1 วัน 1 คืน

หนึ่งวันในเกียวโต

วันที่เขียน 15/11/2017
ยอดเข้าชม

405

หนึ่งวันในเกียวโต

วันที่เขียน

15/11/2017

ยอดเข้าชม

405

#Kyoto #ท่องเที่ยว

หนึ่งวันในเกี่ยวโต    


วิธีการเดินทางมาเกียวโต (Kyoto)

เริ่มต้นที่สถานี Osaka แล้วเปลี่ยนมาเป็นสาย JR Kyoto Line สามารถขึ้นได้ 3 แบบ คือ 1.แบบ Special Rapid ใช้เวลา 30 นาที 2.แบบ Rapid ใช้เวลา 40 นาที และ 3.แบบ Local ใช้เวลา 45 นาที ราคา 560 เยนเท่ากัน

**เช็ครอบดีๆ ใน http://www.hyperdia.com/en/  ว่ารอบกี่โมงเป็นขบวนแบบไหนเพราะราคาเท่ากันทุกแบบนะ ถ้าไม่ Reserved Seat จองที่นั่ง  

สถานีเกียวโต เป็นสถานีรถไฟที่ใหญ่และศูนย์กลางรถบัสของเมืองเลยก็ว่าได้ ซึ่งเราจะเห็นหอคอยเกียวโต (Kyoto Tower) ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามสถานีเกียวโตอีกด้วย  

สถานีเกียวโต เป็นสถานีที่ใหญ่และทันสมัยมาก  

ที่นี่มีบริการรถลากพาเที่ยวไปตามถนนและสถานที่สำคัญต่างๆ โดยสนนราคาอยู่ที่ประมาณ 5,000-7,000 เยน ต่อรอบขึ้นอยู่กับว่าจะไปที่ไหน  


สะพานโทเง็ตสึเคียว (Togetsukyo Bridge)

สะพานโทเง็ตสึเคียว (Togetsukyo Bridge) เป็นหนึ่งในสัญลักษ์ของเมืองอาราชิยาม่า (Arashiyama) เดิน จากสถานี Arashiyama Station ประมาณ 10 นาที  

ภาพวิวจากบนสะพานโทเง็ตสึเคียว สวยงามตามคำเล่ารือจริงๆ  


สวนป่าไผ่ (Bamboo Groves)

เดินต่อตามทางรถไฟ เพื่อที่จะไป สวนป่าไผ่ (Bamboo Groves) เราเปิด Google Map ดูไปด้วยกับอาศัยเดินตามคนไปด้วยนะ 555  

ที่สวนป่าไผ่ (Bamboo Groves) คนเยอะมากจริงๆ T T

สวนป่าไผ่ (Bamboo Groves) เป็นเส้นทางเดินเล็กๆ ที่ตัดผ่านในกลางสวนป่าไผ่สามารถเดินเล่นได้ชิลๆ  

จะเดินตามป้ายบอกทางไปยังวัด Tenryuji กับ ศาลเจ้า Nonomiya-jinja ได้เช่นกัน  

ร้าน Lawson ที่แต่งให้กลมกลืนกับเมือง สุดยอดแห่งความใส่ใจของคนญี่ปุ่น  


วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji Temple)

วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji Temple) หรือ วัดทอง เนื่องจากที่วัดนี้จะมีอาคารหลักเป็นสีทองเกือบทั้งหลังตั้งโดดเด่นอยู่กลางน้ำจึงเรียกกันติดปากว่าวัดทองนั่นเอง  

  • เดินทางโดยรถบัสรถบัสสาย 12, 59 ลงที่ป้าย Kinkakuji-mae เดินต่ออีก 3 นาที
  • นั่งรถบัสสาย 101, 205 ลงที่ป้าย Kinkakuji-michi เดินต่ออีก 5-10 นาที
  • ถ้าไม่มีเวลามาก แล้วมากัน 4-5 คน แนะนำแท็กซี่ไปเลยนะ

  ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 400 เยน

  เวลาเปิด-ปิด: 9:00 - 17:00 น.

ลองทาโกะยากิสไตล์เกียวโต ซึ่งมาในน้ำซุปเลยร้อนๆ หอมๆ อร่อยมากดีนะ ถ้วยละ 400 เยน  

ของร้อนเสร็จ ของหวานเย็นก็ต้องตามมา 555 (ซื้อเพราะมีทองคำเปลวนี่แหละ แต่รสชาติเหมือนไอศรีมทั่วไปนะ)  

รอรถไฟใต้ดินเพื่อเดินทางไปศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine) โดยรถไฟสาย Keihan Main แล้วนั่งไปลงที่สถานี Fushimi Inari  

ก่อนการเข้าไปเที่ยวที่ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ เรากก็แวะกินข้าวหน้าปลาไหลกันก่อนชื่อร้าน Nezameya หาไม่ยากเลยเพราะหน้าร้านจะมีการย่างปลาไหลให้เราดูด้วย มาถูกแน่นอน  

สั่งมาแบบชุดมีทั้งข้าวหน้าปลาไหลกับซุปอุด้ง ในราคา 1,860 เยน  

ทางเดินขึ้นจะมีร้านของกินอยู่ข้างทางเต็มไปหมด เราก็แวะกินไปทั่ว อิอิ  


ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine)

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine) หรือ คนไทยชอบเรียกกันว่า ศาลเจ้าแดง หรือ ศาลเจ้าจิ้งจอก เพราะเทพอินาริมักจะมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย (บ้างที่ก็บอกว่าท่านชอบแปลงร่างเป็นจิ้งจอก) เราเลยเห็นรูปปั้นจิ้งจอกมากมายในนี้  

รูปปั้นจิ้งจอก  

ป้ายไม้ไว้เขียวคำอธิฐานรูปสุนังจิ้กจอก โดยเราสามารถเขียนหน้าตาได้ตามใจอยาก  

เราก็เขียนไว้ด้วยเหมือนกันนะ (ภาพเมื่อปีที่แล้วนะ 555)  

จากนั้นก็เดินขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อเข้าไปในเสาโทริอิ (Torii) ซึ่งมีมากกว่าหมื่นต้น เราต้องเตรียมหามุมถ่ายรูปกันดีๆ ต้องชิงจังหวะกันเพราะคนจะเยอะมาก  

เสาด้านหลังจะมีการสลักคำต่างๆ ไว้ด้วย  

เดินออกมาก็แวะชิมของว่างอีกตามเคย เราซื้อบ้าง เพื่อนเราซื้อมาบ้าง อิ่มกันทั้งวันละ ^ ^

เดินกลับไปรถไฟฟ้าใต้ดินพื่ออจะไป วัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu-dera) หรือ วัดน้ำใส  

สถานีรถไฟฟ้าดูเก่าแก่สวยงามเน้นสีแดงเป็นหลัก  


วัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu-dera) หรือ วัดน้ำใส

  • รถไฟ: ขึ้นสาย Keihan Railway Line ไปลงที่สถานี Kiyomizu-Gojo เดินอีกประมาณ 20 นาที
  • รถบัส: สาย 100, 206 ลงที่ป้าย Gojo-zaka หรือ Kiyomizu-michi เดินประมาณ 10-15 นาที

  ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 300 เยน

  เวลาเปิด-ปิด: 6:00 - 18:00 น.

น่าเสียดายตอนที่ไปตัววัดกำลังซ่อมแซมเกือบทั้งหมด จึงไม่ค่อยสวยเท่าไร  

รูปนี้ถ่ายเมื่อปีที่แล้วนะ (ปี 2016) อยากให้เห็นว่าสวยงามแค่ไหน ^^

รูปนี้ก็ถ่ายเมื่อหน้าซากุระปี 2015 (นี่เรามาวัดนี้ 3 รอบแล้วรึเนี่ยยย.ยยย 555)  

ตอนใกล้ค่ำ เปิดไฟสวยมาก เสียดายที่ไม่ได้เอาขาตั้งกล้องไปด้วย สั้นเป็นเจ้าเข้าเชียวว..วว - -'


น้ำตกโอโตวะ (Otowa no taki )

จะอยู่ด้านล่างของของศาลาวัดน้ำใส โดยแต่ละสายจะมีประโยชน์ที่ต่างกัน ได้แก่อายุยืน, ประสบความสำเร็จในการเรียน และ ชีวิตคู่ ชาวญี่ปุ่นมักจะดื่มน้ำทั้ง 3 สาย  

ออกมาหน้าวัด เดินลงเนินไป ร้านค้าก็ปิดหมดแล้ว น่าเสียดายจริงๆ  

คนที่มาเกียวโตก็สามารถเช่าชุดกิโมโนมาใส่เดินเล่นกันได้นะ  

เดินมาเรื่อยๆ เจอร้านเนื้อน่ากิน ชื่อร้านว่า Kyoto Katsu Gyuu (Kyoto Style Beef) อร่อยมากกก...กกก

ทิ้งลิงค์ไว้ให้นะ https://www.tripadvisor.com/Restaurant_Review-g298564...

อร่อยมากกก..กกกกก

ได้กลับมาถ่าย Kyoto Tower ที่สถานี Kyoto อีกรอบในตอนใกล้มืด