ่มที่เเรกที่ PETERHOF นะครับ สำหรับพระราชวังนี้จะตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองSt Petersburg ราวๆ30 กม ครับ การเดินทางที่นิยมๆกันคือนั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานีAvtovo เเล้วต่อรถมินิบัสไปครับ โดยตำเเหน่งที่จอดรถมินิบัสจะตามรูปด้านล่างเลยครับ
สำหรับตัวสถานีAvtovo นั้นสวยใช้ได้เลย ตรงเสากลางสถานีตอนเเรกผมเห็นในภาพนึกว่าเป็นโลหะดุนลาย เเต่พอมาดูของจริงจึงรุ้ว่าหุ้มด้วยเเก้ว สวยดีครับ
นั่งรถราวๆ40นาทีก็มาถึงPeterhofครับ โดยจากจุดจอดรถเราจะต้องเดินผ่านสวนขนาดใหญ่ กลางสวนมีบ่อน้ำเเละFontan Neptun โดยมีฉากหลังเป็นพระราชวังPeterhof ซึ่งบริเวณนี้จะยังไม่มีการเก็บค่าเข้าชมครับ
เมื่อเดินมาถึงตัววัง จะมีทางเข้าเเละจุดจำหน่ายตั๋ว โดยเเบ่งเป็นตั๋วเข้าชมสวนฝั่งที่ติดอ่าวฟินเเลนด์ เเละตั๋วเข้าชมพระราชวัง ซึ่งผมเเนะนำว่าให้จองตั๋วออนไลน์มาก่อนจะช่วยประหยัดเวลาได้เยอะครับ โดยจองได้ที่Link นี้ครับ
https://tickets.peterhofmuseum.ru/en/#id=82
เมื่อผ่านจุดตรวจตั๋วเข้ามา ผมเลือกเดินไปชมสวนเเละลานน้ำพุด้านล่างก่อน เพราะวันที่ผมไปเป็นวันสุดท้ายที่จะเปิดน้ำพุก่อนจะหยุดยาวช่วงฤดูหนาว สำหรับน้ำพุเเละน้ำตกของPeterhofนี้ จะเปิดปิดเป็นเวลา ตรงกึ่งกลางของพระราชวังจะเป็นตำเเหน่งของGrand Cascade ซึ่งเมื่อมองจากลานด้านบนจะเห็นไปถึงอ่าวฟินเเลนด์ ซึ่งถ้าใครมาเที่ยวPeterhof ทางเรือ จะขึ้นเรือที่ท่าตรงปากอ่าวนี้ครับ
ที่ด้านล่างของGrand Cascade จะมีน้ำพุ Samson Fountain ซึ่งเป็นสัญลักษณ์เเห่งชัยชนะที่Peter the great มีชัยในสงคราม Great Norther War อันยืดเยื้อกับสวีเดน ซึ่งรัสเซียได้ประกาศชัยชนะในวัน St Sampson's Day เเต่ตัวประติมากรรมSamson Fountain นี้เป็นของงจำลอง เพราะของจริงได้ถูกขโมยไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่2
ความก้าวหน้าอีกอย่างของน้ำพุที่นี่คือไม่มีการใช้ปั๊ม เเต่ใช้ระบบเเรงดันน้ำ เเสดงถึงความเก่งกาจของผู้ออกเเบบสวน
สวนด้านล่างของPeterhof จะออกเเนวสวนป่า ช่วงผมไปใบไม้กำลังร่วงได้ที่เลย เเทรกกับบ่อน้ำ เเละคอร์ทเล็กๆ เป็นระยะๆ ถ้ามีเวลาว่างมาเดินเล่นเพลินๆได้ครับ
หลัจากเดินชมสวนเเละน้ำตกจนพอใจเเล้วผมก็เดินย้อนไปที่ Grand Cascade เพื่อเข้าชมด้านในวังครับ
สำหรับพระราชวังPeterhof นี้ ได้ถูกสร้างตามคำสั่งของPeter the great เนื่องจากพระองค์มีความประทับใจในพระราชวังเเวซายน์ที่ฝรั่งเศสจึงได้สั่งให้สร้างวังที่มีความสวยงามอลังการไม่เเพ้กัน ณ ที่ปากอ่าวชานกรุงSt Petersburg โดยใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อนของกษัตริย์รัสเซีย รวมทั้งยังเป็นที่พำนักของรัชกาลที่5 ยามเมื่อพระองค์เสด็จประพาสรัสเซียตามคำเชิญของพระเจ้าซาร์ นิโคลัสที่ 2
การตกเเต่งภายในอลังการตามสไตล์บาโรค เเต่ในความเห็นผม ผมยังรู้สึกว่าที่Versailles หรือที่ Schonbrunn สวยกว่าครับ
พระราชวังที่2 ที่จะพาไปชมคือ Catherine Palace ซึ่งอยู่ชานเมือง St Petersburg เช่นกัน การเดินทางสามารถนั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานีMoskovskaya เเล้วต่อมินิบัสได้ตามภาพครับ
ไม่ไกลจากจุดขึ้นมินิบัส จะมีโบสถ์เล็กๆอยู่โบสถ์ที่น่ามาชมครับ ชื่อChesme Church ตัวโบสถ์ตั้งอยู่กลางลาน ภายในธรรมดา เเต่ภายนอกทาสีหวาน น่ารักดีครับ
นั่งมินิบัสมาราวๆ30นาทีก็มาถึงCatherine Palace ครับ โดยพระราชวังเเห่งนี้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมากดังนั้นคิวในการซื้อตั๋วเเละเข้าชมจะยาวมาก ดังนั้นผมเเนะนำให้จองล่วงหน้าผ่านเวปนี้ครับ
ซึ่งเมื่อมาถึง เราสามารถเดินไปยังจุดเเลกตั๋วออนไลน์ เเละเข้าได้ทางประตูข้างจุดเเลกตั๋ว สะดวกเเละเร็วมาก ไม่ต้องรอคิวเป็นชั่วโมงๆครับ
พระราชวังCatherine Palace ถูกสร้างขึ้นตามพระประสงค์ของจักรพรรดินี Elizabeth โดยตั้งชื่อวังตามพระมารดา (จักรพรรดินี Catherine I) ออกแบบโดย Francesco Bartolomeo Rastrelli คนเดียวกับที่ออกเเบบ Hermitage (Winter Palace) ซึ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง พระราชวังเเห่งนี้ได้ถูกโจมตีจนไม่เหลือสภาพ เพิ่งมาได้รับการบูรณะใหม่หลังสงครามสงบ ตามคำบอกเล่าดั้งเดิมนั้น เหล่ารูปปั้นคนเเบบกเสาจะหุ้มทอง เเต่ปัจจุบันเป็นเพียงปูนปั้นทาสี
จุดเเรกที่เข้ามา จะเจอThe Great Staircaseหรือโถงบันไดใหญ่ที่ตกเเต่งสไตล์ Rococo ที่ผนังมีเครื่องเคลือบประดับอยู่ ดูอลังการมาก
จากThe Great Staircase จะผ่านจัดเลี้ยงเล็กๆ ก่อนที่จะเข้าไปยัง The Great Hall
The Great Hall ของที่นี่สวยมากครับ ผนังทั้ง4 ด้านตกเเต่งด้วยเชิงเทียนสีทองที่ยึดกับกระจกเงาอีกที ทำให้สะท้อนกันไปมาสวยทีเดียว ส่วนเพดานจะมีภาพวาดขนาดใหญ่
ส่วนห้องนี้เป็นห้องของซาร์ Alexander I หลานของจักรพรรดินี Catherine The Great ผนังห้องประดับไปด้วยผ้าไหมที่วาดลวดลายในสไตล์จีน
เนื่องจากพระราชวังนี้เป็นที่อยู่ของกษัตริย์หลายพระองค์ ดังนั้นรูปแบบการตกเเต่งเเต่ละห้องจะมีความเเตกต่างตามพระราชนิยม อย่างภายนอกเเละโถงตกเเต่งสไตล์ บาโรคเเละโรโคโค่ตามพระราชนิยมของจักรพรรดินี Elizabeth เเต่พอมาที่ห้องทานข้าวห้องนี้จะตกเเต่งตในแบบ Neoclassic ตามพระราชนิยมของจักรพรรดินีCatherine II (หรือ Catherine The Great)
ภายในพระราชวังมีห้องให้ชมราวๆ20 ห้อง เเต่ละห้องสวยดี โดยเฉพาะห้องอำพันซึ่งผนังทุกด้านตกเเต่งด้วยอำพัน ในช่วงที่ผมไปห้องนี้ไม่อนุญาติให้ถ่ายรูปเเต่เ็นว่าปัจจุบันสามารถถ่ายรูปได้เเล้ว โดยรวมผมว่าภายในวังที่นี่สวยกว่า Peterhofครับ
โดยรอบของCatherine Palace จะมีอาคารต่างๆกระจายตัวกันไป ซึ่งในความเห็นผม ผมชอบสวนเเละบริเวณโดยรอบของที่นี่มากกว่าPeterhof
สวนรอบพระราชวังจะมีทะเลสาปเล็กๆอยู่ กลางทะเลสาปจะมีพาวิวเลียนตั้งอยู่ ริมฝั่งด้านหนึ่งจะเป็นที่ตั้งของTurkish bath pavilion
น่าเสียดายที่ตอนผมไปฝนตกตลอด เลยได้บรรยากาศเเบบหม่นๆมาให้ชมกันครับ
กลางสวนฝั่งตรงข้ามพระราชวัง จะเป็นที่ตั้งของ Hermitage Pavilion เเต่ตอนที่ผมไปดันปิดซะนี่ เลยไม่รู้ว่าภายในคืออะไร
มาที่พระราชวังอันสุดท้ายของกระทู้นี้ เเต่เป็นพระราชวังที่มใหญ่สุด เด่นสุด เต็มไปด้วยงานศิลป์ที่มีค่ามากที่สุดของSt Petersburg (อันที่จริงเเทบจะอันดับต้นๆของโลก) นั่นคือWinter Palace หรือ The State Hermitage ตัวพระราชวังตั้งอยู่ตรง Palace Square ติดเเม่น้ำNeva ตรงกลางPalace Square จะเป็นที่ตั้งของ Alexander Column ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อฉลองชัยชนะของพระเจ้าซาร์ Alexander I ที่มีต่อกองทัพฝรั่งเศสของนโปเลียน
ฝั่งตรงข้ามจะเป็นที่ตั้งของ General Staff Building แรกเริ่มเดิมทีเป็นศูนย์บัญชาการกองทัพรัสเซีย ปัจจุบั้นเป็นส่วนหนึ่งของState Hermitage Museum โดยจัดเเสดงงานศิลป์ในยุคImpressionist เเละ Modern
เดิมทีThe State Hermitageเป็นพระราชวังฤดูหนาวของกษัตริย์รัสเซีย เเต่ในปัจจุบันได้ถูกปรับให้เป็นพิพิธภัณฑ์ซึ่งจัดเเสดงงานศิลป์มากมายทั้งภาพเขียน รูปหล่อ รูปเเกะสลัก พรม ฯลฯ โดยเป็นของที่ตกทอดมาตั้งเเต่อดีต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคจักรพรรดินี Catherine The Great ได้ทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้เหล่าทูตไปกว้านซื้องานศิลป์จากทั่วยุโรปมาสะสมไว้เพื่อเเสดงบารมี เรียกได้ว่ามีขุนนางยุโรปคนไหนตกยาก ขายสินทรัพย์ พระองค์รับซื้อหมด จนปัจจุบันที่นี่มีงานศิลป์ระดับโลกเป็นจำนวนมาก ไล่มาทุกยุคทุกสมัย สิ่งที่จัดเเสดงมีราวๆ3ล้านชิ้นเลยทีเดียว
เเละเหมือนเคยครับ พิพิธภัณฑ์ระดับโลกเเบบนี้คิวต้องยาวเเน่นอน ผมเลยจัดการจองตั๋วล่วงหน้ามาก่อน ผ่านทางLink นี้ https://www.hermitageshop.org/tickets/ เเต่ถ้าใครลืมซื้อ ผมเเนะนำให้ไปซื้อที่ตู้ขายตั๋วเอาครับ คิวจะไม่ยาว เพราะคนไม่ค่อยรู้โดยตู้ขายตั๋วจะอยู่ตรงตำเเหน่งในภาพ
ผมขออธิบายคร่าวๆก่อนว่าตัวState Hermitage Museum นั้นใหญ่มาก โดยเกิดจากอาคาร5ส่วนเชื่อมกัน ซึ่งประกอบด้วย
- Winter Palace
- Small Hermitage
- New Hermitage
- Old Hermitage
- Theatre
ถามว่าจุดไหนสวยสุด สำคัญสุด เอาตรงๆตอบไม่ได้ครับ เเต่ละโซนล้วนมีไฮไลท์ทั้งนั้น ผมเเนะนำว่าให้เตรียมเวลาไว้สำหรับที่นี่ยาวๆไปเลย 1 วันครับ
ทางเข้าคนที่จองออนไลน์จะเข้าพิพิธภัณฑ์คนละฝั่งกับคนที่เข้าคิวซื้อ ซึ่งฝั่งนี้คนน้อยมาก การฝากโคทเเละกระเป๋าทำได้รวดเร็วสุดๆ
เมื่อเข้ามาในพิพิธภัณฑ์เเล้ว ผมเริ่มต้นจากส่วนWinter Palace ก่อน ซึ่งจุดเเรกที่จะเจอคือ Jordan Staircase ซึ่งเป็นโถงบันไดหลักของโซนนี้ สาเหตุที่เรียกว่าJordan Staircase เพราะบันได้นี้จะใช้เป็นบันไดที่ Tsar ใช้เดินเพื่อไปประกอบพิธีlessing of the Watersที่เเม่น้ำ Neva เปรียบเทียบกับพิธีเเบบติสของพระเยซูที่เเม่น้ำจอร์เเดน นอกจากนี้ยังใช้เป็นบันไดหลักในการจัดการต้อนรับเเขกบ้านเเขกเมืองมาตั้งเเต่อดีต
เมื่อเดินขึ้นมาที่ชั้นบนจะพบกับ Armorail Hall ซึ่งเป็นโถงที่ใช้ในการสันทนาการของสมาชิกราชวงศ์
เมื่อเดินทะลุประตูมาอีกฝั่งจะเจอ Military Gallery ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นการสดุดีเหล่าเเม่ทัพ นายทหาร332 คนที่ต่อสู้กับทัพของนโปเลียนในปี 1812
ถัดมาจะเป็นGrand Church ออกแบบโดย Francesco Rastrelli โบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์ที่ราชวงศ์โรมานอฟใช้ประกอบพิธีทางศาสนา เเละยังเป็นสถานที่จัดงานอภิเษกสมรสของTsar Nicholas II เเละ Princess Alix of Hesse-Darmstadt หรือที่มาเปลี่ยนชื่อเป็นพระราชินีAlexandra Feodorovna
ห้องอื่นๆในโซนWinter Palace จะจัดเเสดงสิ่งของต่างๆกันออกไปทั้งเครื่องเงิน เครื่องลงยา เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เเต่สำหรับผม ผมว่าโซนนี้ความสวยของห้องโดดเด่นไม่เเพ้ของที่จัดเเสดงเลยครับ
ห้อง Golden Drawing Room เอาตรงๆ ห้องนี้ไม่ได้ดูของโชว์เลย มัวเเต่ดูฝ้าเพดาน
ห้องMalachite จัดเเสดงข้าวของเครื่องใช้รวมถึงเสาเเละเตาผิงที่ทำจากมาลาไคท์ซึ่งเป็นหินเเร่สีเขียวหายากเเละมีค่า รวมทั้งยังเป็นหินที่มีความเชื่อว่าช่วยดูดสิ่งไม่ดีไม่ให้มากระทบกับคนที่อยู่ใกล้ได้ โดยห้องนี้เดิมใช้เป็นห้องพบปะของราชวงศ์ ก่อนที่จะเข้างาน
ส่วนห้องนี้เป็นการจำลองห้องสมุดของTsar Nicholas II มาให้ชมครับ
จากWinter Palace ผมเดินต่อไปยังSmall Hermitage ซึ่งระหว่างทางเชื่อมจะมีการจัดเเสดงพรมโบราณเต็ม2ข้างทางเดิน
ใส่วนขอในส่วนของSmall Hermitage จุดที่สวยจะเป็น Pavilion Hall ซึ่งห้องนี้สวยมาก ทั้งเเชนเดอเลีย ทั้งพื้นโมเสก เเละยังเป็นที่ตั้งของ Peacock Clock ซึ่งเป็นของขวัญที่จักรพรรดินี Catherine The Great ได้มาจาก Grigory Potemkin
ถัดจากPavilion Hall จะเจอโถงบันไดของ Small Hermitage ซึ่งตรงทางลงจะตั้งเเจกัน Malachite ขนาดใหญ่ไว้
ผมขอข้ามห้องเเสดงผลงานลีโอนาโด ดาวินชีไปนะครับ เพราะน่าจะมีรีวิวเยอะเเล้ว มาเดินชม Small Hermitage กันต่อดีกว่า โดยห้องต่อไปนี้คือห้องที่ผมชอบมากที่สุดในพิพิธภัณฑ์ นั่นคือRaphael Loggia ซึ่งเป็นโถงทางเดินที่จักรพรรดินี Catherine The Great สั่งให้สร้างเลียนเเบบโถงทางเดินในวาติกันมาไว้ที่นี่
โถงนี้สวยมาก ผมหยุดนั่งดูอยู่นาน รายละเอียดการเขียนสีทั้งผนังเเละเพดานสุดยอดเลยครับ ลงตัวทั้งโทนสีเเละลายเส้น
ถัดมาจะเจอห้องที่จัดเเสดงประติมากรรมหินอ่อนเเกะสลักซึ่งตัวห้องเพนท์ลวดลายได้สวยมาก เน้นสีหวานๆ ดูเเล้วสบายตา เข้ากับประติมากรรมที่จัดเเสดง
โซนNew Hermitage จะจัดเเสดงงานศิลป์ที่จักรพรรดินี Catherine The Great ให้ฑูตไปกว้านซื้อมาทั่วยุโรป งานของศิลปินระดับโลกมากมายจัดเเสดงไว้ที่นี่ไม่ว่าจะเป็น Caravaggio, Titian, Rembrandt, Canaletto เรียกได้ว่าเป็นคอเลคชั่นที่ยิ่งใหย่ไม่เเพ้Museum ดังๆทั่วโลกเลย
เมื่อลงมาชั้น 1 จะจัดเเสดงงานประติมากรรมหินอ่อนเช่นกัน เเต่โซนนี้จะคนน้อยหน่อยเพราะไม่ใช่ศิลปินชื่อดัง(เเต่งานก็ยังสวยนะครับ)
ผมใช้เวลาเดินในThe State Hermitage Museum ทั้งวันครับ อิ่มตาอิ่มใจมาก ใครที่เป็นคอประวัตศาสตร์ เเละงานศิลป์ ผมว่าที่นี่มีของจัดเเสดงไม่เเพ้ Lourve หรือ The Met เลย (ความจริงตั้งใจจะไปBritish Museum ปีนี้ เเต่ต้องยกเลิกเพราะไวรัสไปซะนี่) เผื่อเวลาไว้เยอะๆเลยครับ มัอะไรให้ดูเยอะจริงๆ เเละภายในMuseum ใกล้ๆJordan Staircase มีคาเฟ่อยู่ สามารถฝากท้องยามหิวได้ครับ
ขอจบกระทู้นี้ไว้ที่ภาพ The State Hermitage Museum ยามค่ำนะครับ ไว้กระทู้หน้าจะพาไปเที่ยวที่ต่างๆในSt Petersburgกันต่อครับ