สวัสดีครับ วันนี้เรามาพักเบรคสถานการณ์เครียดๆกันเเล้วมารีวิวรีสอร์ทสวยๆกันคลายเครียดดีกว่าครับ สำหรับรีสอร์ทคราวนี้คือ Tamarind Village หรือหมู่บ้านมะขามที่เชียงใหม่ครับ
โรงเเรม Tamarind Village ตั้งอยู่กลางเมืองเชียงใหม่ ติดถนนราชดำเนินเลยครับ ใครที่ชอบเดินถนนคนเดินวันอาทิตย์ ถือว่าสะดวกมาก ส่วนผมไปวันที่เชียงใหม่มีเลือกตั้ง ถนนคนเดินหยุด ให้ตายสิ! ทางเข้าอันเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่คือซุ้มต้นไผ่ด้านหน้า ตอนกลางคืนพอเปิดไฟเเล้วสวยดีครับ
จากทางเข้าเวลาเดินไป Lobby เราจะผ่านทางเดินที่ทำเหมือนระเบียงคด โดยได้กลิ่นอายมาจากระเบียงคดวัดต้นเกว๋น สวยดีครับ บางช่วงเวลาจะมีนิทรรศการเเสดงผลงานภาพถ่ายบริเวณนี้ด้วย โดยทางเดินนี้จะเชื่อมไปถึงทางออกฝั่งถนนราชภาคินัย ตรงทางออกประดิษฐานพระพุทธรูปอยู่เพื่อความมงคล
จากทางเข้าเดินมาไม่ไกลก็ถึงLobbyครับ ตรงนี้เป็น Open air มีขนาดไม่ใหญ่มาก เเต่ช่วงเช้าๆบรรยากาศดีครับ พอมาถึงพนักงานก็เอาwelcome drinkมาเสิร์ฟพร้อมผ้าเย็น
ตัวรีสอร์ทมีขนาดกลางๆ เเต่จะเเบ่งเป็นอาคารล้อมcourt เล็กๆ พร้อมทางเดินเป็นชายคาตลอดเเนว ทำให้บรรยากาศไม่เหมือนโรงเเรม เเต่เหมือนหมู่บ้านเก่าๆ(ที่สวยมากๆ)มากกว่า ตัวผมเองเป็นคนชอบการวางlay out อาคารเเบบนี้อยู่เเล้วเลยเดินเก็บรูปเล่นเพลินเลยครับ
จะเห็นได้ว่าสถาปนิกออกแบบอาคารให้ดูไม่ใหญ่มาก โดยใช้วิธีการทอนสเกลอาคารด้วยหลังคาทำให้เวลามองจากด้านบนจะเห็นหลังคาซ้อนชั้นกันไปเรื่อยๆ โดยหลังคาโบราณเเบบนี้จะต้องใช้องศาหลังคาที่ชันมากเพื่อกันน้ำฝนไหลย้อน ทำให้ชายคาอาคารเตี้ย คนตัวสูงๆอาจต้องก้มหัวนิดนึง เเต่ก็คุ้มกับความงามที่ได้ครับ
พื้นที่นี้คือcourt หลักของโรงเเรมครับ เป็นcourtที่ใหญ่สุด อยู่ติดกับลอบบี้เลย
ที่เห็นเจ้าเเมวนอนจ้องอยู่นั่นคือต้นมะขามอายุร้อยกว่าปีที่ตั้งอยู่ตรงกลางcourtครับ เป็นที่มาของชื่อTamarind Villageครับ
สำหรับลานมะขามตรงนี้ ทาง รร จะใช้เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมหมุนเวียนตามเเต่ละเทศกาลครับ ช่วงลอยกระทงก็ห้อยโคมสวยทีเดียว
ถัดจากลานมะขามเเล้ว เราจะเจอcourt เล็กๆอีกอัน ซึ่งจะมีต้นหมากขึ้นอยู่กลางcourtครับ บรรยากาศจะสงบๆ(เอาจริงก็สงบทั้งรีสอร์ทนะ 55)
อีกฝั่งหนึ่งของลานมะขามจะเป็นcourtที่เป็นที่ตั้งของสระว่ายน้ำครับ สระที่นี่ค่อนข้างกว้างทีเดียวช่วงเย็นบรรยากาศดีมาก เเต่อีกฝั่งของสระเป็นร้านอาหารของ รร เลยอาจจะไม่ส่วนตัวเท่าไรนัก
เข้ามาดูห้องพักกันมั่งดีกว่า ห้องพักมีขนาดไม่ใหญ่มาก เปิดเข้ามาจะเจอเตียงเลย ในเเง่การวางlayout ห้องอาจจะไม่สะดวกสบายเท่า รร สมัยใหม่ เเต่ก็ได้บรรยากาศดีครับ
ตอนกลางคืนจะมีพนักงานมาturn down ให้โดยกางมุ้ง(เเต่ในห้องไม่มียุงนะ เน้นสวยงาม) เเละมีนิทานพื้นบ้านมาวางไว้ให้อ่านก่อนนอน
สำหรับสปา ที่นี่มีสปาให้บริการด้วยครับ เราสามารถเดินตามชายคาเพื่อไปยังอาคารสปาด้านหลังได้เลย
สปาตั้งอยู่ชั้น 2 โดยตัวลอบบี้เป็นเเบบoutdoorครับ พอไปถึงพนักงานก็เอาเครื่องดื่มมาบริการพร้อมให้เราเลือกคอร์สสปา
สำหรับสปาที่นี่ผมว่าบริการโอเคนะครับ เเต่ตัวห้องสปาผมว่ามันดูเเข็งๆไปนิด เเต่ส่วนการนวด ถือว่าดีครับ
ช่วงค่ำๆบรรยากาสใน รร ขลังมาก บางคนอาจมองว่าน่ากลัว เเต่ผมชอบเเฮะ มันดูสงบดี
ตัดฉับมาตอนเช้า ช่วงเช้าที่นี่ถ่ายรูปสวยมาก เพราะตัวอาคารจะฉาลปูนเเบบมีtextureพอมาเจอเเสงเลยขึ้นเงาสวยดีครับ
สำหรับอาคารเข้าจะเสิร์ฟที่ร้านอาหารริมสระว่ายน้ำ สามารถเลือกนั่งindoor หรือริมสระก็ได้ครับ
ไลน์อาหารมีไม่เยอะมาก รสชาติกลางๆ(พี่ที่รู้จักบอกที่นี่สมัยก่อนอาหารเช้าดีมาก เเต่ผมไปยุคโควิท เลยต้องทำใจ)
สรุป Tamarind Village เป็นรีสอร์ทที่บรรยากาศดี สวย สงบ เเต่อาจจะไม่in trend เท่าไรนัก เเต่สิ่งที่สัมผัสได้คือความเนี้ยบในงานออกเเบบครับ (เเน่นอน ที่นี่ออกแบบโดยศิลปินเเห่งชาติ) คนชอบงานดีไซน์น่าจะชอบที่นี่ครับ