เมืองซัปโปโรเป็นแหล่งผลิตเบียร์ที่เก่าแก่ที่สุดที่หนึ่งของญี่ปุ่น และเป็นยี่ห้อที่นิยมที่สุดในประเทศ ซึ่งมีการกลั่นเบียร์ตั้งแต่ ปี 1877 มาจนถึงปัจจุบัน และยังส่งออกไปทั่วโลกอีกด้วย
พิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโร (Sapporo Beer Museum) เดิมทีเคยเป็นของบริษัทนํ้าตาล Sapporo Sugar Company แต่เมื่อกิจการนํ้าตาลตกตํ่าลง จึงได้ขายให้กับทาง Sapporo Beer Company ในปี ค.ศ. 1903 เพื่อปรับปรุงเป็นโรงงานเบียร์แห่งที่สองของเบียร์ซัปโปโรตราดาวแดง (คนละดาวแดงกับอีกยี่ห้อของทางยุโรปนะ) และใช้ทำการผลิตอยู่จนถึงปี ค.ศ. 1965 ก็เปิดห้องแสดงเกี่ยวกับประวัติและเครื่องมือที่ใช้ในการผลิตเบียร์ขึ้น และในปี ค.ศ. 1987 ก็ปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์ว่าด้วยเรื่องราวของการทำเบียร์ (Beer Museum) หลังจากย้ายโรงงานไปผลิตที่อื่น ภายในจะแนะนำประวัติของเบียร์ในญี่ปุ่น และกระบวนการขั้นตอนการผลิตเบียร์ หลังนิทรรศการมีให้ลองชิมเบียร์ต่างๆ ของ Sapporo และ Yebisu ฟรี
ตึกถัดจากพิพิธภัณฑ์เป็นที่ตั้งของสวนเบียร์ซัปโปโร (Sapporo Beer Garden) ประกอบด้วยร้านอาหาร 2 ร้าน คือ Garden Grill และ Genghis Kan Hall มีบรรยากาศสบายๆ กับการดื่มเบียร์ และรับประทานบาร์บีคิวเนื้อแกะซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่นที่นิยม โดยมีทั้งแบบ Buffet และ A la carte
ค่าเข้าชม พิพิธภัณฑ์เบียร์ ฟรี !!
เวลาเปิด-ปิด 11:30 – 20:00 (เข้าชมรอบสุดท้าย 19:30)
ปิดทำการทุกวันจันทร์ (หากวันจันทร์เป็นวันหยุดราชการจะปิดในวันอังคาร)
วิธีการเดินทาง
เดินทางจากสถานี Sapporo Station โดย
- รถบัสหน้าห้างสรรพสินค้า Seibu ใกล้กับ Sapporo Station โดยสารรถบัส Loop 88 Factory Line bus (บัสออกทุกๆ 20 นาที ค่าใช้จ่ายเที่ยวเดียว 210 เยน)
- รถไฟใต้ดินสาย Toho Subway Line ลงสถานี Higashi-kuyakusho-mae ทางออก 4 เดินประมาณ 15 นาที
- แท็กซี่ ประมาณ 1,000 เยน
ขอบคุณข้อมูลจาก :
https://www.talonjapan.com/sapporo-beer-museum/
https://www.dplusguide.com/2015/sapporo-beer-museum
เดินมาจากใต้ดินสถานี Higashi-kuyakusho-mae ประมาณ 20 นาที กับระยะทางประมาณ 1 กม. (เราเดินมาตาม GPS ไกลพอตัวนะ) ก็จะเจอกับตึกอิฐแดงสไตล์ยุโรปเด่นอยู่กลางหิมะเลย
มาวันนี้ดีซะด้วย หิมะตกตลอดทาง สภาพอากาศไม่ดีเลยไม่ได้เดินเล่นบริเวณรอบๆ (เสียดายมากก..ก..กก)
เจอป้ายบอกทางไปทั้ง 2 ตึก คือ พิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโร (Sapporo Beer Museum) และ ลานเบียร์และร้านอาหาร (Sapporo Beer Garden)
วิธีซื้อเบียร์ให้เราจ่ายเงินที่ตู้หยอดเหรียญเลือกเมนูเบียร์เอง พอได้บัตรมาแล้วก็เอาไปยื่นที่เคานเตอร์ จะมีพนักงานสาวหน้าใสๆ คอยกดเบียร์ให้ แล้วเราก็ถือไปหาโต๊ะนั่งละเลียดฟองกันเอง เบียร์มีให้เลือกสามรส Black Label, Classic และ Kaitakushi แก้วละ 200 เยน แต่ถ้าใครอยากชิมมันทั้งสามรส ก็สามารถซื้อแบบถาดรวมสามแก้ว (ขนาดเล็ก) ในราคา 500 เยนได้
วันนี้คนค่อนข้างเยอะ อาจจะเพราะข้างนอกหิมะตกอยู่ คนเลยยังมีรีบออกไปกันนั่นเอง
ดีงามตามที่หวัง เบียร์ดีกับบรรยายกาศร้านสวยๆ ฟินน..นน
เดินมาอีกตึกนั่นคือส่วนของลานเบียร์และร้านอาหาร (Sapporo Beer Garden) นั่นเอง
ส่วนเบียร์ที่แนะนำสำหรับทานคู่กับปิ้งย่าง ทางร้านแนะนำเป็น Draft Beer
พนักงานจะนำถุงพลาสติกใหญ่ๆ มาใส่กระเป๋าและเสื้อหนาว เพื่อป้องกันกลิ่นติด บริการดีมากๆ
เราสั่งมาลองเป็น Chocolate Beer รสชาติของช็อคโกแลตเข้ากับเบียร์ได้ดี หอมดี
สำหรับปิ้งย่างแนะนำเวลามาเที่ยวฮอกไกโดแล้วพลาดไม่ได้ คือ เนื้อเจงกีสข่าน ซึ่งก็คือ เนื้อแกะ ซึ่งถือว่าเป็น Traditional Dish ของที่นี่ โดยเราเลือกแบบ Buffet เนื้อแกะทานไม่อั้น ราคา 2,900 เยน (รวมภาษี 3,132 เยน)
เนื้อแกะนุ่มอร่อย ไม่ค่อยมีกลิ่นของเนื้อแกะเท่าไร
พอจะโรยเกลือเท่านั้นวิญญาณของพี่ SaltBae ก็เข้าสิง (เดี๋ยวๆ เค้ายังไม่ตายโว้ยย…ยย) 555