Slow Life หยุดเวลาไว้ที่ลาว
ตอนที่ 0 เรื่องเล่า
พล่าม
เนื่องด้วย จขกท. มีภารกิจที่จะต้องไป Backpack ต่างประเทศกับเพื่อนๆอีก 4 ชีวิตไปที่ไหนดีล่ะ ที่ราคาถูก ภาษาอังกฤษง่อยๆ ก็ไปได้ เวลามีไม่เยอะ แต่ในใจมีที่ที่อยากจะไปเยอะเหลือเกิน ฝันเฟื่องไว้หลายวัน ญี่ปุ่นเอย เกาหลีเอย ยุโรปเอย ก็ต้องตื่นขึ้นมาพบกับ ความจริงนั่นคือเงิน และ เวลา 5555 ฝันตั้งไกล แต่ไปไม่ถึง สุดท้ายเลยมาจบที่ ลาววววววววววว ประเทศเพื่อนบ้านของเรานี่เองงงงง
ทำไมต้องลาวล่ะ??
- อ่านรีวิวแล้ว คิดว่าถูก(มั้ง) เมื่อเทียบกับการไปเที่ยวประเทศอื่น
- ด้วยระยะเวลาที่มีไม่มาก ระยะการเดินทางก็ไม่ควรจะไกลเกินไป
- พูดภาษาไทยได้ รอดตายแล้วเรา มีข้าวกินแล้วววว 55 (อันนี้ขอดอกจันรัวๆ) และเหตุผลอีก 108 ข้ออ้าง ฯลฯ
ระยะเวลา และ การเดินทาง
11 ตุลาคม 2557 – 13 ตุลาคม 2557 (รวมแล้ว 3 วัน 2 คืน) เวลาช่างสั้นยิ่งนัก สำหรับการใช้ชีวิต Slow Life ที่ลาว เดินทาง 1 ตื่น ก็หมดไปหมื่นวันแล้ว (เปรียบเปรย) เนื่องจากมีภารกิจอื่นรอเราอยู่ข้างหลัง เราจึงจำเป็นต้องเดินทางโดย เครื่องบินนนนน(เดินทางจากกรุงเทพฯ - อุดรธานี) เพื่อไปเก็บไอเทมให้ได้มากที่สุด Fast Fast กันเลยทีเดียว (แต่ความคุ้มค่ามันมีอยู่ ติดตามอ่านได้ในตอนถัดๆไป)
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด/คน
- ค่าเครื่องบิน กทม-อุดร 850 บาท
- ค่ารถลีมูซีน 180 บาท
- ค่าบัตรผ่านแดน 120 บาท
- ค่ารถข้ามแม่น้ำซองไปขนส่ง 20 บาท
- ค่าด่านขนส่ง 67 บาท
- ค่ารถจากขนส่งเข้าเมืองเวียงจันทร์ 80 บาท
- ค่าที่พักเวียงจันทร์ 240 บาท
- ค่ารถไปวังเวียง 120 บาท
- ที่พักวังเวียง 180 บาท
- ค่ารถไปบลูลากูน 80 บาท
- ค่ารถกลับเวียงจันทร์ 120 บาท
- ค่ารถจากลาวกลับอุดร 100 บาท
- ค่าแท็กซี่ไปสนามบิน 24 บาท
- ค่าเครื่องบินจาก อุดร กลับ กทม 1035 บาท
** ค่าใช้จ่ายจำเป็น รวมทั้งสิ้น 3216 บาท (ไม่นับค่าอาหาร) จริงๆเครื่องบินไม่จำเป็นก็ได้สำหรับกรณีไม่เร่งรีบ
*** ถ้าไม่ขึ้นเครื่องบินจะประหยัดค่าใช้จ่ายเหลือเพียง 1331 บาท //และคนมีพาสปอร์ตจะไม่เสียค่าบัตรผ่านแดน
- Ps.1 ค่าอาหารทั้งหมดที่เสียไปเพียงแค่ 630 บาท(ส่วนตัว) //ที่พักพร้อมอาหารเช้าฟรีเสมอ ยิ้ม
- Ps.2 ค่าจิปาถะ ขึ้นอยู่กับกิเลสส่วนบุคคล
- Ps.3 ที่พักมีครบทุกอย่าง แอร์ ทีวี ตู้เย็น น้ำอุ่น Wi-Fi อาหารเช้า รถรับส่ง และฝรั่ง (นั่นไม่เกี่ยว) 55
- Ps.4 มาลาว ต้องกินเบียร์ลาวนะ ไม่งั้นมาไม่ถึง
- Ps.5 รีวิวนี้อาจจะไม่ละเอียด แต่เราก็อยากจะมาแบ่งปันประสบการณ์เสี้ยวนึงที่อยากให้คุณๆทั้งหลาย ไปเก็บรายละเอียดเพิ่มเติมกันเองตาม
ความสนใจ เรื่องโชดดี-โชคร้าย และอะไรหลายๆ อย่างเหนือความคาดหมายเสมอ ไปเที่ยวกันเถอะ Go go go!!
อย่ากลัวว่าความไม่รู้จะทำให้คุณลำบาก การไม่ดิ้นรนต่างหากที่จะนำความลำบากมาสู่คุณ
ตอนที่ 1 เกือบจะลาวแล้ว
11 ตุลาคม 2557
ฤกษ์งาม ฝันดี จำเป็นต้องตื่นตี 3 ตี 4 เพื่อหนีประเทศไทย ไปเที่ยวยังลาว ดินแดนอันไกลโพ้นนน (เว่ออออร์) เราออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อที่จะได้มีเวลาเที่ยวเยอะๆ ดังนั้นไฟต์บินของเราจึงเป็นไฟต์บินแรกของวันเสาร์ (วันศุกร์ออกกลางคืนไม่ได้เพราะติดภารกิจอยู่ T_T) ไฟต์บินเวลา 05.50 น. เดินทางโดยสารการบินราคาประหยัด Lion Air สิงโตแดงคำรามเหนือน่านฟ้า ขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง 222 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวง สนามบิน เขต ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210 (ไม่ต้องขนาดนั้น) เดินทางจาก กรุงเทพมหานคร มุ่งสู่ อุดรธานี เมืองสาวงาม
โฆษณาสายการบิน โดยได้รับค่านายหน้าที่ 00.00 บาทถ้วน ใครสนใจเดินทางด้วยสายการบินนี้ คลิกที่ลิ้งค์นี้ได้เลย http://www.lionairthai.com/en/th
ตีแผ่ราคาค่าโดยสาร
- เครื่องบิน 850 บาท
- รถทัวร์ 790 บาท
- รถไฟ 0 บาท
Ps.1 มีรถทัวร์ตรงจากกรุงเทพ-เวียงจันทร์ ด้วยนะ
*** เงินซื้อเวลา ประโยคนี้ได้ถูกนำมาใช้ก็คราวนี้แหละ เปรียบเทียบความคุ้มทุนหลายๆอย่างแล้ว ยอมจ่ายแพงกว่า 60 บาทเพื่อย่นระยะเวลาจาก 8 ชั่วโมง เหลือ 1 ชั่วโมงเศษๆ ซึ่งเป็นการเสียเงินในราคาที่ยอมรับได้ จขกท. ยอม เพื่อจะได้มีเวลาเที่ยวเยอะๆ สำหรับกรณีการเดินทางโดยสารโดยรถไฟ จขกท. แนะนำสำหรับคนที่มีเวลาเที่ยวเยอะ และต้องการเซฟเงิน ควรเดินทางด้วยรถไฟ เพราะมีอะไรหลายๆอย่างที่เป็นเรื่องแปลกใหม่เพียบ คุณอาจจะได้รูปเจ๋งๆที่นั่นด้วย (รถไฟฟรีอยู่ที่เวลา 20.45) ไปให้ทัน จุดออกตัวมักตรงเวลา อย่าไปสาย (เคยตกรถไฟมาแล้ว เพราะคิดว่ามันสาย 555) แต่ที่การเดินทางใช้เวลานานเพราะมันสายจากการแวะพักสถานีต่อไป รถเสียเอย ฯลฯ ต่างหาก
07.00 น. ++ ล้อแตะรันเวย์ เครื่องบินก็เทผู้โดยสารลง (นั่นคนหรืออะไร?) เรามาถึงสนามบินอุดรธานีแล้ว กา ก๊า ก๊า ก๊า ก๊า ก๊า ก๊า ก๊า ก๊า ก๊า ก๊า เหมือนได้ยินเสียงกา ทำลายความเงียบ แต่ความจริงแล้วมันเงียบมากกกกกกกกก ก็มาตั้งแต่เช้าเอง (เซฟเวลา เดี๋ยวไม่มีเวลาเที่ยว) เห็นหมอกรำไร รายล้อมรอบสนามบิน กลิ่นหอมอบอวลของแมกไม้ นานาพันธุ์ (นี่มันใช่เวลาไหมมมมม เดินทางต่อสิ)
การเดินทางออกจากสนามบินมีอยู่ 2 วิธี คือ
- รถลีมูซีน ราคา 900 บาท (เหมาทั้งคัน)
- รถตู้ ราคา 150 บาท/คน
- มีสารถีมารับ 0 บาท
แพงงงงงงงงงงงเนอะ!!!
เมื่อทางเลือกมีไม่มากนัก เราจึงจำเป็นต้องหาทางเลือกที่ดีที่สุด เพื่อรักษาเงินในกระเป๋า ในเมื่อเรามากัน 5 คน 900 / 5 = 180 บาท เราต้องเสียเงินกันคนละ 180 บาท ถ้าเรานั่งรถลีมูซีน รถตู้ถูกกว่าอีก แต่ถ้าเรานั่งรถตู้ประมาณโดยเวลาแล้ว อีก 2 ชม เราน่าจะได้เดินทางออกจากสนามบิน ดังนั้นเพื่อเป็นการประหยัดเวลา ควรเสียแพงกว่าอีก 30 บาท (ค่าเครื่องบินก็จ่ายมาแล้ว แค่นี้ทำงก) และได้ความเป็นส่วนตัวแบบเหมาๆเราจึงเลือกเดินทางโดยรถลีมูซีน เพราะเราจะได้ออกเดินทางทันที เนื่องด้วยเวลาเช้ามาก ไม่ค่อยมีผู้โดยสารเดินทาง รถตู้ก็จะจอดแช่แข็งรถผู้โดยสารจนเต็มคัน ถึงจะออกจากที่หมายได้ -.-!! เราจึงโบกมือลารถตู้อย่างจำใจ แฮ แฮ แฮ
แต่ความเป็นจริงแล้ว...
รถเก๋งดีๆนี่เอง 5555 พี่คนขับเป็นคนลาวแท้ๆ (พูดไทยชัดมาก)
และเรากำลังเดินทางออกจากสนามบินอุดรธานี ไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองที่หนองคาย เพื่อข้ามพรมแดนไทย-ลาว
เวลาทำการด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคาย ไทย—ลาว
- วันจันทร์ – วันศุกร์ 08.30 – 16.30 น.
- วันเสาร์ – อาทิตย์ 06.00 – 22.00 น.
ใครที่เลือกเดินทางไปลาวแล้วต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองควรเช็ควันและเวลาที่ท่านเดินทางๆดีๆ เพราะไม่เช่นนั้น สมมติหากท่านเดินทางกลับไทยวันศุกร์ในเวลาเกิน 16.30 น. ท่านก็จะสามารถข้ามพรมแดนได้ ต้องติกแหงกอยู่ลาวอีก 1 คืนเป็นต้นไป เย่!!
ถาม: ทำไมไม่บินตรง ไทย-ลาว เลยล่ะ จะมาเสียเวลานั่งรถอีกต่อทำไม?
ตอบ: ไม่มีพาสปอตร์จ้า!!!!!! ตึง!!!
Ps. เหตุเกิดจากพาสปอร์ตหมดอายุ ทำใหม่ไม่ทัน เครื่องบินก็จองแล้ว เที่ยวก็จะไป ก็ไปแบบไม่มีพาสปอร์ตนี่แหละ 55
ห้ะๆ อะไรนะ ไม่มีพาสปอ์ตจะเที่ยวยังไงเนี่ย ข้ามแดนไม่ได้สิ เที่ยวข้ามเมืองไม่ได้สิ ฯลฯ
อยู่ๆพี่คนขับเขาก็บอกว่าเช้าๆเวลานี้ด่านยังเปิด แวะไปทานข้าวกันก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่เขาจะพาไป ถ้าไม่มาทานร้านนี้นะ เหมือนมาไม่ถึงอุดร
โหววววว!! ขนาดนั้นเลย ไปก็ไปพี่ (เรื่องกินนี่หูตั้งเลย)
และแล้วพี่ลีมูซีนก็พาเรามาถึงร้านคิงส์โอชา เขาว่ากันว่าเป็นร้านดังแห่งเมืองอุดรธานี อี อี อี!! ด้วยความหิวจึงเดินอย่างว่องไวไม่ได้ถ่ายรูปหน้าร้านเลย ขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วย เสริทลิ้งค์ให้แทนละกัน 55
https://www.facebook.com/RanKhingSXochaXaHarCheaEleaKheruxngDum
บรรยากาศภายในร้อน เอ้ย บรรยายกาศภายในร้าน
ถ่ายย้อนแสง ด้วยความเร็วแสง ขอภัย -/\-
ข้าวไข่เจียวหมูสับ
ขนมปังกรอบยัดไส้
โอวัลติน
ไข่กะทะ
สตู่ไก่อร่อยสุด เนื้อนุ่ม ละมุนลิ้น ชิมแล้วชิมอีก จนต้องแย่งของเพื่อนมา 555 (แต่ลืมถ่าย เห็นแก่กิน)
และแล้วเราก็มาดึงด่านตรวจคนเข้าเมืองไทย-ลาวสักที ใช้เวลาการเดินทางประมาณ ครึ่งชั่วโมง ไม่นับเวลาแวะพักกินข้าว เอาล่ะ ไม่มีพาสปอร์ต ก็ต้องทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราว เริ่มจาก
- ไปร้านถ่ายเอกสาร เพื่อถ่ายบัตรประชาชน (แท้จริงแล้วตรงนั้นคือที่ทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราว ลัดๆ ซุ่มๆ) ไม่ผิดกฏหมายนะ เพียงแค่ได้เร็ว เวลาจะถามคนที่ยืนแถวนั้น ห้ามถามที่ทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราว ให้ถามหาร้านถ่ายเอกสาร (จะอยู่ด้านซ้าย ใกล้ประตูทางเข้าเลย) จะเป็นตู้ขนาดเท่าป้อมยาม คนทำชอบทำน่าบึ้ง ให้ยื่นบัตรให้เขาเลย ไม่ต้องพูดอะไร เขารู้ๆกันเอง สนนราคาหนังสือผ่านแดนอยู่ที่ 120 บาท ก็คือค่าหนังสือ 100 ค่าถ่ายบัตรประชาร 20 บาท ที่นั่นค่าถ่ายเอกสารแพงมากกกกกกกกกกกกกก ไม่รู้ว่าโดนตีหัวแบะรึปล่าว แต่ไปถ่ายในลาวจุดอื่นๆ ก็เสีย 20 บาทเหมือนกันนะ ความจริงแล้วค่าบัตรผ่านแดนที่มารู้ทีหลังคือ 20 บาท แล้วเห็นในเว็บเขาบอกว่าอยู่ได้ 3 วัน 2 คืน ไอ้เราก็ไม่รู้นะว่าจริงไหม แต่สิ่งที่ได้มาคือมันสามารถอยู่ได้ 1 อาทิตย์
ขออนุญาตเซนเซอร์
2. ดำเนินการทำเรื่องบลาๆ ปั๊ม ติ๊ดๆ ให้หลุดพ้น เย่!!
Ps1. ตอนแรกว่าจะเหมารถตู้เที่ยว 3 วัน ราคาที่ได้มาก 8000 บาท พระเจ้า!! ไม่รู้ว่าในราคานี้คนอื่นคิดว่าถูกหรือแพง แต่สำหรับเราแล้วมันแพงไป เขาบอกว่าถ้าเช่าเหมารถตู้เขาเนี่ย เราไม่มีพาสปอร์ตด้วยไง ถ้าไปกับเขา เขาจะพาข้ามเมืองอื่นเอง จะคุยกับคนคุมด่านให้ รอดชัวร์ เพราะเราบอกเขาว่าจะไปวังเวียงด้วยไง แต่แพงไปเราเลยขอบาย
Ps2. ว่ากันว่าตามเว็บตามรีวิวต่างๆ เห็นกันมานักต่อนักว่าไม่มีพาสปอร์ตข้ามเมืองไม่ได้ จะได้แค่เวียงจันทร์ จะไปที่อื่นนี่หมดสิทธิ์ ถ้าลักลอบข้ามเมืองก็เสี่ยงนุ่นเสี่ยงนี่ หลายๆท่านก็บอกว่าอย่าเลย บางคนก็ยอมเสียเงินใต้โต๊ะแก่คนลาวที่แอบอ้างว่าถ้าจ่ายให้เขา เขาจะพาข้ามเมือง เราจะมาแถลงความจริงกันในตอนต่อๆไป คนลาวก็มีกลยุทธ์ไม่แพ้คนไทยนะครับบบบบ (จากต่างด้าวมือใหม่คนนี้เอง)
หลังจากเข้าห้องดำ ทำเรื่องเรียบร้อยแล้วก็ออกมาสู่โลกกลางแจ้ง เราก็เดินทางต่อด้วยรถเมล์ ที่จะพาเราข้ามสะพานแม่น้ำโขงไปยังฝั่งลาว (ใครจะเดินก็ได้นะ) จะว่าไกลก็ไม่ไกล จะว่าใกล้ก็ไม่ใกล้ ด้วยความที่ไม่เคยรู้ระยะทางว่ามันจะไกลสักแค่ไหน เราเลยนั่งรถเมล์ด้วยราคา 20 บาท ในรถเงียบมาก อย่าเสียงดังไปนะ 555 ภาพความชัดระดับ HD
ถึงด่านลาวแล้ว 5 นาที!!!!!!!! (นั่งรถมาทำไมฟะ) อ่อ แต่มันก็ร้อนนะ ร้อนมากกกกก วิวไม่สวยพอที่จะถ่ายรูปด้วย อยากจะหัวเราะงอหัวเข้าเสื้อสำหรับการที่เคยนั่งดูรูปผ่านเว็บต่างๆ ว่ามันสวยแค่ไหน สวยจนเก็บโทรศัพท์ยัดใส่กระเป๋าไว้อย่างดี อาเมน
ตอนที่ 2 ข้ามแดน
10.00 น. ++ -ขณะนี้อยู่ฝั่งลาวแล้วนะ ทำเรื่องมุ้งมิ้งงุ้งงิ้งนานจัง ลงจากรถเมล์ด้วยการอาการงง งง และงง นี่เรายังไม่หลุดจากด่านอีกเหรอ?
อ้อที่นี่คือหน้าด่านที่ต้องทำเรื่องหลังจากข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาวอีก ทำอะไรอีกหว่า อ้ออออทำตอนขั้นตอนด้วยการถามคนแถวนั้นเถอะ 55 ขั้นตอนแรกก็ซื้อบัตร ONE WAY TICKET 5 บาทมั้งถ้าจำไม่ผิด แต่ไม่แพง เอาพาสปอร์ต+หนังสือผ่านแดนรวมกันแล้วยื่นไปได้เลย ไม่ต้องยื่นทีละคน ถ้าไปกันเป็นหมู่คณะ จากนั้นก็ไปขอเอกสารเขียนข้อมูลส่วนตัวที่ช่องด้านซ้าย ในขั้นตอนต่างๆขณะดำเนินเรื่องผ่านแดน ไม่ควรถ่ายรูปนะ เขาห้ามถ่าย กรุณาอ่านป้ายด้วย ไม่งั้นระวังโดนซิว
ขั้นตอนต่อไปหลังจากหลุดพ้นมาจากเดินเรื่องต่างๆเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ไปแลกเงิน เราแลกเงินบาทไทยเป็นเงินกีบลาวจำนวนคนละ 1000 บาท ได้เงินลาวมา 241129 กีบ รววยแล้ว มีเงินเป็นแสน!!! 555 มาคิดค่าเงินกันดีกว่า 1 บาท เท่ากับ 245 กีบ (ดูยากเนอะ) มาคิดง่ายๆกันเลยดีกว่า ก็คือ ตัด 0 ออก 3 ตัว แล้วคูณด้วย 4 , ถ้ามีเศษเขาจะปัดขึ้น
Ex การคิดเงินลาวเป็นเงินไทย: 10,000 กีบ | ตัด 0 ออกก็เหลือ 10 | 10x4 =40 | นั่นก็คือ 10,000 กีบ = 40 บาท
ลองเล่นอัตราแลกเปลี่ยนตามเว็บนี้ดู http://th.coinmill.com/LAK_THB.html
ขั้นตอนสุดท้าย ออกจากหน้าด่านสิครับบบ รออะไรอยู่ 55 มีพี่ๆแท็กซี่ ตุ๊กเอย คนกันเองเอย ลากให้เราไปกับเขาอยู่มากมาย อย่าแพ้ลูกตื้อเขาล่ะ เขาจะตื้อแบบเนิบๆมาก ราคาเหมาแพงมากนะที่จะออกจากหน้าด่านและสุดท้ายเราก็ได้ต่อราคามาอยู่ที่ 400 บาท ตกคนละ 80 บาท ไม่มีถูกกว่านี้แล้ว (ถ้าใครสามารถเดินทางออกจากหน้าด่านได้ด้วยวิธีอื่น บอกต่อได้นะ) เจ้าอื่นอยู่ที่ 600-800 พวกเราก็เดินตามพี่เขามาโดยไม่รู้ชะตากรรมว่าจะได้นั่งรถประเภทใด555 แต่แล้วก็พบกับ....
ฮุนได!!! ไฉไลไหมล่ะ! 55
เราจะออกจากด่าน เพื่อมุ่งสู่ตัวเมืองเวียงจันทร์ เราให้พี่เขาไปส่งที่น้ำพุ น้ำพุคือเหมือนกับศูนย์กลางที่ใครๆที่นั่นต้องรู้จัก ทำเลมันดี ห้องพัก ร้านอาหาร ที่เช่ารถ ศูยน์รวมอะไรหลายๆอย่างอยู่ที่นั่น เราจึงคิดที่จะไปฝากเนื้อฝากตัวไว้กับโรงแรมแถวๆนั้น
Ps.1 รถอย่างดี แต่มีเสื่อปูที่พื้น OMG!! วัฒนธรรมลาวใช่หรือไม่?, รถราคาแค่ 9 แสนแหนะ เสียภาษี 1.5%
Ps.2 ระยะเดินทางจากชนส่ง มุ่งสู่ใจกลางเมืองเวียงจันทร์ใช้เวลา 42 นาที
ตอนที่ 3 ตะลุยกิน ถิ่นเวียงจันทร์
12.00 น. และแล้วเราก็มาถึงน้ำพุ ใจกลางเมืองเวียงจันทร์ (ไม่ได้ถ่าย) เดินหาที่พักวนรอบน้ำพุ เจอแต่แพงๆแฮะ จนมาพบกับ iHouse บ้านของฉันเอง (เหรออออออ) สนนราคาอยู่ที่ห้องละ 600 บาท ได้ทั้งห้องใหญ่และห้องเล็กราคาเท่ากัน คือเขาลดให้แล้วนะ ก็คือได้ทั้งชั้น เลยยยยย เพราะมันมีแค่ 2 ห้อง 555 ก็เปิด 2 ห้อง เสียไป 1200 บาท ตกคนละ 240 บาท ก็ถือว่าถูกนะ เพราะถ้าไปคนเดียวหาที่พักในราคา 240 คงเป็นเรื่องยาก แต่มันน่าจะมีอยู่มั้ง (ค่าครองชีพสูง) ใครสนใจก็ตามลิ้งค์นี้เลย http://www.booking.com/hotel/la/ihouse-new.th.html
ลืมถ่ายรูปด้านหน้าอีกแล้ว 555 (และข้างในด้วย) แต่ที่ไม่ลืม Wi-Fi เอารูป Wi-Fi ไปแทนละกันนะ (ถ่ายมุมย้อนเคาเตอร์ 55)
Ps.1 ที่ลาวเขานิยมตั้งรหัส Wi-Fi เป็นเบอร์โทรศัพท์ เราเลยมี Internet ใช้ตลอดทริป สบายแฮ
หลังจากเก็บสัมภาระเข้าที่ห้องเรียบร้อยเราก็มาเดินหาข้าวกิน ก็มาเจอกับร้านนี้ (เป็นมนุษย์ลืมถ่ายนอกร้านตลอด) อ่านชื่อร้านไม่ออกอะ ข้าวตู่? ข้าวคู่? ช้างคู่? แต่น่าจะเป็นช้างคู่มั้ง เจ้าของร้านเป็นชาวต่างชาติ ใจดีมากเลย ชวนเขาคุยเถอะแล้วจะได้รู้อะไรหลายๆอย่าง ทำให้รู้ว่า คนลาวกับคนไทย อะไรๆมันก็คล้ายๆกันนะ 55 ถิ่นเราได้เงินจากชาวต่างชาติมาเช่นไร เขาก็ทำได้เช่นนั้น สิ่งที่ได้มาคือ แอบถ่ายเจ้าของร้าน กับลูกชาย หน่อย ยิ้ม
- ตั๋วรถ VIP ไปวังเวียงราคา 120 บาท/คน มีรถมารับถึงที่พักเลย แฮ แฮ (ไม่รู้มีใครได้ถูกกว่านี้มั๊ย) ตอนแรกได้มา 200 ฝรั่งคุยให้ได้ 120 เฉย
- การข้ามเมืองไม่มีพาสปอร์ตก็ข้ามได้นะ เพราะคนคิดว่าต้องเสียเงิน ข้ามไม่ได้ ฯลฯ เขาเลยเอาจุดนี้ที่เรากลัว มาทำให้บางคนยอมจ่ายเงินกับคนที่เขามาหลอก แล้วก็อดเที่ยว (ในกรณีไม่มีพาสปอร์ตนะ) พี่ภรรยาฝรั่งเขาบอกเอง และพี่ฝรั่งก็บอก I เคยโดนมาแล้ว ตอนนี้เก่งละ 55
- ทางที่ดีควรเตรียมพาสปอร์ตให้ดีก่อนนะ ทำอะไรจะได้ไม่ยุ่งยากเช่นการจองห้องพัก การเดินทางคนเดียว กรณีนี้เอาไว้ใช้สำหรับคนที่ลืมหรือ
ทำพาสปอร์ตไม่ทัน อะไรก็แล้วแต่ แล้วไปถึงที่เที่ยวแล้วต้องการไปให้สุด อย่างไรก็ตามมีพาสปอร์ตดีที่สุด จะได้ไม่ต้องมาคอยพะวัง กังวลใดๆ
รายการอาหาร
รายการเบียร์
- Beer Lao Gold Special 16.000 *** อันนี้อร่อย
- Hoogarden 30.000 ***ที่ไทยดีกว่า
- Guiness 35.000
- Stellaartois 25.000
- Corona 35.000
- Savanna 25.000
- Asahi 100000
- BUD 25.000
ว่ากันว่ามาลาว ต้องลองกินเขยลาว เอ้ย เบียร์ลาว ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึง คุณควรลืมน้ำเปล่าไปซะ เพราะมันแพงงงงงงงงง 555 มาลองกันเถอะ สั่งอะไรไปบ้างก็ลืมแล้วอะ 5555
แล้วก็อย่าลืมกินข้าวด้วย (นี่คือลาบลาว ไข่ดาว และข้าวเหนียว) ยิ้ม
Ps.1 เบียร์ลาวเป็นขวดจะรสชาติดีกว่าเบียร์เป็นกระป๋อง
Ps.2 เบียร์ลาวขวดเล็กจะรสชาติดีและหอมกว่าขวดใหญ่ แทบจะคนละรสชาติ
Ps.3 อย่าสั่งข้าวเยอะ จานมันใหญ่ โต๊ะจะเต็ม 555
Ps.4 น้ำเปล่า น้ำผลไม้ก็มีนะ แต่แพงกว่าเบียร์ ยิ้ม
Ps.5 กระทู้แรก เรียบเรียงไม่ดีอย่างไร ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยจ้า
กินอิ่มหนำสำราญแล้วเราก็กลับเข้าห้อง เนื่องจากกลางวันมันร้อนอยู่ ขอเป็นแวมไพร์ซุกเตียงกัน (ไม่ได้ถ่ายรูปเนื่องจากเหนื่อย เมื่อยล้า อิ่ม ข้ออ้างสารพัด) 555 //ภาพดับแพลนไปที่โคมไฟ Zzzzzzz
ตอนที่ 4 เยือนน้ำโขง
16.00 น. ตื่นเถิดชาวไทย อย่าหลับใหลลุ่มหลง พวกเราได้เพื่อนชาวลาวกันด้วยแหละเขาจะพาเราไปเที่ยวริมน้ำโขง และแล้วราชรถก็มาเกยเรา
แท่น แท๊นนนนนน!! ไม่ต้องเสียแรงเดิน ไม่ต้องเสียเงินค่าเช่ารถ สบายแล้วเห้ยย ยิ้ม
และแล้วเราก็เดินทางมาถึงริมน้ำโขง Bee line เต็มไปหมดเลย จะสังเกตที่ลาวจะมีโลโก้นี้อยู่เยอะมากกกก
เดินเล่นกันดีกว่า
นี่คือแม่น้ำโขงฝั่งลาว
ของกินมาอีกแล้ว ชิมหน่อยดีกว่า
ไอติมรสกะทิราคา 20 บาท (ไม่อร่อย) จะไม่เผลอซื้อกินอีกต่อไป บายยยย
อนุสาวรีย์อะไรก็ไม่รู้ลืมแล้ว จะตั้งอยู่คู่น้ำโขง _/\_
ตอนที่ 5 ราตรีนี้อีกนิดเดียว
หลังจากที่เดินเล่นริมแม่น้ำโขงที่สวยงามมมมมมมมมมมมมมม ซึมซับบรรยากาศเป็นที่พอใจแล้ว เวลาที่รอคอยก็มาถึงนั่นก็คือ "ตะลุยของกิน" เพื่อนพาไปกินร้านๆหนึ่งที่เป็นร้านท้องถิ่นของคนลาว และราคาลาวๆ ไม่อัพราคาสำหรับชาวต่างชาติ ชื่อร้านอะไรจำไม่ได้แล้ว เอารูปพิกัดไปแทนละกันเนอะ ซอยอยู่ตรงข้ามถนนคนเดิน จะเห็นตึกใหญ่ๆแบบนี้ มีตึกเดียวเด่นสง่า ขอเรียกว่า "แยกเบยลาว" ละกัน ก็ตามภาพเล่นนะ 5555
เลี้ยวเข้าซอยไปเลย ร้านจะอยู่ด้านซ้ายมือ ข้างๆจะมีแผงตลาดนัดขายของจุกจิก ราคาถูกอยู่ตรงนั้น
มาเริ่มที่รายการอาหารกันเลยดีกว่า น่าจะอ่านว่างี้นะ ราคาก็ตามนี้เลย
นี่คือรายการเครื่องดื่ม
ก่อนอื่นต้องแนะนำก่อนเลยว่า ศัพท์พื้นฐานที่ควรจะรู้ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการสั่งอาหารก็คือ
__ไทย__ | __ลาว__
น้ำเปล่า น้ำดื่ม
น้ำแข็ง น้ำก้อน
เก็บเงิน ไล่เงิน
ข้าวเหนียว ข้าว
ข้าวหอมมะลิ ข้าวสวย
แก้วน้ำ จอก
ขวดน้ำ แก้ว
กาละมัง ชาม
ชาม ถ้วย
Ps.1 อย่าเผลอสั่งข้าว 1 ชามล่ะ ไม่งั้นต้องกินข้าวเป็นกาละมังเลยแน่ๆ
Ps.2 ไม่มีหมูให้กินนะ ส่วนมากคนลาวกินเนื้อ สำหรับใครที่ชอบกินเนื้อก็น้ำลายสอไป และใครที่ชอบกินหมูต้องซับน้ำตาไปกินมัง
Ps.3 ร้านขายเคสโทรศัพท์ข้างๆถูกมาก ของดี 20-40 บาท
เนื้อออออออออออออ (ลืมชื่อเมนู) 55
ยำแหนม
ยำแหนมเขาบอกว่าต้องกินกับผักแบบนี้ ผักเปรี้ยวดี ผักอะไรก็ไม่รู้
ปอเปี๊ยะลาว What???????????? I อยู่ไทยไม่เคยกินป๊อเปี๊ยะที่ไหนสด สุขภาพดีขนาดนี้มาก่อนเลย (ฝันสลายนึกว่าจะได้ของทอด)
มาดูเน้นๆทีละคำกันเลยดีกว่า ขอแนะนำว่าเมนูนี้อร่อยจริงๆ ผิดคาดมากกกก
ด้านในจะเป็นไส้แบบนี้ กัดเน้นๆ ให้เห็นจะๆ หุหุ และนั่นคือผักนะไม่ใช่หนอน อย่าเข้าใจผิดแต่อย่างใด ผักสะอาดมาก
ส้มตำ รสชาติแซ่บดี
ตำปูปลาร้า รสชาติเค็ม เผ็ด
ข้าวซอยลาว(มีเนื้อ) ลองชิมน้ำดูแล้วอร่อยดี 55
อาหารทั้งหมดที่สั่งมา มื้อนี้เจ้าบ้านเลี้ยง สบายกระเป๋าเลย
ยังๆ ยังไม่อิ่มเราขอไปต่อกันที่ร้านอาหารชื่อดัง "ขอบใจเด้อ" เรื่องกินล่ะขอให้บอก เน้นกินกันจริงๆเลยทริปนี้
บรรยากาศภายในร้านจะเป็นโทนแบบนี้ ร้านแบ่งเป็น 2 ชั้น อยากรื่นเริงก็อยู่ข้างล่าง อยากได้ความเป็นส่วนตัวก็ขึ้นข้างบน
เบยทาว ก็มีนะ แต่รสชาติอ่อนกว่าเป็นขวด
กับแกล้มถ่ายทันแค่นี้ นอกนั้นแร้งทึ้งไปหมดแล้ว 55 (เมนูนี้เรียกว่าข้าวจี่)
ร้านขอบใจเด้อ เป็นร้านอาหารกึ่งบาร์ อาหารอร่อย ราคาไม่แพง ถูกกว่าร้านข้างทางทั่วไปด้วยซ้ำ อยากจะมีกินทุกมื้อเลยจริงๆ เมนูเยอะมาก อาหารไม่เหมือนบาร์แถวบ้านเรา ที่นี่เขามีอาหารให้เลือกหลายประเภท ทั้งของหนัก ขาวคาว ของหนัก ของทานเล่น หลายสัญชาติ ยกนิ้วให้เลยจริงๆ ร้านนี้ ตกแต่งร้านได้ดีเป็นไม้ประยุกต์โครงสร้างต่างๆไม่รู้สไตล์อะไร มีมุมเต้น มุมระเบียง มุมห้องแอร์ ตอนไปถึงฝนตกก็แฮะไม่ได้ถ่าย ที่สำคัญทำรูปพริตตี้ หล่นหายไปด้วย อดดูกันเลย ที่นี่พนักงานบริการดีมาก มีกางร่วมให้ตลอดการเดินทางไปตามโซนต่างๆตอนฝนตก และขึ้นลงบันได ค่าอาหารทั้งหมด เสียคนละ 70 บาท!! ห้ะอะไรนะ 70 บาท!! ไม่เคยกินถูกขนาดนี้มาก่อนเลย สั่งเบียร์ 1 ทาว และกับแกล้มประมาณ 3 อย่าง กินกัน 5 คน
อิ่มแล้วก็ได้เวลากลับละ อยู่โซน MIX VIENTIEN ตรงทะลุถนนไปก็ถึงที่พักแล้ว ภาพตัดไปที่โคมไฟ Zzzzz
ตอนที่ 5 ลาแล้วเวียงจันทร์ ฉันจะไปวังเวียง
เช้าวันใหม่ได้เวลาไปวังเวียงแล้วสินะ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เรื่องเที่ยวสำคัญแล้ว เรื่องกินต้องสำคัญกว่า 555 อาหารเช้าฟรีรออยู่ อย่าไปเสียเงินข้างนอกโดยใช่เหตุ มื้อนี้กินเพื่ออยู่ สำหรับเวลาที่เร่งรีบ แต่มื้อต่อไปเราจะอยู่เพื่อกิน ขอเวลาอีกไม่นาน เราจะทำตามสัญญา
หน้าตาอาหารเช้า แต่ไม่มีหน้าตาคนกินนะ 55
รู้ปะว่าต้องกินแบบนี้ ล้อเล่น แฮ แฮ แฮ แต่ใครจะลอกเลียนแบบก็ได้นะ อร่อยดี มีสีเหลืองด้วย
จ้วงกันเข้าไปๆ
ย้อนไปความเดิมตอนที่แล้วๆ ที่ฝรั่งเจ้าของร้านช้างคู่ได้ติดต่อรถไปวังเวียงให้พวกเรา 09.00 น. ราชรถ(สองแถว) ก็มาเกยรอรับเราถึงหน้า
iHouse เพื่อพาเราไปยังจุดขึ้นรถ VIP ที่แสตนบายรอนักท่องเที่ยวอยู่ ก็ยื่นปี้ให้เขา ปี้ แปลว่า ตั๋ว
ใช้เวลาเพียง 10 นาทีเราก็ถึงจัดนัดพบแล้ว และนี่คือสภาพภายนอกรถ VIP ของพวกเรา
ภายในรถสภาพก็โอเค ดูดี หน้าตาดีด้วย หัวเราะ
ว่าแล้วก็มาแชะภาพสมาชิกหลังรถกันดีกว่า ยึดครองพื้นที่กันเลยทีเดียว
3 ชั่วโมงผ่านไป ไวเหมือนนั่งรถ(ก็ใช่น่ะสิ) เราก็มาถึงจุดแวะพักกลางทาง คล้ายชนบทแถวบ้านเรา (อ้าวลืมถ่ายข้างหลัง55)
ลืมถ่ายรูปบรรยากาศจุดแวะพักซะงั้น งั้นเอาห้องน้ำมาเสิร์ฟแทนเลยนะกัน (เห็นสภาพแบบนี้แต่มีบริการฟรี ทิชชู่นะ)
ฮัลโหลลลล!! มีตัวอะไรอยู่มั๊ยยยย o_0!!
ข้างบนล่ะ มีใครอยู่มั๊ยยยยยยย!! ลมโชยโบกโบยพัดมา เย็นดีนะ
Ps.1 ค่าเข้าห้อง 8000 กีบ | มาม่า 40 บาท | ของที่ขายนำเข้าจากไทยทั้งหมด
Ps.2 เฝอไม่อร่อย อันนี้รสชาติส่วนบุคคล ลองไปชิมดูนะ
และแล้วเราก็เดินทางมาถึงสถานีขนส่งวังเวียงใช้เวลาทั้งหมด 6 ชั่วโมง ก็รีบติดต่อห้องพักที่จองไว้ปรากฎว่าเขาบอกว่าเดินมาก็ถึงแล้ว แค่เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา เจอสามแยกเลี้ยวซ้าย แล้วเลี้ยวขวา ขวาอีกที และซ้าย 3 รอบ โอเคป้ามารับพวกเราเถอะ -/\-
ราชรถมารับพวกเราแล้ว สบายอีกละ เจ้าของที่พักใจดีจริงๆ ภาพเบี้ยวจะเบี้ยวๆหวืดๆ แอบถ่าย กลัวโดนดุ แฮ แฮ แฮ
นี่คือสภาพภายในห้องพัก มี 3 เตียง(อีกเตียงเหยียบอยู่ 55)
ภายนอกที่พักจะเห็นวิวแบบนี้ ลืมชื่อที่พัก จำได้แค่ว่าที่พักอยู่ตรงสิ้นสุดถนนคอนกรีต ทางไปถ้ำจังเลย
Ps.3 ที่พักราคา 1000 บาท ต่อรองมาได้ในราคา 900 บาท อยู่กัน 5 คน ตกคนละ 180 บาท มี 3 เตียง เครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน
Free Wi-Fi, ฟรีอาหารเช้า(สั่งกินได้ก่อน 10 โมงนะ), ฟรีของกินเล่นข้างล่าง, มีเบียร์หลายชนิดขายด้วย
Ps.4 ที่พักจะมีสมุดเที่ยวเล่มหนาๆของแต่ละที่ประมาณ 4-5 เล่ม แยกเป็นหมวดหมู่ให้เลือก ขอบอกเลยว่าแต่ละที่ห่างไกลกันมาก ถ้ามีเวลาหลาย
วันก็ดีหน่อยจะได้เที่ยวที่ละวัน แต่ถ้ามีเวลาจำกัดเที่ยวได้แค่1-2 วัน เลือกที่ที่อยากไปที่สุดเถอะ อย่าเหมาอยากไปนุ่นไปที่ให้ครบๆ เวลาไม่พอแน่
จัดของเข้าที่พักเสร็จเรียบร้อยแล้ว มาห่วงเรื่องสำคัญกันเลยดีกว่า กินอะไรดีล่ะ เดินไปตามท้องถนนเรื่อยๆ เหมือนจะไม่มีอะไรให้พวกเรากินได้เลย มันดูร้าง สงบ และร้อน!! อ่า เลือกเข้าไปสักร้านละกัน และแล้วเราก็ได้เมนูที่ชื่อว่า "ผัดลาว" มาเสิร์ฟกะเพาะ อร่อยติดซ้อมจริงๆ แต่นั่งรอนาน ติดเก้าอี้กันเลยทีเดียว แต่ก็คุ้มค่ากับการรอคอย
ตอนที่ 6 สบายดี บลูลากูน
หลังจากที่กินข้าวกินน้ำอิ่มหนำสำราญ ก็ได้เวลาเที่ยวแล้วล่ะ ร้อนๆอย่างนี้ คงหนีไม่พ้นน้ำแน่นอน เป้าหมายของเราจึงเป็นบลูลากูน (ในตอนแรกไม่รู้หรอกว่าสถานที่มันเป็นอย่างไร ไม่เคยดูรีวิวใดๆของที่นี่มาก่อน รู้แค่ว่ามีน้ำ โอเค งั้นไป 55) อยู่ๆก็มีพี่ๆที่เขาทำทัวร์ท่องเที่ยวก็มาเสนอราคาไป เที่ยวที่บลูลากูน เหมารถไปในราคา 400 บาท 5 คนก็ตกคนละ 80 บาท พี่เขาบอกว่านี่ราคาถูกสุดๆแล้ว เจ้าอื่นอาจแพงกว่านี้ ก็ตกลงไปเลยละกัน (ตอนแรกคิดว่าแพง แต่พอไปถึงที่หมายแล้ว รู้สึกว่าได้กำไรแฮะ 55)
ข้ามสะพานกันเลยดีกว่า (ค่าเสียหาย 20 บาท) พึ่งมารู้ทีหลังว่ามีสะพานฟรีด้วยเหรอ...
ถนนเป็นทางลูกรังกระเด้งกระดอนตลอดทาง ถ่ายภาพยากมาก หัวโขกหลังคารถเป็นระยะๆ กล้องใหญ่ถ่ายไม่ได้เลย
บรรยากาศระหว่างทาง ไม่มีโฟกัสใดๆ ชัตเตอร์รัวๆ (คำแนะนำกรุณาจับโทรศัพท์หรือกล้องให้แน่น ไม่งั้นอาจหล่นได้)
เฮ้ยู ตามมาๆๆ (มอเตอร์ไซค์มีให้เช่านะ วันละ 280 บาท พวกเรามาก็เย็นแล้วคิดว่าเช่าคงไม่คุ้ม เหมารถดีกว่า)
ทิวทัศน์ระหว่างทางไปบลูลากันมีทั้งทุ่งหญ้าสีเหลือ และสีเขียว ภูเขาเหมือนภาพวาด สวยงามจริงๆ ลมเย็นๆ มาพร้อมกับฝุ่นจางๆ บรรรยากาศชนบทของแท้ ได้กลิ่นโคลน สาบควาย กินน้ำลายกันและกัน 555 ทางขรุขระมาก ถ้าใครจะเดินทางมาที่นี่กรุณากินแบบทิ้งช่วงหน่อย ไม่งั้นมีอ้วก
มาดูบรรยากาศผ่านทอดไม่สดจากวิดีโอกันเลยดีกว่า ภาพไม่คม อารมณ์ต้องได้ใช้เวลาไปประมาณครึ่งชั่วโมง เราก็มาถึง "บลูลากูน" ไม่รู้ว่าตับ ไต ไส้ พุง ตกหล่นแถวกลางทางรึปล่าว คือมัน Adventure มาก ถ้าใครเช่ารถมาก็ขับขี่อยากระมัดระวังด้วยนะ สำหรับผู้ชายก็ระวังลูกชายระบมด้วยครับ ผู้หญิงก็เจ็บตูดไปตามระเบียบนะคะ ก็คำนวนเวลาเอาแล้วกันนะ เพราะนี่ขนาดนั่งรถมายังใช้เวลาครึ่งชั่วโมง ถ้าปั่นจักรยานล่ะก็...แฮ แฮ แฮ แต่คุ้มนะสามารถจอดถ่ายวิวสวยๆได้โดยดีไม่ต้องหัวโขกหลังคารถTT
ที่นี่มีทาร์ซานด้วยล่ะ เผื่อสาวต้องการภาพซูม 555
น้ำเขียว ตูดใส (น้ำลึกประมาณข้อศอก หมายถึงหย่อนเท้าสุดพื้นแล้วชูมือ ข้างล่างเป็นทราย)
มาดูความจริงสีของภาพวิดีโอกันเลยดีกว่า ที่นี่เขามีให้โดดน้ำตามระดับความใจกล้าของแต่ละนะ มี 3 ชั้น
ขาไปลืมถ่ายรูปราชรถของเรา ถ่ายตอนกลับละกัน กลับละ บ๊าย บาย บลูลากูน
แล้วพบกันใหม่
ตอนที่ 7 ราตรีนี้ ที่วังเวียง
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาออกล่าตามหาของกินแล้วสินะ เป้าหมายของเราจึงพุ่งตรงไปที่ถนนคนเดินตามหาไม่ยาก เดินตรงๆไปเรื่อยๆก็ถึงเอง เพื่อนที่เวียงจันทร์บอกว่าถ้ามาวังเวียงไม่กินโรตี มาไม่ถึงวังเวียงนะ ห๊ะ!!? ทำไมต้องโรตี พอเดินมาถึงถนนคนเดียว เอ้ย คนเดิน ก็ถึงบางอ้อ โรตีเยอะมาก!!!!!!!! แต่ละร้านรสชาติไม่เหมือนกันนะ เวลาเดินดูอย่าเพิ่งรีบซื้อนะราคาไม่เท่ากัน สำรวจดูแล้วราคาถูกสุดอยู่ที่ 40 บาท เคยเห็นรีวิวว่าโรตีหน้าธนาคารอะไรสักอย่างเนี่ยอร่อย แวะเจิมสักหน่อยละกัน ขอพิสูจน์ว่าจริงรึเปล่า ปรากฎว่ารอนานแฮะ แล้วก็ไม่อร่อยสมคำร่ำลือ หรือจริงๆแล้วรสชาติเป็นรสนิยมส่วนบุคคลกันแน่
หลังจากที่เพื่อนพุ่งเป้าซื้อร้านนี้แล้ว เราเป็นพวกนอกคอกชอบลองอย่างอื่นที่เขาไม่รีวิวกัน 555 พุ่งเป้าไปยังร้านโรตีคู่แข่งฝั่งตรงข้าม ผลลัพธ์ปรากฎว่า อร่อยแฮะ ได้เยอะด้วย ราคา 40 บาท ทำเสร็จไวกว่าร้านที่เพื่อนสั่งอีก กินจนหมดแล้วไปยืนรอมันอีกตั้งนานกว่าจะได้ (ปล. ชิมของเพื่อนทีหลัง หลังจากกินของตัวเองหมดแล้ว)
เดินลัดเลาะไปตามถนนใกล้แม่น้ำกันดีกว่า มุ่งหาร้านที่มี Free Wi-Fi เป็นอันดับแรก ทุกหน้าร้านจะมีเมนูบออกว่าในร้านมีอะไรขายบ้าง ในที่สุดก็เลือกร้านที่เพลงเพราะละกัน ตอนแรกลังเลอยู่ว่าจะเลือกร้านที่มีโต๊ะสนุ๊กดีมั๊ย แต่ดูแล้วรายการอาหารไม่น่ากินเท่าร้านนี้ (ลืมชื่อร้าน แต่จำได้ว่าสีแดงทั้งร้าน เป็นเบาะนวมโซฟาคล้าย บอมเบย์บูลที่ กทม ถ้าใครเคยไปจะรู้ ถ้าใครไปเคย ก็ถามอากู๋เลย)อาหารมาแล้ว แฮ แฮ แฮ แฮ่!!!! ไม่สามารถบอกได้ว่าคืออะไร เพราะอ่านไม่ออก จิ้มรูปให้พนักงานจดออร์เดอร์อย่างเดียว55 รสชาติใช้ได้ 3 ดาวละกัน อาหารที่นี่อย่าสั่งเยอะนะ เพราะเขาให้มาให้ปริมาณมากเลยทีเดียว ระวังกินไม่หมดนะจ๊ะ
ถ่ายแต่ของตัวเอง ลืมถ่ายของเพื่อนตลอด 55
เบียร์ราคาถูกเช่นเคย น้ำเปล่าหายากจริงๆ และราคาแพงกว่าด้วย น้ำผลไม้ยังราคาถูกกว่าอีก
รสชาติต่างจากของไทย งงเหมือนกัน อันนี้ดีกว่า
Ps.1 ลืมถ่ายรูปถนนคนเดิน T_T
Ps.2 ที่นี่เขามีบาร์เล็กๆตลอดแนว เฮฮา แบบอบอุ่น เรียบร้อย งงปะ? ก็คือสังสรรค์แบบซอฟๆ นั่นเอง
Ps.3 อย่าคิดว่าร้านหรู ดูดี ใหญ่ จะราคาแพงนะ มันผิดคาด
Ps.4 ยุงเยอะมากกลางคืน อย่าลืมพกยากันยุงไปด้วย
Ps.5 เบยลาว ถ้าจะสั่ง ควรสั่งขวดเล็ก เพราะรสชาติขวดเล็กต่างจากขวดใหญ่ ขวดเล็กจะรสชาติดีกว่า
ภาพตัดแพลนไปที่โคมไฟ Zzzzzzzz
ตอนที่ 8
07.00 น. ได้เวลากิน เอ้ย ได้เวลาตื่นแล้ว หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จเราก็มาหาอาหารเช้าฟรีกินกัน สามารถเลือกได้ว่าจะสั่งอะไร เขาจะมีเมนูมาให้ แล้วจะทำให้กินกันสดๆเลย (หมายถึงทำอาหารให้ทำทันทีนะ ไม่ใช่กินสดๆ ไม่ทำให้สุกเลย) หน้าตาอาหารเช้า น่ากินดี ขนมปังฝรั่งเศสของแท้ อร่อยมาก ต้องบาดปาก ถ้ากินแล้วเลือดไม่ออกแปลว่าของปลอม 55
หน้าตาคนกิน และวิวรอบๆ อร่อยบาดปาก ธรรมาชาติก็บาดตา ดีเหลือเดิน ฟืดๆ
ก่อนจะกลับเวียงจันทร์ก็ขอไปเที่ยวถ้ำจังก่อนละกัน ใกล้ที่พักดี เจ้าของที่พักบอกว่าเดินไปไม่นานก็ถึงแล้ว (จากประสบการณ์ตอนมาถึงวังเวียง ตอนแรก คิดว่ามันต้องเป็นกิโลแม้วแน้ๆ 55) คุยไปคุยมา เจ้าของใจดีก็พาไปส่งถึงที่ซะงั้น แฮ แฮ แฮ ใช้เวลาเพียง 10 นาที(40km/hr) สำหรับการเดินทางก็มาถึงทางเข้าถ้ำจัง แต่ แต่!! สะพานสีส้มนี่มันคืออะไรรรรร!! เพิ่งรู้ว่ามีขอแชะภาพหน่อยละกัน แสง สี สวย สด แสบผิว(ร้อน) ระวังรถสวนมานะ เพราะจะกินพื้นที่ทั้งหมดบนสะพานจนเราต้องล่าถอย
หลังจากถ่ายรูปที่สะพานข้ามแม่น้ำซองจนหอมปากหอมคอแล้ว กำลังจะเดินไปถ้ำจังอยู่แล้วเชียว เจ้าของที่พักก็โทรมาว่ารถกลับวังเวียงจะออก แล้วให้รีบกลับได้แล้ว กริบเลยยย ต้องโบกมือบ๊ายบาย รถตู้ที่จองไว้มารอรับถึงหน้าทางเข้าวังเวียงเลยแฮะ บริการดีมาก (หรือเราช้า) 55 มีราชรถ มารับส่งตลอดทริปเลย ขากลับนั่งรถตู้กลับเพราะเซฟเวลา อยากไปเที่ยวเวียงจันทร์ต่อ ซึ่งถ้านั่งรถทัวร์ก็จะกินเวลา 6 ชั่วโมงแต่นั่งรถตู้แค่ 4 ชั่วโมง
ลาแล้ว วังเวียง
ตอนที่ 9 สบายดี เวียงจันทร์
บ่ายแก่ๆ เราก็เดินทางมาถึงเวียงจันทร์ และนี่คือประตูไซ หรือ ประชัย นั่นเอง (ถ่ายอย่างไรก็ย้อนแสง T_T) กรุณามองให้ทะลุความมืดเพื่อมองเห็นลวดลวยอันงดงามด้วย อยากได้มุมเสยต้องทำใจเพราะใช้กล้องโทรศัพท์ 55 เรียกภาพนี้ว่า "ภาพถ่ายจากมุมเสย" ละกัน ประวัติคร่าวๆของที่นี่ ก็คือเป็นอนุสรณ์สถานเพื่อรำลึกถึงชาวลาวที่สละชีพเพื่อชาติในสงครามอินโดจีน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ทุกคนต้องมาเที่ยวให้ได้ ไม่งั้นมาไม่ถึงนะ ขึ้นไปด้านบนดีกว่า บันไดวนและชันมาก โปรดระมัดระวัง ข้างในประตูไซจะมีของขายมากมายแต่ของห้ามถ่ายรูป เลยถ่ายบันไดมาแทนละกัน 55
ภาพถ่ายจากมุมสูง (ด้านหน้า)
ภาพถ่ายจากมุมสูง (ด้านหลัง)
หลังจากชื่นชมทัศน์ยภาพของประตูไซกันแล้วเราก็แวะไปเที่ยวห้างของคนลาวกัน (ลืมถ่ายรูปอีกแล้ว) ห้างปิด 4 โมง ชั้นจอดรถจอดได้ชั้นเดียว คือชั้น 5 ร้านผ้าไหมข้างในมีเยอะมาก เนื้อผ้าดี ราคาจะถูกกว่าในประตูไซ และแล้วช่วงเวลาสำคัญก็มาถึงเพื่อนชาวลาวพาเข้าบ้าน เลี้ยวส่งก่อนกลับไทย (ไม่มีหมูให้กินอีกแล้ว) ทำไมที่นี่ต้องไม่กินหมู!!!
แต่ยังดีนะมีไก่ และ ส้มตำให้กิน เห็ดทอดด้วย นอกนั้นเนื้อหมดเลย น้ำตาจะไหล T_T
นี่คือหมาที่บ้าน กินไม่ได้นะ ยิ้ม
อิ่มหนำสำราญแล้วก็ได้เวลากลับไทยละ ซื้อตั๋วที่ขนส่งในราคา 100 บาท (ลาว-อุดร)ใครจะซื้อของฝากก็ซื้อที่นี่ได้เลยนะมีเยอะมาก สำหรับใคร ที่จะซื้อเบยลาวกลับไปละก็คิดให้ดีนะ ด่านเขาตรวจ ถ้าจำไม่ผิดให้ซื้อเข้าไปได้ไม่เกินกี่กระป๋องนี่แหละ แต่ก็เห็นมีคนลักลอบจุ๊กจิ๊กกับรถทัวร์เยอะอยู่พอสมควรเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว อย่างไรก็ระวังด้วยนะ ถ้าใครติดใจขนมปังฝรั่งเศสซื้อกลับไทยไปก็ได้นะ อร่อยบาดปากมาก!!
ลาแล้ว เวียงจันทร์
ตอนที่ 10 สวัสดี ประเทศไทย
และแล้วเราก็เดินทางมาถึงอุดรธานีโดยสวัสดิภาพ การเที่ยวย่อมมีวันเลิกลา แต่อย่าหยุดกิน 55 ขอส่งท้ายด้วยภาพนี้
หอยทอดเมืองอุดร อร่อยดี ฟรีน้ำเปล่า เดินออกจากขนส่งเลี้ยวขวา ร้านอยู่ขวามือ เพราะทางซ้ายเป็นถนน แฮ แฮ แฮ ยิ้ม กินเสร็จแล้วก็ต้องหารถไปสนามบิน ตุ๊กๆเอา 300 บาท บ้าจริงพี่ชาย จะขูดเลือดขูดเนื้อไปถึงไหน พร่ำบ่น ไม่มีใครไปส่งน้องหรอกเวลานี้ แท็กซี่ก็แพงกว่าแน่นอน ไอ้เราก็เป็นพวกไม่ชอบเชื่อจนกว่าจะได้พิสูจน์ล่ะสิ เดินไปถามแท็กซี่เลย เหมาไปสนามบินไปไหมพี่ คิดเท่าไหร่ ปรากฎว่าไปแฮะ ค่าเสียหาย 150 บาท ตุ๊กๆเงิบกันเลยทีเดียว ให้เวลาเดินหนีให้ว่องไว
มาถึงสนามบินแล้วก็หมดสภาพกันเลยแต่ละคน
หมดเวลาสนุกแล้วซิ เปิดวาปกลับ กทม ด่วนๆ Zzzzz-